จากนั้นก็มีเสียงพูดขึ้นกับเธออย่างอ่อนโยนว่า เธอคือองค์หญิง พวกเราควรที่จะรักใคร่ในตัวท่านอย่างถวายชีวิต มีเพียงแค่คนที่เกิดมาในฐานะต้อยต่ำ ที่คิดจะเรียกร้องความเสมอภาค
คนที่เข้ามาคุยกับเธอ น่าจะเป็นราชครูที่สอนอยู่ในสำนัก เหมือนเป็นคนที่อยู่กับเธอด้วยกันตลอดเวลาอีกคนหนึ่ง
คำพูดของเขาเป็นพลังอย่างหนึ่งที่ทำให้รู้สึกมั่นคง ทำให้เธอค่อยๆสงบลงได้
ชั่วพริบตาเดียว ทั้งโลกก็เหมือนราวกับประสบเหตุเภทภัยอย่างร้ายแรง
ยามพลบค่ำถูกปกคลุมเต็มไปด้วยสีแดง
มีเสียงร้องไห้อยู่ทุกหนทุกแห่ง มีผู้คนล้มตายอยู่ทุกหนทุกแห่ง เธอแอบอยู่ที่มุมห้อง บนตัวเต็มไปด้วยคราบเลือด กลัวจนเนื้อตัวสั่น
ในมือกอดหุ่นกระบอกสุดที่รักเอาไว้ หุ่นกระบอกนั้นถูกแกะสลักเป็นรูปหน้าตาของเธอไว้อย่างเลือนราง
หุ่นกระบอกนั้นไม่ได้ถูกกอดไว้แน่น จึงร่วงลงไปในกองเลือด เธอหยิบมันขึ้นมาจากกองเลือดแล้วใช้ผ้าที่หรูหราเช็ดลงไปอย่างรุนแรง
เธอเคยเจอเด็กชายที่มีแสงสว่างมาก่อน เพียงแต่เสียดายที่แสงสว่างบนตัวเด็กชายนั้นไม่ได้สะอาดเหมือนเดิมอีกแล้ว
เขารูปร่างสูง อาบน้ำเลือดกลับมา ร่างกายเต็มไปด้วยรอยการต่อสู้
มีคนที่อยู่ด้านหลังพลักเธอไปทางเขา แล้วยังพูดข้างๆหูเธอด้วยเสียงต่ำอย่างมั่นคงว่า “อาเสี่ยน ไปอยู่ข้างๆเขา มีเพียงแค่เขาที่จะทำให้เจ้ามีชีวิตต่อไปได้ เจ้าต้องมีชีวิตที่ดี”
เขาคือท่านแม่ทัพที่สร้างคุณประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง แล้วเธอคือองค์หญิงสูญเสียเอกราช
เธอคือคนที่ควรถูกฆ่า ต่อไปจะได้ไม่มีรัชทายาทให้เป็นกังวล แต่เวลานั้นเขาที่ควบคุมสถานการณ์ไว้ทุกด้านหมดแล้ว เห็นเธอที่กำลังจนตรอก ดาบที่อยู่ในมือจึงไม่ได้แทงเข้าไป
เข้าพูด “เป็นเพียงแค่องค์หญิง ไว้ชีวิตเธอเพื่อแสดงถึงความเมตตาขององค์จักรพรรดิ เพื่อให้ประชาชนใต้หล้าชื่นชมและนับถือด้วยความจริงใจ ”
เฉินเสียนลืมตาทั้งสองข้างอย่างทันที
ราวกับว่ายังมีรอยเลือดที่ยังหลงเหลืออยู่เหมือนหมอกในค่ำวันนั้นยังไม่จางหายไปไหน
หัวใจเธอเต้นอย่างรุนแรง
จิตใต้สำนึกของเธอนั้นสับสนวุ่นวาย ลืมไปว่าตัวเองอยู่แห่งใด แล้วก็ลืมไปเลยว่าคนที่อยู่ข้างกายนั้นคือใคร
เหมือนเธอกำลังจับฟางเส้นสุดท้ายของชีวิตเอาไว้ จึงใช้แรงกอดไปที่เอวของซูเจ๋ออย่างแน่น
เธอนอนฝันร้ายจริงๆ
เมื่อก่อนที่ฝันเห็นมันเป็นเพียงแค่กลิ่นคาวเลือดอย่างจางๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเลือดได้ชัดเจนขนาดนี้
เธอรู้ เรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับเฉินเสียนจริงๆ
เวลานั้นเธอยังเด็กมาก เธอไม่มีทางที่จะแบกรับภาระความกดดันได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงเปลี่ยนเป็นคนบ้าและโง่เขลา
ในความฝันคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอ มีน้ำเสียงที่สุขุมน่าฟังเหมือนกับเสียงของซูเจ๋อ
“ใช่ท่านไหม?” เฉินเสียนพูดบ่นพึมพำ
“อะไรรึ?”
