ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 248 นางตัวแสบ

เฉินเสียนดื่มแต่ชา ไม่แตะสุราสักอึก

จ้าวเทียนฉีหมายจะให้เธอดื่ม จึงกล่าวว่า “องค์หญิงจิ้งเสียนดูแคลนข้าหรือ ไม่ยอมดื่มสุราสักจอกเลย?”

เฉินเสียนเอ่ย “ข้าดื่มสุราไม่ถนัด แม่ทัพจ้าวโปรดอภัย”

จ้าวเทียนฉีไม่ยอมราวี พลางกล่าว “เป็นถึงองค์หญิง น่าจะร่วมงานเลี้ยงในวังเป็นประจำ ต้องดื่มเป็นอยู่แล้ว ท่านไม่ดื่มก็ถือว่าดูถูกข้า”

ยามนี้บรรดาหัวหน้าทหารต่างพยักพเยิดกันยกใหญ่ เอ่ยว่า “หายากมากที่แม่ทัพจะเชื้อเชิญองค์หญิงดื่มสุรา ปกติไม่เคยให้เกียรติสตรีเช่นนี้มาก่อน องค์หญิงจิ้งเสียนดื่มเถิด”

เฉินเสียนไม่สะทกสะท้าน เอ่ยว่า “ข้าดื่มไม่เป็น ทุกท่านยืนกรานให้ข้าดื่ม มิใช่เป็นการบังคับฝืนใจหรอกหรือ พวกท่านแม่ทัพคิดแต่จะแกล้งสตรีอย่างข้าหรือ?”

ว่าเแล้วเฉินเสียนพลันยกถ้วยชาขึ้นมากล่าว “จิ้งเสียนดื่มชาแทนสุราคารวะท่านแม่ทัพ”

เพลิงโทสะจ้าวเทียนฉีลุกไหม้ พลางสบถเสียงเย็น “ไม่รู้จักรักษาน้ำใจอันดี”

จากนั้นดื่มสรุาสามถ้วยติด บรรดานายทหารน้อยใหญ่โห่ร้องอย่างพร้อมเพรียง “ท่านแม่ทัพคอแข็งมาก”

เริ่มงานเลี้ยงไม่ทันไร จ้าวเทียนฉีพลันปาถ้วยสุราใส่พื้นอย่างสุดแรงเหวี่ยง จนกลายเป็นเศษกระจกกระเจิดกระเจิง

ภายในห้องโถงใหญ่เงียบกริบทันควัน กระทั่งการแสดงเริงระบำก็หยุดชะงัก

จ้าวเทียนฉียังไม่ถึงขั้นดื่มเมามายไร้สติ ทว่าลุกขึ้นจากที่นั่ง พลางเดินลงมาจากที่นั่งหลัก ค่อยๆย่างเท้าเดินลงบันไดมาหาเฉินเสียนทีละขั้น

เฉินเสียนสีหน้าลุ่มลึก ไม่ยินดียินร้าย

จนจ้าวเทียนฉีเดินมาตรงหน้าโต๊ะสุราของเธอ พลางปัดเหล้าอาหารบนโต๊ะให้ร่วงหล่นสู่พื้น ก่อนจะยกเท้าวางบนโต๊ะ จากนั้นโค้งตัวเข้าใกล้เฉินเสียน

เฉินเสียนช้อนตาขึ้นมาด้วยแววตาไร้เยื่อใย พลางยกคิ้วกล่าว “แม่ทัพจ้าวต้อนรับข้าด้วยวิธีเช่นนี้หรือ?”

จ้าวเทียนฉีส่งเสียงหัวเราะดังลั่น ทันใดนั้น เขาเอื้อมมือไปจับคางของเฉินเสียนด้วยท่าทางสับปลับและเหลาะแหละ

ยังไม่ทันเอื้อมมือไปถึงที่หมาย เฉินเสียนพลันจับข้อมือเขาไว้ หรี่ตากล่าว “แม่ทัพจ้าวคิดจะทำกระไร?”

เพียงแค่สตรีตัวเล็กๆคนหนึ่ง หากแต่สามหาวดุจแมวน้อย สร้างแรงปรารถนาให้เขาพิชิตตัวนางมาครอบครองเหลือเกิน

จ้าวเทียนฉีกล่าว “องค์หญิงจิ้งเสียน ไยท่านต้องไปอยู่กับฉินหรูเหลียงผู้ไร้ค่าด้วย ไม่สู้มาอยู่กับข้า ข้ารับรองว่าท่านจะต้องสุขสบายเป็นแน่”

สิ้นเสียงก็ใช้แรงสะบัดมือหลุดจากการจับของเฉินเสียน และเป็นฝ่ายจับมือเธอแทน

เฉินเสียนกล่าวเสียงเย็นเยียบ “แม่ทัพจ้าวสำรวมกิริยาเถิด ข้ามิเพียงเป็นองค์หญิงจิ้งเสียน ยังเป็นฮูหยินแม่ทัพใหญ่ด้วย”

จ้าวเทียนฉีหัวเราะดังกังวาน “ฮูหยินแม่ทัพใหญ่? ข้าแม่ทัพใหญ่เจิ้นหนานก็เป็นแม่ทัพใหญ่เช่นกัน เช่นนั้นท่านมาอยู่กับข้าก็ยังเป็นฮูหยินแม่ทัพใหญ่อยู่ดี?”

