แม้ว่าเฉินเสียนจะไม่ได้เป็นภรรยาของแม่ทัพก็ตาม เฮ่อโยวคิดว่า เธอก็ไม่สามารถอยู่กับท่านบัณฑิตได้เช่นกัน
ไม่ต้องพูดถึงว่าในอดีตมีความเป็นไปได้น้อย และในอนาคตคงจะเป็นไปไม่ได้
เฮ่อโยวแค่คิดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีอยู่จริง และเขาไม่เคยรู้เลยว่าพวกเขาปิดซ่อนอะไรอยู่
เมื่อเฉินเสียนเข้ามาในห้องได้พูดกับเฮ่อโยวอีกครั้งว่า “เฮ่อโยว ช่วยเก็บเป็นความลับให้ข้าได้ไหม?”
“อะไร?”
“ซูเจ๋อ ปล่อยให้เขาเก็บความประทับใจที่เคยมีของเมื่อวาน จงลืมสิ่งที่เจ้าเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในคืนนั้นซะ”
“แท้จริงแล้วท่านก็รู้ว่าเขาปิดซ่อนอยู่ลึกๆ” เฮ่อโยวพูดว่า “เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ข้าไม่อยากทำให้ท่านผิดหวัง และไม่อยากให้ท่านมีปัญหา ข้าจะลืมมัน”
เฉินเสียนโค้งริมฝีปากและยิ้ม แล้วพูดว่า “เชื่อข้าเถอะ ให้เจ้าลืมมันก็เพราะไม่อยากให้เจ้ามีปัญหา”
เฮ่อโยวดูเหมือนเข้าใจแต่ไม่เข้าใจ
สองสามวันถัดมา บาดแผลของซูเจ๋อดีขึ้นมาก ทั้งสามคนรักษาจิตใจให้ดีอีกครั้ง แล้วได้ต่อม้าเดินทางไปทางใต้
ในระหว่างการเดินทางสามถึงห้าวัน หนึ่งวันม้าเร็วสามารถผ่านเมืองต่างๆ ได้มากกว่าสองเมือง จึงได้เปลี่ยนม้าในเมืองแล้วค่อยเดินทางต่อ
เฉินเสียนใช้เวลาเกือบทั้งวันบนหลังม้า
ในช่วงกลางวันแดดจัด เธอสวมหมวกคลุมด้วยผ้า และอยู่บนหลังม้าก็โยกจนเวียนศีรษะ เมื่อท้องฟ้าได้มืดลงแต่ยังไม่ถึงเมืองถัดไป จึงต้องได้พักอยู่ข้างนอก
สามชีวิตกับกองไฟขนาดเล็กหนึ่งกอง และการกระทำที่ไม่ใหญ่นัก
เพียงแค่ตอนที่เฉินเสียนลงจากหลังม้า เธอรู้สึกว่าขาของตัวเองแน่นมากจนเกือบจะไม่มีความรู้สึกอะไรเลย
ซูเจ๋อยื่นมือเพื่อพยุงเธอ เห็นเธอเดินในท่าทางแปลกๆ สีหน้าคาดเดาไม่ได้และพูดว่า “ท่านเดินเช่นนี้ มันง่ายที่จะทำให้คนเข้าใจผิดได้”
เฉินเสียนเหนื่อยล้า ไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจกับเรื่องนี้ และพูดอย่างเป็นกันเอง “เข้าใจผิดก็เข้าใจผิดเถอะ ถึงอย่างไรที่นี่ก็ไม่มีคนนอก”
ซูเจ๋อเหลือบมองไปทางเฮ่อโยวที่อยู่ข้างๆ เฮ่อโยวรีบหันหน้ามองออกไปทางอื่น สายตาลอยขึ้นและพูดว่า “ข้าไม่เห็นอะไรเลย”
เฮ่อโยวเตือนด้วยความเป็นห่วงว่า “แต่ว่าเฉินเสียน ถึงอย่างไรก็ตามยังมีชายสองคนอยู่กับท่านเช่นกัน ท่านระมัดระวังผลกระทบสักหน่อยดีหรือไม่?”
