จากนั้นชิงซิ่งก็ไม่ชักช้า รีบคลานลงจากรถม้า นางหันหลังให้กับแสงเปลวไฟที่สั่นไหวไปมานั่น แล้ววิ่งพุ่งตรงไปยังพุ่มไม้
ชิงซิ่งวิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว เมื่อหันหลังกลับไปมอง ก็เห็นเงาที่มืดสนิทนั่นลงสู่ท่ามกลางจุดพักผ่อนของทุกคน
ชิงซิ่งกลัวจนตัวสั่น ในใจคิดเพียงแต่ว่าต้องหาตัวเฮ่อโยวให้เจอทันที
ไม่ให้เฮ่อโยวกลับมาที่นี่อย่างเด็ดขาด เพราะที่นี่อันตราย!
ชิงซิ่งเพิ่งออกไปไม่นาน แสงสะท้อนของดาบก็กระทบลงบนดวงตาของเฉินเสียน
ซูเจ๋อเข้ามาใกล้ ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร บนตัวของเขาปะทุไปด้วยอายพิฆาต เขาหรี่ตาลงจ้องมองไปยังกลุ่มคนชุดดำนั่น ภายใต้บรรยากาศยามค่ำคืนที่สวยสดงดงาม เขาถามขึ้นว่า : “ท่านให้นางไปหาเฮ่อโยวรึ?”
“อืม”
“มั่นใจขนาดนั้นหรือ ว่าคนพวกนี้พุ่งเป้าไปที่เฮ่อโยวคนเดียว?”
เฉินเสียนพูดขึ้นอย่างสงบ : “ข้าก็แค่คาดเดา เพราะถึงแม้ว่าคนกลุ่มนั้นจะไม่ได้พุ่งเป้าไปที่เขาจริงๆ ให้ชิงซิ่งเฝ้าเขาไว้ไม่ให้เขาเพ่นพ่านวิ่งเข้ามาที่นี่ก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือ”
เมื่อพูดจบ เหล่าทหารคุ้มกันต่างชักดาบออกมาพร้อมกัน
หัวหน้าทหารคุ้มกันตะโกนดังลั่น : “ผู้มาเป็นใคร แจ้งชื่อเสียงเรียงนามด้วย!”
แต่ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เมื่อชักดาบออกก็พุ่งตรงเข้ามาทันที
พวกเขาแต่ละคนลงมืออย่างดุเดือด ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างไม่ลดละ
เลือดนองเต็มป่า เสียงร้องครวญครางโอดโอย
คนกลุ่มนี้ปิดหน้าค่าตา โผล่ไว้เพียงคู่ดวงตาที่ชั่วร้าย ลงมือฆ่าคนอย่างเหี้ยมโหดไร้ความปรานี เหล่าทหารคุ้มกันไม่ใช่คู่ปรับของพวกเขาเลย
เฉินเสียนขมวดคิ้วแน่น มองดูเหล่าทหารคุ้มกันที่ล้มลงบนกองเลือดทีละคน
เมื่อครู่นี้ทุกคนยังพูดจาหยอกเล่นกันอยู่เลย พริบตาเดียวฉากตรงหน้าก็กลายเป็นโศกนาฏกรรมเสียแล้ว
หัวหน้าทหารคุ้มกันยังได้นำเหล่าทหารคุ้มกันที่เหลือต่อสู้กันต่อ
ไม่นานนักฆ่าเหล่านั้นก็จัดการเหล่าทหารคุ้มกันจนถดถอย จากนั้นก็เริ่มค้นหาคนในเป้าหมาย
พวกนักฆ่ามุ่งหน้าฆ่าฟันมายังทิศทางที่รถม้าตั้งอยู่
หัวหน้าทหารคุ้มกันตะโกนสั่งว่า : “อารักขาองค์หญิงและใต้เท้า!”