แม่ทัพโฮ้วเอ่ยตวาดเสียง “แม่ทัพจ้าว ท่านทำเยี่ยงนี้จะข่มบารมีต้าฉุู่ได้นะ นางเป็นองค์หญิงนะ”

หัวหน้านายทหารผู้อื่นเอ่ยเย้าแหย่ว่า “แม่ทัพโฮ้ว ท่านยังไม่เข้าใจหรือ นางเป็นองค์หญิงราชวงศ์ก่อน ซึ่งราชวงศ์ก่อนสูญสิ้นแล้ว ท่านปกป้องนางเช่นนี้ หรือมีใจให้นาง? แม่ทัพจ้าวอยากได้องค์หญิงราชวงศ์ก่อน องค์จักรพรรดิจะว่ากระไรได้ มิหนำซ้ำจักรพรรดิแทบอยากส่งนางบนเตียงแม่ทัพจ้าวก็เป็นได้”

เมื่อวาจาชั้นต่ำเปล่งออกมา พลางเกิดเสียงหัวเราะดังกึกก้อง

เฉินเสียนดิ้นข้อมือไปพลาง ฟังจ้าวเทียนฉีเอ่ยวาจากำเริบเสิบสานไปพลาง “ได้ยินหรือยัง ท่านเป็นเพียงองค์หญิงราชวงศ์ก่อน อย่าทำตัวไม่ดื่มสุราคารวะ แต่ดื่มสุราลงโทษเชียว หากทำให้ข้าโกรธ ข้าเล่นท่านเสร็จก็จะโยนให้พวกเขาเล่นต่อ”

เฉินเสียนสะอิดสะเอียนจนเกือบอ้วก

จ้าวเทียนฉีกล่าวต่อว่า “ท่านเป็นสตรีของฉินหรูเหลียง ยามนี้ฉินหรูเหลียงเป็นเชลยของเย่เหลียง ท่านยังเพ้อฝันให้เขามาช่วยท่านอยู่หรือ? หากท่านมาอยู่ในอ้อมแขนข้าแต่โดยดี ก็จะลำบากตรากตรำน้อยลง”

เฉินเสียนหัวเราะด้วยความโกรธ “งั้นเมื่อฉินหรูเหลียงกลับจากเย่เหลียงล่ะ?ท่านจะสู้รบกับเขาหรือ?”

จ้าวเทียนฉีกล่าวด้วยความหยามเหยียด “ท่านหวังให้สองแม่ทัพแห่งต้าฉู่สู้กันเพราะสตรีอย่างท่านหรือ?”

เฉินเสียนเอ่ย “ข้ารู้ตัวว่ายังมิได้ทรงเสน่ห์ปานนั้น แต่หากฉินหรูเหลียงกลับมาทราบว่าแม่ทัพจ้าวจงใจทำข่าวรั่วไหล ไม่คำนึงอาการบาดเจ็บของผู้ใต้บังคับบัญชา จนทำให้ต้าฉู่แพ้อย่างย่อยยับในที่สุด และจะถูกป่าวประกาศสู่ประชาราษฎร์

ท่านคิดว่ายังสํามะเลเทเมาเฉกเช่นบัดนี้ได้อีกหรือ? ยามนั้นท่านจะถูกลงทัณฑ์ด้วยกฎทหาร เพื่อใช้กะโหลกท่านบูชาทหารพลีชีพอย่างไรเล่า

ท่านอย่าลืมว่า ฉินหรูเหลียงคือแม่ทัพใหญ่ขั้นหนึ่ง ซึ่งตำแหน่งทางทหารสูงกว่าท่าน หากเขาจะลงทัณฑ์ด้วยกฎทหาร เจ้าจะหลบหนีได้หรือ?”

