เฉินเสียนเซถลาไปที่หน้าต่างอย่างไม่ตั้งใจ มวยผมหลุดกระจายออกมา ไรผมตรงขมับหลุดลุ่ย
แก้มของเธอชาไปด้านหนึ่ง ในหูมีเสียงหวีดดังขึ้นมาไม่หยุดและมีอาการเจ็บแสบแก้วหูอย่างรุนแรง
ผ่านไปครู่ใหญ่เฉินเสียนก็ถอนหายใจออกมา เธอยกมือขึ้นเช็ดริมฝีปากและพบว่าปากของเธอแตก
เฉินเสียนมองเลือดสีแดงก่ำที่นิ้วและส่งเสียงฮึลอดไรฟัน แววตาฉาบฉายไปด้วยความเย็นชา “ท่านเป็นบ้าไปแล้วหรือฉินหรูเหลียง”
ความโกรธของฉินหรูเหลียงยังคงไม่ลดลง เขาเงื้อมือขึ้นตั้งใจจะตบหน้าเธออีกครั้งด้วยหลังมือ
เฉินเสียนมีปฏิกิริยาตอบสนองค่อนข้างเร็ว เธอยกมือขึ้นขวาง แต่ฉินหรูเหลียงเคลื่อนตัวเร็วกว่า เขาใช้มืออีกข้างกดมือของเฉินเสียนไว้กับลายฉลุบนหน้าต่างและแทบจะบดข้อมือของเธอให้แตกละเอียด
แล้วมือข้างนั้นก็ตบลงบนใบหน้าของเฉินเสียนอย่างแรง
ฉินหรูเหลียงเป็นคนแรก… ตั้งแต่เด็กจนโตตลอดจนเมื่อกลายมาเป็นนักแสดงผู้มากประสบการณ์ ยังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนกล้าตบเธอเช่นนี้
ทันใดนั้นก็เกิดรอยแผลใหม่ขึ้นบนรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเฉินเสียน เธอรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
เฉินเสียนสูดลมหายใจเข้าสองทีแล้วกระทืบเท้าของฉินหรูเหลียงไปตามสัญชาตญาณ จากนั้นจึงงอเข่ากระแทกไปที่หน้าท้องของเขาอย่างแรง
ทุกการเคลื่อนไหวลื่นไหลอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งรวดเร็วและแม่นยำ
แววตาของฉินหรูเหลียงเปลี่ยนไป เขายกมือขึ้นมากันเข่าของเธอ แต่เขาคิดผิด เขาประเมินเฉินเสียนต่ำเกินไป หัวเข่าของเธอแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาคาดไว้ เขาไม่ได้เตรียมป้องกันไว้ล่วงหน้าจึงเซถอยหลังไปสองก้าว
ทันใดนั้นข้อมือของเฉินเสียนก็หลุดออกมาเป็นอิสระ เธอคว้าถ้วยชาที่อยู่ใกล้มือฟาดลงไปบนใบหน้าของฉินหรูเหลียง
ฉินหรูเหลียงตาไว้และชกถ้วยน้ำชาจนแตกละเอียด เศษถ้วยเครื่องเคลือบที่แตกบาดมือของเขาจนเลือดออก และน้ำชาก็สาดกระเซ็นจนเปียกไปทั่วไปหน้าของเขา
สถานการณ์ระหว่างทั้งสองคนตึงเครียด ภายในห้องเหลือเพียงความยุ่งเหยิงและความเงียบงัน
รอยนิ้วทั้งห้าปรากฏอยู่บนใบหน้าของเฉินเสียนอย่างชัดเจน เธอหอบเล็กน้อย น้ำเสียงฟังดูไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย “ไม่ใช่แล้วมั้งท่านแม่ทัพ แค่เพียงสูญเสียเงินทองไปแค่นี้ท่านถึงกับทำร้ายคนในครอบครัว ทำตัวเป็นสุนัขจนตรอกที่พอหมดทางก็ยอมทำได้ทุกอย่างแบบนี้น่ะหรือ”
ฉินหรูเหลียงค่อยๆ ก้าวเข้ามาใกล้และเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “วันนี้ท่านทำอะไรไปบ้างล่ะ จำไม่ได้งั้นหรือ? งั้นข้าจะค่อยๆ ช่วยให้ท่านได้คิด!”
เขาคว้าชายเสื้อของเธอไว้ราวกับสัตว์ป่ากระหายเลือด “ความเจ็บปวดเพียงแค่นี้เทียบไม่ได้เลยกับเหมยอู่ที่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งและบอบช้ำไปทั่วทั้งตัว! ข้าน่าจะรู้ตั้งนานแล้วว่าท่านไม่ใช่แค่ใจดำอำมหิต แต่ท่านมันชั่วช้าและโหดเหี้ยมที่สุด!”