เหล่าองครักษ์ที่เหลือรีบละมือจากอีกฝั่ง แล้วตรงมาขวางทางของนักฆ่า
นักฆ่าแบ่งจำนวนคนส่วนหนึ่งไว้จัดการเหล่าทหารคุ้มกัน และได้แบ่งคนอีกส่วนหนึ่งอ้อมไปจากทางด้านข้าง รวดเร็วและว่องไว เพียงพริบตาเดียวนักฆ่าเหล่านั้นก็มาโผล่อยู่ตรงหน้าแล้ว
ในขณะที่นักฆ่าเหล่านั้นกำลังพุ่งตรงมา ซูเจ๋อก็ดึงข้อมือของเฉินเสียนลงจากรถม้า วิ่งหลบไปมาอย่างรวดเร็ว ทิ้งระยะห่างพอสมควร
นักฆ่าไม่ได้ไล่ตามเธอมาในทันที แต่กลับเปิดม่านรถม้าดูเป็นอันดับแรก เพื่อดูว่าภายในรถม้ายังมีใครคนอื่นอยู่หรือเปล่า
เวลานี้เฉินเสียนมั่นใจเป็นอย่างมาก ว่านักฆ่าเหล่านี้จะต้องมาตามฆ่าเฮ่อโยวอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นว่าภายในรถม้าไม่มีคนอื่น นักฆ่าก็เริ่มฆ่าไม่เลือกหน้า พุ่งตรงมาอย่างเดียว
เฉินเสียนกำลังชั่งใจว่าควรจะหลอกล่อพวกนักฆ่าไปยังที่ที่ทหารคุ้มกันเหล่านั้นมองไม่เห็นหรือไม่ ซูเจ๋อจะได้ลงมือได้สะดวกขึ้น เธอก็สามารถช่วยได้นิดหน่อย
เฉินเสียนที่ในตอนแรกกะจะให้ชิงซิ่งไปบอกเฮ่อโยวให้พากันหนีไปหลบในที่ไกลๆ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเฮ่อโยวจะย้อนกลับมาในเวลานี้
เฮ่อโยวเห็นนักฆ่ากำลังมุ่งหน้าตรงไปที่เฉินเสียนและซูเจ๋อ ส่วนเหล่าทหารคุ้มกันยังไม่สามารถวางมือจากอีกฝั่งได้ เขาจึงตะโกนใส่นักฆ่าอย่างไม่กลัวตายว่า : “พวกที่ชอบรังแกคนที่ไม่มีทางสู้เขาเรียกว่าตัวอะไรนะ มีปัญญาก็มาจัดการข้าสิ!”
เฉินเสียนหันไปตามเสียง เธอรู้สึกอึ้งไปหมด
จากนั้น นักฆ่าที่อยู่ข้างหน้าก็พากันพุ่งตรงไปหาเฮ่อโยวทันที
ราวกับว่าพวกนักฆ่าจะรู้ว่าเฮ่อโยวน่าจะเป็นเป้าหมายของพวกเขามากกว่า!
เฉินเสียนตะโกนด่าเฮ่อโยวดังลั่น : “ตาโง่! ยังจะไม่รีบหนีอีก!”
เฮ่อโยวจึงได้สติขึ้นมา เขารีบจับแขนของชิงซิ่งไว้หมุนตัวแล้ววิ่งไปสุดแรงเกิด
เมื่อหัวหน้านักฆ่าเห็นสถานการณ์ เขาก็รีบปาดาบในมือพุ่งตรงไปที่หลังของเฮ่อโยว
เสี้ยวนาทีเส้นผ่ายาแดง เฉินเสียนที่ไหวตัวทัน รีบนำลูกดอกที่เป็นอาวุธป้องกันตัวยื่นให้กับซูเจ๋อ ซูเจ๋อรับมาแล้ว แววตาของเขาดุดันปานสายฟ้าฟาด และปาลูกดอกออกไปด้วยความรวดเร็วและว่องไว
เฮ่อโยวหันกลับมาด้วยความตื่นตระหนก เขาตกใจจนหัวใจแทบจะทะลุออกมา
ดาบที่ห่างเขาเพียงไม่ถึงคืบ จู่ๆ ก็มีลูกดอกพุ่งมากระแทกโดนคมดาบโดยตรง ดาบจึงเบี่ยงเบนไปทิศทางอื่น ปักไปยังกลางต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ
ซูเจ๋อพูดขึ้นเสียงเบา : “ท่านไปดูแลทางเฮ่อโยว ส่วนนักฆ่าปล่อยให้ข้าจัดการเอง”
เฉินเสียนตอบกลับไปว่า : “ได้ ท่านระวังตัวด้วย”
พูดจบ ทั้งคู่จึงแยกกันวิ่งเข้าป่าที่รกร้างไปคนละทิศทางตามที่ตกลงกันไว้
เฉินเสียนแยกไปทางฝั่งเฮ่อโยว ส่วนซูเจ๋อมุ่งหน้าตามหลังกลุ่มชายชุดดำ
เฮ่อโยวและชิงซิ่งวิ่งอยู่ท่ามกลางความมืด เห็นเงากลุ่มชายชุดดำใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงต่อสู้ดังขึ้น
เงาคนโบยบิน เลือดสาดกระเซ็นปลิวว่อนกลางอากาศ กระตุ้นโสตประสาทของเฮ่อโยวอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้นจู่ๆ ก็มีคนวิ่งมาขวางทางด้านหน้า เฮ่อโยวและชิงซิ่งตกใจจนแทบหยุดหายใจ
เฮ่อโยวตัดสินใจเข้าไปยืนบังชิงซิ่งไว้ ตั้งท่าเตรียมตัวจะสู้กับคนผู้นี้
แต่จู่ๆ เสียงของเฉินเสียนกลับดังขึ้นเข้าหูของทั้งคู่ : “ทำบ้าอะไร! เจ้าจะตีกับข้ารึไง ยังจะไม่รีบวิ่งอีก!”