“คนที่ยืนอยู่ข้างหลังข้ามาโดยตลอด คือท่านใช่ไหม?” เธอเงยหน้าขึ้น มองซูเจ๋ออย่างสับสน “ตอนนั้นก็เหมือนตอนนี้ใช่หรือไม่ เพียงแค่ข้าเงยหน้าหรือหันหลัง ก็จะเห็นท่านได้อย่างชัดเจน?”
เบ้าตาเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
สีหน้าของซูเจ๋อเคร่งขรึม ใช้นิ้วลูบเหงื่อที่หน้าผากของเธออย่างพิถีพิถัน แล้วพูดว่า “ฝันร้ายจริงๆด้วย”
เฉินเสียนถอนหายใจยาว สงบสติอารมณ์ แล้วพยักหน้า “ใช่ ข้าฝันร้าย”
เธอฝันถึงฉินหรูเหลียง ฝันถึงหลิ่วเชียนเสวี่ย แต่กลับไม่ฝันถึงซูเจ๋อ
เธอได้ยินเพียงแต่เสียงของเขา สงบนิ่งไม่สะทกสะท้านแต่อย่างไร ไม่มีอาการตื่นตระหนก
เฉินเสียนลืมไปว่าฉินหรูเหลียงนั้นอยู่ห้องขังข้างๆ เธอคิดเพียงที่จะกอดซูเจ๋อไว้ให้แน่น
หลังจากใช้เวลาอยู่นานจึงสงบจิตใจลงได้ เฉินเสียนพูดอย่างกระซิบว่า “ซูเจ๋อ ข้าหิว”
ดวงตาของฉินหรูเหลียงที่อยู่ใต้เส้นผมจ้องมองออกมาอย่างตกใจ
เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเฉินเสียนกอดกับผู้ชายคนอื่นอย่างอาลัยอาวรณ์
น้ำเสียงพูดของเธอ แฝงไปด้วยความอ่อนหวานและออดอ้อน ที่ฉินหรูเหลียงนั้นไม่เคยได้ยินมาก่อน
ก่อนหน้านี้ เขาแทบจะไม่สามารถจินตนาการได้ว่า ในที่สุดเฉินเสียนจะพึงพิงอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชาย พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
เพียงแต่ผู้ชายคนนั้นไม่มีทางที่จะเป็นเขา
ต่อหน้าเขา เฉินเสียนคือผู้หญิงที่มีความเข้มแข็งและกล้าหาญมาโดยตลอด
นั่นไม่ใช่เพราะเธอไม่ต้องการการปกป้อง เพียงแต่เธอไม่ต้องการให้ฉินหรูเหลียงปกป้องเธอ
เขาสูญเสียสิทธิที่จะปกป้องเธอมานานแล้ว จนกระทั่งเขาไม่เคยได้พบเห็น ผู้หญิงที่เข้มแข็งคนนั้น นอนฝันร้าย แล้วต้องการคนปลอบ เธอยังมีอีกด้านที่อ่อนโยนเหมือนดั่งน้ำ
ซูเจ๋อพูด “แต่ข้าไม่มีอะไรให้เจ้ากิน หรือว่าเจ้าจะกัดข้าสักสองคำ อาจจะคลายหิวได้ ”
เฉินเสียนเผลอยิ้มออกมาอย่างช้าๆ ดึงแขนเสื้อของซูเจ๋อขึ้นอย่างไม่เกรงใจ กัดไปที่มือเขาสองคำ
เมื่อเธอสงบนิ่งลง เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ตอนนี้พวกเขาอยู่ในคุกกัน แล้วฉินหรูเหลียงก็อยู่ห้องขังด้านข้าง
ไม่ถึงสองวัน องค์จักรพรรดิเย่เหลียงก็ได้รับจดหมายจากเป่ยเซี่ย หลังจากที่เมื่อเขาจะเปิดอ่านจดหมายสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างเคร่งขรึม
เย่เหลียงกับเป่ยเซี่ยนั้นแตกต่างกันราวกับฟ้าและดิน แล้วก็ไม่ใช่เพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน จะไม่เขียนมาโดยไม่มีเหตุผลแน่นอน
เวลานี้สิ่งที่ทำให้สามารถยื้อความสัมพันธ์ระหว่างเป่ยเซี่ยได้นั้น มีเพียงแค่องค์หญิงจิ้งเสียน
เฉินเสียนไม่รอให้องค์จักรพรรดิเย่เหลียงโกรธแล้วมีรับสั่งมาจับตัวเธอกับซูเจ๋อไปสาดเลือดเพื่อไปปลุกใจสามเหล่าทัพหรอก ราชนิเวศน์ส่งนางกำนัลมาเพื่อรับเฉินเสียนออกไปด้วยตัวเอง
ทันใดนั้นเฉินเสียนก็เข้าใจในคำพูดของซูเจ๋อที่ว่า “รอ” นั้นมันแฝงถึงอะไร
เมื่อเห็นนางกำนัลมาทำความเคารพ ก็รู้เลยว่านางกำนัลมารับองค์หญิงออกจากคุกเพียงคนเดียว เฉินเสียนกลับไม่รีบร้อน
เธอนั่งอยู่ข้างกายซูเจ๋ออย่างใจเย็นแล้วพูดว่า “ถ้าข้าได้ออกไปคนเดียว แล้วทูตของข้าเมื่อไรจะได้ออก?”