รอยยิ้มโอหังของจ้าวเทียนฉีค่อยๆจางหาย

เฉินเสียนก้าวถอยหลังอย่างสุดพลัง กลิ่นสุราและกลิ่นเหงื่อที่โชยมาแตะจมูกเธอ ชวนให้สะอิดสะเอียนยิ่งนัก

ทุกความสนใจเพ่งเล็งไปยังจ้าวเทียนฉีกับเฉินเสียน ฉะนั้นเวลานี้ซูเจ๋อหยิบตะเกียบขึ้นมาก็ไร้ซึ่งผู้คนพบเห็น

เขาหักตะเกียบด้วยเสียงเบา ก่อนจะยื่นส่วนแหลมคมไปยังมือของเฉินเสียน ซึ่งอยู่เบื้องหลังลำตัวพอดี

เมื่อเธอได้อาวุธ ดวงตาพลันเผยความดุร้ายดั่งนกล่าเหยื่อ จากนั้นก็ไปออกตัวอย่างปราดเปรียว ไม่นานส่วนแหลมคมของตะเกียบพลันเจาะอยู่บนหลังมือของจ้าวเทียนฉี ซึ่งกำลังจับนางอยู่

จ้าวเทียนฉีรู้สึกเจ็บแปลบจำต้องยอมปล่อยมือนาง หากแต่หลังมือยังคงมีตะเกียบเสียดแทงอยู่เช่นเดิม เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟในบัดดล ก่อนจะเงื้อมือตบหน้าเฉินเสียนพร้อมกับก่นด่าว่า “นางตัวแสบ”

นาทีนั้นแม่ทัพโฮ้วชักกระบี่ออกจากฝัก

เหล่ารองแม่ทัพหาได้ให้เขาถือกระบี่ทำร้ายนายไม่ ไม่รอให้แม่ทัพโฮ้วปกป้องเฉินเสียน ทุกคนก็ชักกระบี่อันคมแหลมออกจากฝักแล้วเล็งไปยังเขา

ชั่วอึดใจเดียว บรรยายภายในห้องโถงใหญ่อบอวลไปด้วยกระบี่ที่พร้อมสู้ทุกนาที

แม่ทัพโฮ้วเอ่ยเสียงเครียด ” แม่ทัพจ้าว นางเป็นองค์หญิง ไยท่านถึงกล้าหมิ่นผู้ที่สูงศักดิ์กว่าด้วยเล่า”

จ้าวเทียนฉีหัวเราะเย้ยหยันอย่างดูแคลน “เหล่าโฮ้ว สันดานเจ้าคงเปลี่ยนยากสินะ จนถึงป่านนี้แล้วยังภักดีนายเก่าอยู่ นางกล้าแทงมือข้า ข้าตบนางสักฉาดจะเป็นไรไป”

พูดพลางดึงตะเกียบบนมือออก ก่อนจะเขวี้ยงไปที่พื้น ต่อจากนั้นหยดเลือดสดก็พุ่งกระฉูดออกมา

จ้าวเทียนฉีตบด้วยกำลังมหาศาล โดยที่เฉินเสียนไม่ทันระวังตัว ร่างกายพลันโน้มไปตามแรง แล้วล้มอยู่หน้าโต๊ะซูเจ๋อ

ผมเผ้าเธอยุ่งเหยิง สภาพน่าเวทนา และหายใจไม่เป็นจังหวะอยู่บนโต๊ะ

ชายเสื้ออาภรณ์ของเธอไปโดนเหล้าอาหารจนระเนระนาด ก่อนจะเปรอะเปื้อนด้วยคราบอาหารเหล่านั้น

รู้เต็มอกว่าซูเจ๋ออยู่เบื้องหน้าเธอ ทว่าเธอมิอยากมองรูปหน้าซูเจ๋อ ไม่อยากเห็นสีหน้าตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ของเขา

ฉะนั้นเธอหลุบตาลงพร้อมกับข่มกลั้นอารมณ์ พยายามแสดงใบหน้านิ่งสงบให้ได้มากที่สุด ทว่าถึงอย่างไร เธอก็ยังรับรู้กลิ่นอายสังหารที่แผ่ซ่านออกจากตัวซูเจ๋อไปทั่วบริเวณได้

เธอเห็นมือเรียวขาวชุ่มชื่นของเขาตรงมุมโต๊ะ กำลังกำหมัดแน่นหนึบจนเผยเส้นเอ็นอย่างเด่นชัด

เธอเอ่ยด้วยสุ้มเสียงเแผ่วเบาที่เจือความสั่นสะท้านอย่างเจ็บปวด “ท่านไม่ต้อง ข้าเอง”

ท่านจะจัดการเอง

เมื่อคิดจะทำเยี่ยงนี้แต่แรกเริ่ม งั้นลำบากหน่อยก็ช่างปะไร

อันที่จริงเธออยากบอกเขาว่า ไม่ใช่เขาเพียงผู้เดียวที่ต้องทนขมขื่น ยังมีเธอที่ตัดสินใจทำเรื่องเลวกับเขา เช่นนั้นเธอจะทำให้ดีที่สุด

ถูกตบหน้าแล้วอย่างไร อดีตก็เคยมาแล้ว

เฉินเสียนไม่เชื่อว่าซูเจ๋อจะไม่เคยผ่านความยากลำบากมาก่อน เขาเดินมาถึงจุดนี้ได้ เชื่อว่าคงประสบพบเจอกว่าเธอเป็นเท่าทวีคูณ

ฉะนั้น โดนแค่นี้ถือว่าน้อยไป

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset