ชิงซิ่งถามอย่างแผ่วเบา “ที่ท่านว่า หลังจากกลับมาที่เมืองหลวง จะขอองค์จักรพรรดิให้ข้ามาอยู่กับท่าน จริงหรือไม่?”
เฮ่อโยวพยักหน้า ร้องไห้พูด “เรื่องจริง……เป็นเรื่องจริง…….ชิงซิ่ง เจ้าอย่าล้อข้า คราวหน้าข้าจะพัดไล่ยุงให้เจ้า แล้วข้าจะย่างอะไรให้เจ้ากินด้วย…….”
มือของชิงซิ่งที่ถือเสื้อของเฮ่อโยวค่อยๆ ลื่นลง และนางโค้งริมฝีปากขึ้นและยิ้มอย่างแผ่วเบา “งั้นก็เยี่ยมมาก……”
“ชิงซิ่ง!”
บนภูเขาเงียบเกิน ถึงทำให้ช่วงกลางคืนดูเศร้ารันทดเกินไป
เฮ่อโยวนั่งบนขอบเนินยาว และกอดชิงซิ่งร้องไห้ออกมาอย่างแรง
เขาเองคงคิดไม่ถึงว่า ทั้งที่นางเป็นแค่นางกำนัลเล็กๆ เท่านั้น ตัวเองก็คุ้นชินที่เคยเรียกใช้นาง แต่นางกำนัลตัวเล็กๆ คนนี้กลับทำให้เขาเศร้าใจมาก
เฮ่อโยวเช็ดเลือดจากมุมปากของชิงซิ่ง มองลงมาที่นางแล้วพูดว่า “ถ้ารู้ว่ามันจะเป็นเช่นนี้ ข้าคุณชายน้อยก็จะไม่รังแกเจ้าตั้งแต่แรกหรอก……..”
เฉินเสียนวางศีรษะลงบนหน้าอกของซูเจ๋อ และสีหน้าเซื่องซึมหายใจเข้าเล็กน้อย
นางไม่อยากเห็นเฮ่อโยวต้องเศร้าเช่นนี้
ซูเจ๋อกระซิบเบาๆ “ไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน”
เฉินเสียนถาม “บาดแผลของท่านเป็นเช่นไรแล้ว?”
“ไม่รุนแรง ทั้งหมดเป็นแผลเล็ก”
เฉินเสียนยืดตัวขึ้น มองขึ้นไปที่ซูเจ๋อ และเห็นว่าใบหน้าสีแสงนาลจันทร์ของเขาก็ซีดขาวเล็กน้อย โดยรู้ว่าเขาไม่มีเรี่ยวแรงของความแข็งแกร่งเหลืออยู่ มีเพียงแค่พยายามสนับสนุน
เฉินเสียนรู้สึกลำบากใจ และพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “งั้นรอข้าสักพัก ข้าจะไปเกลี้ยกล่อมเขา”
ซูเจ๋อพักหน้า “ได้”
เฉินเสียนสงบสติอารมณ์ให้มากที่สุด เดินไปถึงด้านหลังของเฮ่อโยว และตบไหล่ของเขาเบาๆ
เฮ่อโยวไม่ตอบสนอง เธอจึงพูดว่า “เฮ่อโยว เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เราออกจากที่นี่ก่อนจะคุยกันดีหรือไม่?”
เฮ่อโยวเงยหน้าขึ้นมองอย่างว่างเปล่า มองดูค่ำคืนอันมืดมิดและเต็มไปด้วยสีสันในระยะไกล และถามว่า “เฉินเสียน ก่อนหน้านั้นข้ามันเลวมากใช่หรือไม่?”
เฉินเสียนพูดว่า “ถ้าเจ้าเลว ชิงซิ่งจะเสียสละช่วยเจ้าเช่นนี้ได้อย่างไร”
“แต่ข้ากลับรู้สึกว่านางคิดว่าข้าเลวมาก”
เวลานี้ มีหินทรายไถลลงมาตามเนินยาวอย่างต่อเนื่อง
เฉินเสียนขยับคิ้ว แล้วพูดว่า “เฮ่อโยว ต้องไปแล้ว”
“ข้าไม่ไป”เฮ่อโยวพูด “ข้าไม่อยากจะเชื่อ ทั้งที่ทุกเรื่องยังดีๆ อยู่เลย ทำไมแค่พริบตาเดียวถึงเป็นเช่นนี้ได้…….ข้าไม่ไป ไม่แน่หลังจากรอให้ถึงฟ้าสาง ทุกอย่างอาจเป็นเพียงแค่ความฝัน”
“ไม่อาจจะรอให้ฟ้าสางได้” เฉินเสียนพูดเบาๆ “เจ้ารีบลุกขึ้น พวกเราออกไปจากที่นี่”
ขอบของหินทรายดูเหมือนจะผุกร่อนมาเป็นเวลานาน และได้หลุดออกอย่างต่อเนื่อง และขอบเนินก็เริ่มคลายออกเรื่อยๆ
คิดได้ว่าเมื่อครู่ที่นี่มีการต่อสู้ที่รุนแรงมาก และตอนนี้มีแนวโน้มว่าดินจะถล่ม
เฉินเสียนเห็นท่าไม่ดี ได้รีบลากเฮ่อโยวออกมา และพูดว่า “เจ้ารีบลุกขึ้นมา ถ้ายังไม่ลุกขึ้นมาอาจจะตกลงไปได้!”
เฮ่อโยวยังไม่มีท่าทีที่ตอบสนองใดๆ
เฉินเสียนพูดอย่างกังวล “เฮ่อโยว เจ้าปลุกเร้าให้ใจเจ้าหน่อย! ชิงซิ่งตายแล้ว เพราะนางเพื่อช่วยชีวิตเจ้า หรือว่าเจ้าต้องการที่จะให้นางช่วยชีวิตเจ้าเปล่าประโยชน์?”
เฮ่อโยวถึงได้สติกลับมา
เฉินเสียนพูดกระตุ้นเขาอีกครั้ง “รีบลุกขึ้น มันจะไถลลงแล้ว! เจ้าก็คงไม่ต้องการให้ชิงซิ่งถูกฝังอยู่ใต้เนินยาวนี้ พื้นดินที่นี่ได้ร่วนแล้ว ในไม่ช้าหมาป่าภูเขาก็จะพบและกัดกินไป แม้แต่กระดูกก็จะไม่หลงเหลือไว้!”
เฮ่อโยวไม่คิดนาน
เขาได้ขยับตัว และลุกขึ้นออกไปจากขอบเนินยาวนี้ แล้วออกไปอยู่บนพื้นที่ที่ปลอดภัย
ทันทีที่เขาเพิ่งจะอุ้มชิงซิ่งลึกขึ้น ก่อนที่เขาจะขยับเท้า ทันใดนั้นดินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาก็คลายและหลุดลงไปทั้งแผ่น
เฮ่อโยวก็ควบคุมไม่ได้ จึงล้มไปด้านนอก
“เฮ่อโยว!” เฉินเสียนเอื้อมมือไปดึงเขา เพราะไม่อยากให้เท้าใช้แรงเกินไป จะทำให้พื้นที่ที่นางเหยียบย่ำได้พังทลายลงเช่นกัน
เฮ่อโยวพยายามผลักเฉินเสียนขึ้น แต่ก็สายเกินไป
เฉินเสียนล้มลงไปทันที และทั้งสามก็กลิ้งไปทางเนินยาว
ด้านเนินยาวนั้นเว้าๆ นูนๆ ไม่เรียบ และด้านเอียงลาดก้อนหินกำลังกลิ้งลงมา ส่วนร่างกายไปกระทบมันทำให้คนเวียนศีรษะตาลาย บนศีรษะเต็มไปด้วยดินและฝุ่น เข้าไปติดในจมูกโดยตรง ทำให้หายใจไม่สะดวก
เฉินเสียนคว้าอะไรไม่ได้ ยิ่งมองไม่เห็นว่าเฮ่อโยวกับชิงซิ่งกลิ้งไปอยู่ที่ไหนแล้ว
ภายใต้ความตื่นตระหนก เธอไปจับมือข้างหนึ่งได้ด้วยความประหลาดใจ
เธอเงยหน้ามอง รู้สึกคลุมเครือภายใต้เงามืด
มือยื่นออกมาจากด้านบน จากนั้นเธอก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมแขนและถูกกอดไว้แน่น ฝ่ามือปกป้องด้านหลังศีรษะของเธอโดยกดเธอไว้กับหน้าอกข้างหนึ่ง
ทั้งสองกลิ้งลงไปพร้อมกัน
ในขณะนั้นหน้าอกของเฉินเสียนกำลังระงับอารมณ์ที่แปรปรวน และเธอก็กอดเขาด้วยมือทั้งคู่ แม้ว่าจะถูกถูจนเจ็บปวดแสบร้อน แต่ก็ไม่ต้องการให้เธอคลายออกแม้แต่นิดเดียว
ซูเจ๋อยังคงกระโดดลงไป ไม่ยอมให้เธอหล่นลงไปเพียงตัวคนเดียว
เธอนึกขึ้นได้ว่าตอนที่อยู่ในป่าเมเปิ้ล เขากระโดดลงมาแบบไม่ลังเลเลย เขาไม่เคยแม้แต่จะสนใจตัวเอง
เธอเชื่อมั่น ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟ เขาก็พร้อมที่จะไปกับเธอ
แม้ว่าโลกจะแตกก็ไม่เป็นไร
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน พวกเขาได้หยุดลง ลมและฝุ่นข้างๆ หูก็จางหายไป และทุกอย่างก็ค่อยๆ กลับไปสงบลง
ทางเนินเขาลาดเอียงยาว เพราะเหตุดินถล่มอย่างกะทันหันนี้ เปรียบเหมือนแผลที่สะเก็ดแผลฉีกขาด เผยให้เห็นดินที่พลิกขึ้นมาใหม่
ที่แห่งนี้มีความชันและยาวกว่าทางลาดเอียงในป่าเมเปิ้ล กลิ้งลงมาจากข้างบนนั่น รสชาตินี้ช่างทรมานจริงๆ
เฉินเสียนใช้เวลานาน กว่าจะค่อยๆ ฟื้นคืนสติจากอาการชา รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองได้แตกสลายไปทั้งหมดแล้ว
แต่ซูเจ๋อที่ภายใต้ร่าง เป็นเวลานานแล้วยังไม่มีการตอบสนองใดๆ
มือทั้งสองของเขาจับเอวของเฉินเสียนไว้แน่นเหมือนกับห่วงเหล็ก
เฉินเสียนเรียกสองครั้งก็ไม่ตอบสนอง เธอตื่นตระหนก มือที่เปื้อนดินจับผมของซูเจ๋อ และจับไปที่ใบหน้าของเขา แล้วพูดในลำคอว่า “ซูเจ๋อ……ซูเจ๋อ?”