นางกำนัลพูด “องค์จักรพรรดิสั่งให้บ่าวมารับองค์หญิงจิ้งเสียนเพียงคนเดียว นอกเหนือจากนั้นต้องรอให้องค์จักรพรรดิมีรับสั่งลงมา”
เฉินเสียนพูด “ข้ากับท่านทูตมีเกียรติและเสื่อมเกียรติร่วมกัน ถ้าจะออกไปพวกข้าก็ต้องพร้อมกัน เขาไม่ออกข้าก็ไม่ออกไปเช่นกัน”
นางกำนัลรู้สึกลำบากใจ ที่มารับเฉินเสียนกี่ครั้ง ก็โดนปฏิเสธทุกครั้ง
ในที่สุดจึงรายงานกับองค์จักรพรรดิเย่เหลียง องค์จักรพรรดิโกรธ แล้วพูดขึ้นว่า “หยิ่งยโสไม่เห็นแก่หน้าข้าเลยรึ!”
อย่างไรก็ตาม เมื่อถ่วงเวลาจนถึงกลางคืน เห็นเฉินเสียนยืนหยัดมาตลอด องค์จักรพรรดิเย่เหลียงจึงต้องฝืนใจยินยอมให้ปล่อยซูเจ๋อออกมาด้วย
สองคนอยู่ในคุกอดข้าวอยู่สองวัน หลังจากออกมาแน่นอนว่าต้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วกินข้าว จึงค่อยไปเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ
องค์จักรพรรดิพูดออกมาโดยตรงว่า “องค์หญิงจิ้งเสียนเดิมทีเป็นแขก การเจรจาในครั้งนี้ข้าไม่ควรนำองค์หญิงไปอยู่ในคุก พรุ่งนี้ข้าจะส่งองค์หญิงกลับไปที่ชายแดนต้าฉู่”
“รีบขนาดนั้นเลย?”เฉินเสียนพูดอย่างไม่ร้อนใจว่า “ท่านทูตหล่ะ?”
องค์จักรพรรดิเย่เหลียงมองด้วยสายตาเย็นชาไปที่ซูเจ๋อ แล้วพูดว่า “ต้าฉู่ไม่ได้มีความจริงใจในการเจรจาสันติภาพตั้งแต่ทีแรกอยู่แล้ว แม้จะนำเรื่องสามคูเมืองเพื่อมาหลอกล่อข้า แน่นอนว่าข้าต้องให้ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของราชสำนักได้หลั่งเลือดก่อนที่การต่อสู้ของสองกองทัพ”
เฉินเสียนพูด “อ่อ เขาไปไม่ ข้าก็ไม่ไป”
องค์จักรพรรดิหรี่ตามอง “ท่านพูดว่าอะไรนะ?ข้าให้เส้นทางชีวิตแก่ท่าน ท่านต้องการปฏิเสธ?”
เฉินเสียนยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ ข้าปฏิเสธ ฝ่าบาทต้องการให้เขาหลั่งเลือดก่อน จิ้งเสียนกับเขาเดินและถอยหลังไปพร้อมกัน ไม่อย่างนั้นถ้ากลับต้าฉู่ไป แล้วยังให้ทำประชนเข้าใจผิดว่าจิ้งเสียนนั้นกลัวตายไม่กล้าต่อสู้กับศัตรู ”
องค์จักรพรรดิโกรธจนเหลือทน “มาถึงเย่เหลียงของข้า จะมีชีวิตหรือจะตายท่านก็ไม่สามารถทำได้”
พรุ่งนี้ค่อยใช้อำนาจบีบบังคับคุมตัวเธอให้กลับไปที่ต้าฉู่
เฉินเสียนพูดอย่างไม่เกรงกลัวว่า “ฝ่าบาทอย่าบังคับข้าเลย ถ้าข้าฆ่าตัวตายที่นี่ ตายก็ตายบนพื้นดินของเย่เหลียง”
องค์จักรพรรดิเย่เหลียงรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก เมื่อพบว่าตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถต่อรองได้อย่างสมบูรณ์
เฉินเสียนมั่นใจว่าเขาไม่กล้าทำอะไรกับเธอ
มิฉะนั้นแล้วก็คงไม่ส่งคนไปรับเธอในคุกอยู่หลายครั้ง แล้วก็คงไม่ยอมปล่อยให้เธอพาซูเจ๋อออกมาด้วย
องค์จักรพรรดิปฏิบัติต่อเธออย่างพิเศษ โดยจากประสบการณ์ชีวิตของเธอแล้ว
ถ้าเกิดว่าเป่ยเซี่ยยินยอมร่วมมือกัน อย่างนั้นเธอกับซูเจ๋อก็ชนะแน่นอน