เฉินเสียนก็อยากจะเดินดีๆ แต่กล้ามเนื้อขาของนางแข็งทื่อเป็นอัมพาต และไม่สามารถควบคุมได้จริงๆ
ถึงอย่างไรก็ตามกระดูกของร่างกายคู่นี้ได้รับการปรนนิบัติเป็นอย่างดีมาเป็นเวลานาน ผิวหนังก็อ่อนนุ่ม และหลังจากขาถูบนหลังม้าแล้ว ก็เกิดความเจ็บปวดอยู่ภายใน
ผิวหนังเล็กน้อยติดกับกระดูกแบบนี้เป็นสิ่งที่ทรมานที่สุด ดังนั้นจึงควรให้ความสุขกับเธอดีกว่า
เฉินเสียนรู้สึกตลกเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้ และพูดว่า “เจ้าคือผู้ชายที่ไหนกัน เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งเสียมากกว่า”
เฮ่อโยวพูดอย่างไม่พอใจว่า “ท่านอย่าดูถูกข้า ข้าเป็นพี่ชายของคุณชายคนอื่นๆ ที่อยู่ในวัยเดียวกับข้า ถ้าอยู่ที่บ้านคงมีภรรยามากมาย และลูกๆ ก็วิ่งเต็มไปทั่วบ้านแล้ว”
เฮ่อโยวจุดไฟเล็กๆ ในที่โล่งและหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาเป็นฟืน
ซูเจ๋อปลดเสื้อคลุมของเขา วางลงบนพื้นให้เฉินเสียนนั่ง
เฉินเสียนพยุงเอวที่ใกล้จะขาดออกจากกัน ร้องโอ๊ยขึ้น แล้วค่อยนั่งลงอย่างช้าๆ
จากนั้นซูเจ๋อยื่นน้ำให้เฉินเสียน และเริ่มนำอาหารแห้งออกมา มือขาวๆ ที่เรียวยาว ถือแท่งไม้หนาๆ เสียบใส่อาหารแห้งแล้วนำไปย่างไฟ พูดกับเฉินเสียนเบาๆ ว่า “พักผ่อนสักพักก็ทานอาหารได้แล้ว”
เฮ่อโยวมองดูพฤติกรรมของซูเจ๋อ และแม้ว่าจะรู้ว่าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเฉินเสียน แต่เขาก็ยังรู้สึกแปลกๆ อยู่เล็กน้อย
ในอดีตแม้ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับราชสำนัก แต่เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับซูเจ๋อเป็นบุคคลผู้สูงศักดิ์ เขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับการตั้งกลุ่มลับ และไม่หลงระเริงในการดื่มน้ำเมา
เหล้าแม้แต่หยดเดียวก็ไม่แตะ
ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะดูแลเห็นอกเห็นใจเฉินเสียนในทุกที่ทุกวิถีทาง ซึ่งคงห่างไกลจากข่าวลือ
เฮ่อโยวยังสงสัยว่า ซูเจ๋อซ่อนตัวเองไว้เป็นอย่างดี ก่อนหน้านั้นที่มีข่าวลือว่าเขาชอบผู้ชาย เขาก็อาจจะโกหกเช่นกัน
เฮ่อโยวทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ในใจเขาคิดอย่างไรก็ถามออกมาอย่างนั้น ว่า “ท่านบัณฑิต ท่านชอบผู้ชายหรือว่าผู้หญิงกันแน่?”
ซูเจ๋อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและพูดอย่างไม่ใส่ใจ “มีความเกี่ยวข้องกับท่าน?”
เฮ่อโยวพูดว่า “ถ้าท่านชอบผู้ชาย แน่นอนว่าข้าต้องระวังท่าน ถ้าท่านชอบผู้หญิง เฉินเสียนต้องระวังท่านด้วย”
“หน้าตาท่านมีความปลอดภัยมาก เรื่องนี้ท่านสามารถวางใจได้”
เฮ่อโยวนึกขึ้นได้ครู่หนึ่ง แล้วจ้องเขม็ง “ท่านไม่ชอบข้าที่น่าเกลียดงั้นหรือ? อย่างน้อยคุณชายน้อยอย่างข้าก็เป็นคนที่สง่างามเช่นกัน!”
ซูเจ๋อพูดเบาๆ “ถ้าข้าไม่ได้ไม่ชอบท่าน ตอนนี้ท่านควรที่จะต้องกลัวแล้ว”
เมื่อฟังการสนทนาระหว่างซูเจ๋อและเฮ่อโยว เฉินเสียนเอาขาไขว้ด้านข้างก็ยิ้มอย่างไร้ความปรานี
เฮ่อโยวคนที่ทำตัวแปลกๆ ได้กลับมาแล้ว อย่างน้อยบนสีหน้าก็เป็นแบบนี้
ทางยังต้องเดินไป วันเวลาต้องผ่านไปทุกวัน ความเศร้าโศกเสียใจทั้งหมดนั้นถูกเขาเก็บไว้แล้ว และด้วยเศษเล็กเศษน้อยที่เกี่ยวข้องเหล่านั้น ถูกเก็บไว้อย่างดีในก้นบึ้งของหัวใจ
เขาได้โตขึ้นทุกวัน
นอกจากนี้ เฉินเสียนพบว่าเมื่อซูเจ๋อกำลังพูดกับเฮ่อโยวอย่างจริงจัง ได้สะกิดเสียงหัวเราะของเธออย่างอธิบายไม่ถูก
สุดท้ายรอยยิ้มนี้จึงดึงดูดให้ซูเจ๋อและเฮ่อโยวต่างมองเข้ามา
ไฟในดวงตาของซูเจ๋อพุ่งขึ้นเล็กน้อย จ้องมองไปที่ขาเฉินเสียนที่กางออกอย่างคาดไม่ถึง และพูดว่า “ท่านนั่งดีๆ ได้ไหม?”