เฉินเสียนจ้องตรงไปที่ดวงตาของฉินหรูเหลียงและเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “นางจะบอบช้ำหรือเสื้อผ้าขาดรุ่งริงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า”
ฉินหรูเหลียงมองเธอด้วยสายตาที่รังเกียจถึงขีดสุดและเอ่ยว่า “วันนี้เหมยอู่มาที่นี่ไม่ใช่หรือ ท่านไม่เพียงแต่ทุบตีสาวใช้ของนาง แต่ยังทุบตีนางจนฟกช้ำไปทั้งตัว ไหนเจ้าลองบอกสิว่าข้าควรทำอย่างไรกับเจ้า”
เฉินเสียนหัวเราะ “ข้าทำร้ายนาง? ท่านเห็นด้วยตาคู่ไหนรึ”
“ท่านกล้าพูดว่าเจ้าไม่ได้ทำงั้นรึ แล้วบาดแผลทั่วทั้งตัวนางจะมาจากไหน? คิดว่านางล้มหรือทุบตีตัวเองงั้นเรอะ!”
ฉินหรูเหลียงโกรธมากจนขาดสติ เขาแทบจะบีบคอของเฉินเสียนให้ขาดคามือ “ท่านนี่มันดีแต่ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ท่านเคยบอกไปแล้วว่าถ้าท่านกล้าทำร้ายนางอีก ข้าจะทำให้ท่านได้เห็นดี… ท่านเคยบอกว่าจะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกันไม่ใช่รึ แล้วนี่เจ้าทำอะไรลงไป ต้องโหดเหี้ยมแค่ไหนถึงได้กล้าลงมือกับนางหนักขนาดนี้! ท่านอย่ามาบังคับข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะทำให้ท่านได้พบจุดจบที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม”
เฉินเสียนหัวเราะเยาะและกล่าวว่า “ท่านฟังข้าให้ดีนะ ถ้าข้าเฉินเสียนผู้นี้ต้องการจะจัดการนาง ข้าจะบอกให้ท่านรู้ล่วงหน้าอย่างแน่นอน ท่านเห็นข้าลงมือทำร้ายนางกับตาแล้วหรือ นางพูดอย่างไรท่านก็เชื่ออย่างนั้น เมื่อก่อนเป็นแบบไหนตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้น มีครั้งไหนบ้างที่ท่านฟังคำพูดของข้า”
เฉินเสียนยืดเหยียดร่างกายและโน้มศีรษะเข้าไปใกล้ เอ่ยกับเขาว่า “งั้นข้าล่ะ เป็นไปได้ไหมว่าที่ใบหน้าของข้าเป็นแบบนี้เป็นเพราะข้าทำมันเอง! ข้าบอกว่านางทำลายโฉมหน้าข้า แต่ท่านเคยเชื่อสักนิดไหม”
“นั่นมันเพราะท่านหาเรื่องเอง ท่านคิดว่าท่านเป็นใคร” ฉินหรูเหลียงโกรธจัดและผลักเฉินเสียนเต็มแรงจนเธอล้มลง
ทันใดนั้นโต๊ะและเก้าอี้ภายในห้องก็ล้มลงเสียงดังโครมคราม
อวี้เยี่ยนกับแม่บ้านจ้าวได้ยินเสียงเอะอะจึงรีบวิ่งเข้ามาดู ทั้งคู่ตะลึงตาค้าง
เฉินเสียนล้มลงอยู่ข้างๆ โต๊ะโดยที่ฉินหรูเหลียงกำลังปัดโต๊ะอย่างแรงเพื่อให้ขอบโต๊ะกดลงตรงหน้าท้องของเธอ
เฉินเสียนเจ็บปวดจนไม่อาจยืดกายให้ตรงได้ เธอสูดลมหายใจเข้า
“องค์หญิง!” อวี้เยี่ยนกรีดร้องและรีบถลันเข้าไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นใบหน้าของเฉินเสียนซีดเผือดนางก็ตกใจจนใบหน้าขาวซีด เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า “องค์หญิงเป็นอย่างไรบ้างเพคะ อย่าทำให้หม่อมฉันกลัวสิเพคะ…”
ฉินหรูเหลียงยังจะเข้าไปซ้ำ แต่นางจ้าวเห็นว่ามันไม่ถูกต้องจึงเข้ามาขวางไว้ทันที “ท่านแม่ทัพใจเย็นๆ องค์หญิงกำลังทรงพระครรภ์นะเจ้าคะ!”
ฉินหรูเหลียงหยุดและมองไปยังเฉินเสียนที่กำลังชักด้วยความเจ็บปวดทรมานด้วยสายตาที่เฉยเมย
อวี้เยี่ยนกับแม่บ้านจ้าวรีบไปประคองเฉินเสียนไว้
เฉินเสียนงุ้มตัวลง ขาทั้งสองข้างสั่นระริก
อวี้เยี่ยนมีแววตาเฉียบคม เมื่อเหลือบไปเห็นคราบเลือดที่ซึมออกมาจากชุดของเฉินเสียน นางก็ตกใจจนหน้าซีด น้ำตาเม็ดโตๆ ไหลออกมาจากดวงตา “ละ… เลือดไหล… องค์หญิงเลือดไหล…”