นิ้วของเธอสัมผัสไปที่เบ้าตาของเขา ความเย็นที่เป็นเอกลักษณ์บางอย่าง ยังแตะไปที่ขนตาของเขา แต่ดวงตาทั้งคู่ยังปิดสนิท
นั่นคือตั้งแต่เฉินเสียนที่ได้รู้จักซูเจ๋อมานาน นี้เป็นครั้งแรกเพราะเขาที่ทำให้รู้สึกกลัว เป็นความกลัวที่เกิดจากก้นบึ้งของหัวใจ
เธอเหมือนกับเฮ่อโยว ร่างกายสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ นิ้วมือไม่สามารถจะยับยั้งการสั่นได้ เธอลูบใบหน้าของซูเจ๋อซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปัดฝุ่นบนใบหน้าของเขาออก และเสียงของเธอก็แหบแห้งไป “ซูเจ๋อ ตื่นได้แล้ว”
ลมหายใจของเขาเบามาก เบาจนทำให้เฉินเสียนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ท่านอย่าทำให้ข้าตกใจ”
เธอรู้อยู่เสมอว่าซูเจ๋อเก่งมาก แต่ไม่ว่าจะเก่งสักเพียงใด ร่างกายก็มีเลือดมีเนื้อเช่นกัน
เขาก็สามารถได้รับบาดเจ็บ มีเลือดไหลเป็น เหนื่อยเป็น การประคับประคองถึงขีดจำกัด
ยิ่งเป็นเหมือนตอนนี้ที่หลับใหลไป เฉินเสียนเรียกก็เรียกไม่ตื่น
แต่ก่อน ไม่ว่าเฉินเสียนจะเรียกเขาอย่างไร เขาก็จะขานรับทันที
ในใจเฉินเสียนเศร้าใจ ราวกับว่ามีบางอย่างถูกฉีกขาดไป ทำให้เธอเจ็บปวดและว่างเปล่า
เฉินเสียนกัดฟัน เธอไม่ต้องการ เมื่อเธอเต็มใจยอมรับและกล้าเผชิญกับชายผู้นี้ที่ไม่ได้สนใจทุกสิ่งอย่าง ยินยอมที่จะบุกน้ำลุยไฟไปพร้อมกับเธอ สุดท้ายเหลือแค่เพียงเธอคนเดียว
เธอยิ่งไม่ต้องการให้เป็นเหมือนกับเฮ่อโยว ที่นั่งร้องไห้อยู่คนเดียวบนเนินเขา!
เธอไม่ต้องการรู้สึกเจ็บปวดแบบนั้น……เธอยอมรับว่า ซูเจ๋อมีความสำคัญต่อเธอมาก สำคัญมากจนเธอไม่อาจจะประเมินได้
“ซูเจ๋อ ท่านตื่นขึ้นมานะ”
เฉินเสียนตาแดง และหยิกตรงขมับของเขา เมื่อเห็นว่ามันไม่ได้ผล ก้มหน้าก้มตาคิดโดยไม่เลือกกัดไปที่คอเขาหนึ่งครั้ง และกัดที่ใบหูของเขาอีกครั้ง
ปากของเธอเต็มไปด้วยดิน
เธอสูญเสียความคิดทั้งหมด เธอลืมไปแล้วว่าต้องทำอย่างไร เธอเพียงต้องการให้ซูเจ๋อตื่นขึ้นมา โดยไม่สนว่าจะต้องใช้วิธีใด
“ท่านตื่นมาหาข้าสิ………”