เฉินเสียนพูดว่า “ข้าก็อยาก แต่ขาข้าปวดมาก”
เฮ่อโยวถามขึ้นว่า “เฉินเสียน เมื่อครู่นี้ท่านหัวเราอะไร? ท่านคิดว่าข้าน่าเกลียดมากรึ?”
เฉินเสียนทำสีหน้าที่เคร่มขรึม “ไม่ใช่ไม่ใช่ ไม่ใช่จริงๆ เจ้าสง่างามมาก”
เฮ่อโยวเบิกตากว้าง เหลือบมองซูเจ๋ออย่างดูถูก และพูดด้วยความโกรธ “แล้วข้าจะเปรียบเทียบกับเขา เป็นอย่างไร?”
เฉินเสียนไอและพูดขัดต่อเจตจำนงว่า “เจ้าดูดี”
เฮ่อโยว “ท่านโกหกข้า!”
เฉินเสียน “งั้นเจ้าดูดี?”
เฮ่อโยว “เห็นไหม ท่านยังคิดว่าข้าน่าเกลียด”
“…………”
ทำไมนางรู้สึกว่าเฮ่อโยวเอาแต่ใจขึ้นมา และจะง้อยังยากมากกว่าผู้หญิง
เฉินเสียนหัวเราะจนน้ำตาไหลอย่างช่วยไม่ได้ “อย่างแรกเลย คู่ต่อสู้ของเจ้าเลือกได้ไม่ดี มีผู้ชายมากมายในต้าฉู่ ทำไมเจ้าไม่คิดให้ออกยังต้องการที่จะแข่งขันกับซูเจ๋อล่ะ โอกาสในการชนะของเจ้ามีได้ไม่มากจริงๆ ”
ต้องรู้ว่าทั้งหมดในต้าฉู่ เกรงว่าจะมีคนไม่กี่คนที่สามารถเปรียบเทียบกับซูเจ๋อได้
เฮ่อโยวปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะยอมรับว่าตัวเองน่าเกลียด แต่เขาต้องยอมรับว่ามีช่องว่างบางอย่างเมื่อเทียบกับซูเจ๋อ
เฮ่อโยวทำเสียงไม่พอใจออกมาอีกครั้ง และพูดว่า “อย่าว่าข้า ก็ดูไม่ออกว่าท่านคิดไม่ได้”
“ข้าคิดไม่ได้อย่างไร?”เฉินเสียนถาม
เฮ่อโยวเหลือบมองซูเจ๋อและกล่าวว่า “จากการที่ดู ดูแค่หนังหน้าดีๆ จะมีประโยชน์อะไร ข้าไม่เข้าใจว่าท่านชอบผู้ชายนี้คนที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองชอบผู้ชายหรือผู้หญิงไม่ยังไง”
เฉินเสียนหน้านิ่ง “เฮ้ เฮ่อโยวเจ้าควรระมัดระวังในคำพูดและการกระทำของเจ้าด้วย”
การแสดงออกสีหน้าของซูเจ๋อได้เปลี่ยน และเขาก็เลิกคิ้วถามขึ้นทันทีว่า “นางบอกท่านด้วยเหรอว่านางชอบข้า?”
เฉินเสียนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าไม่ได้พูด! อย่าไปฟังเขาพูดไร้สาระ!”
เฮ่อโยวหัวเราะอย่างเย็นชา แล้วมองไปที่ซูเจ๋อ เหมือนได้ปลดปล่อยอารมณ์เล็กน้อย “เฮ้ ยังย้ำกับข้าไม่ให้บอกท่านด้วย”
ซูเจ๋อหรี่ตาโดยไม่ต้องแสดงความคิดเห็น
เขาเอาอาหารแห้งที่ย่างมาให้เฉินเสียนทาน โดยไม่เหลือไว้ให้เฮ่อโยวแม้แต่นิดเดียว
ตอนที่เฮ่อโยวกำลังจะมารับ เขาก็พูดว่า “ทำเองสิ”