ในขณะที่ซูเจ๋อกำลังจัดการกับนักฆ่าพวกนั้น เฉินเสียนจับแขนของทั้งคู่ ทั้งสามคนวิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต
และนักฆ่าที่กำลังปะทะกับเหล่าทหารคุ้มกันในป่าเมื่อครู่นี้ก็ได้เห็นการปรากฏตัวของเฮ่อโยวด้วย พวกนักฆ่าจึงสลายกลุ่มแล้วแยกบางส่วนตามหลังมาติดๆ
ซูเจ๋อประวิงเวลาได้พักหนึ่ง แต่ไม่สามารถถ่วงรั้งนักฆ่าทั้งหมดได้ จึงมีนักฆ่าบางคนที่แยกตัวตามหลังมาด้วย
เฉินเสียนร้อนใจจนแทบจะมอดไหม้ ทั้งเป็นห่วงความปลอดภัยของซูเจ๋อ และเครียดกับปัญหาตรงหน้าที่ไม่รู้จะจัดการกับสถานการณ์ตอนนี้ยังไงดี
ลำพังตัวคนเดียวก็สู้ไม่ไหวอยู่แล้ว และตอนนี้ยังต้องพ่วงทั้งเฮ่อโยวและชิงซิ่ง ทั้งสองคนที่ไม่มีพื้นฐานการต่อสู้เลย
เฉินเสียนไม่รู้ว่าเธอวิ่งไม่คิดชีวิตในสถานการณ์ที่มองไม่เห็นทางเลยได้ยังไง ด้านหลังเธอยังมีเฮ่อโยวและชิงซิ่งที่เธอพาหนีอย่างทุลักทุเล และไม่สามารถหยุดได้
เพราะถ้าหยุดวิ่ง นักฆ่าก็จะตามทัน ถึงเวลานั้นก็จะไม่มีใครหนีรอดแม้แต่คนเดียว
เฉินเสียนพูดขึ้นด้วยความลนลานหวั่นวิตก : “ข้าบอกให้เจ้าหนีไปให้ไกลไม่ใช่หรือไง? แล้วนี่พากันกลับมาทำไม รีบมาส่งอาหารให้พวกมันหรือ! ชิงซิ่งเจ้าทำงานประสาอะไรกัน!”
ชิงซิ่งตอบกลับด้วยความหอบ : “หม่อมฉันรั้งเขาไว้ไม่ไหว……ไม่ว่ายังไงเขาก็จะกลับมาให้ได้เพคะ……”
เฮ่อโยวเองก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหอบ : “ท่านอย่าโทษนางเลย เป็นข้าที่จะกลับมาเอง ข้าทนดูท่านเกิดเรื่องไม่ได้ คนที่พวกมันต้องการจะฆ่าคือข้า แต่กลับให้ท่านเจอกับความอันตรายนั่นแทนข้า ข้าคงจะรู้สึกผิดไปทั้งชีวิต”
แน่นอน เหตุผลของเฮ่อโยวดี เขาใจนักเลง ทิ้งเฉินเสียนให้เจอกับอันตรายคนเดียวไม่ได้
ถ้าหากเขาใจนักเลงแล้วใช้สมองคิดไปด้วย เหตุการณ์ก็จะไม่เป็นแบบนี้
เฉินเสียนอยากจะบ้าตาย เธอพูดขึ้นว่า : “งั้นเจ้าคิดว่าตอนนี้เราสามคนที่มาประสบความอันตรายด้วยกัน มันดีขึ้นกว่าเดิมตรงไหน!”
เฮ่อโยวเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “ท่านหยุดพูดได้แล้ว เรารีบวิ่งให้เร็วกว่านี้เถอะ พวกมันจะตามทันแล้ว!”
เวลานี้ชิงซิ่งพูดขึ้นด้วยความตื่นตระหนกว่า : “พวกมันอยู่บนต้นไม้นั่น!”
นักฆ่าฝีเท้าว่องไว และมีวิชาตัวเบาด้วย พวกมันบินจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปยังต้นไม้อีกต้นด้วยท่าทีที่พลิ้วไหวและว่องไว
ในขณะที่นักฆ่าสองคนกำลังลงมาจากต้นไม้ เฉินเสียนไม่ทันได้คิดอะไรมาก เธอยื่นมือไปดึงปิ่นปักผมบนหัวของชิงซิ่งมาสองเล่ม ในหัวของเธอย้อนกลับไปในค่ำคืนนั้น ตอนที่ซูเจ๋อลงมือจัดการกับอนุภรรยาคนนั้น เขาแค่ยกมือขึ้นแล้วปลิดชีพในคราวเดียว
เธอรวบรวมแรงไว้ที่มือ จ้องมองชายชุดดำที่สยายปีกดุจนกอินทรีท่ามกลางความมืดมิดนั่น
สัญชาตญาณของเธอท่วมท้นไปด้วยความตึงเครียด ซูเจ๋อทำได้ เธอเองก็ทำได้เหมือนกัน
จากนั้นปิ่นปักผมทั้งสองเล่มก็ถูกปาออกจากมือของเฉินเสียน เต็มไปด้วยไอพิฆาต พุ่งตรงไปยังเงาของชายชุดดำ