ก้อนหินบนไหล่เขาเริ่มหลวมและสั่นคลอน หินก้อนเล็กใหญ่พากันกลิ้งตกลงมาพร้อมกัน
ลมพัดทรายฟุ้ง เสียงหินก้อนเล็กละเอียดกระทบกันจนเกิดเสียงดังขึ้นไม่หยุด เสียงหินที่ถล่มลงมาราวกับเสียงฟ้าคำรามก็ไม่ปาน
ตอนที่เฉินเสียนหันกลับไปมองนั้น ก็เห็นเพียงแต่เศษฝุ่นทรายที่ฟุ้งกระจายราวกับหมอก หินก้อนเล็กใหญ่กำลังค่อยๆ กลิ้งลงมา
และตำแหน่งที่เธอกับซูเจ๋อยืนอยู่นั้น ตรงกับทิศทางที่หินจะกลิ้งลงมาพอดี ถ้าเกิดไม่รีบหนีตอนนี้ จะต้องถูกหินพวกนี้กลิ้งทับจนร่างแหลกแน่ๆ!
เฉินเสียนที่สติหลุดไป นักฆ่าจึงรีบฉวยโอกาสเข้ามา ซูเจ๋อรีบเข้ามาต้านดาบได้ทันควัน
ซูเจ๋อรู้ดีถึงสถานการณ์ที่เร่งด่วนนี้ หากช้าแม้แต่นิดเดียว หินพวกนั้นก็จะกลิ้งตกลงมา เวลานี้ เหล่านักฆ่าก็ได้เข้ามาสกัดกั้นทุกหนทาง และพยายามบีบให้ทั้งคู่ถอยเข้าไปด้านใน
นักฆ่าเพียงแค่ต้องอดทนยื้อเวลาอีกเพียงชั่วอึดใจ ให้ทั้งคู่ไม่มีโอกาสที่จะหนีออกมา ภารกิจจึงจะสำเร็จลุล่วงได้
เวลานั้นซูเจ๋อเองได้ใช้แรงทั้งหมดที่มี สู้โต้ตอบอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้เขาดูเหมือนปีศาจที่กระหายการเข่นฆ่า ความกระหายเลือดที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขานั้น พลอยทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกหนาวสะท้าน
มองเห็นก้อนหินที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในท้ายที่สุดซูเจ๋อก็สามารถจัดการฆ่านักฆ่าทั้งหมดได้ในนาทีสุดท้าย เมื่อตวัดฆ่าดาบสุดท้าย เขาก็หลบไม่ทันแล้ว จึงผลักเฉินเสียนเข้าไปในช่องแคบระหว่างภูเขาเต็มแรง
เฉินเสียนรู้สึกว่าตัวเธอเองได้ตะโกนเรียกชื่อของซูเจ๋ออย่างสุดเสียง แต่เหมือนเสียงถล่มที่ดังกึกก้องกลบเสียงเรียกของเธอจนไม่ได้ยินอะไรเลย
ประสาทการรับรู้ทั้งหมดของเธอขาวโพลนไปหมด หลงเหลือเพียงเงาสุดท้ายของชายชุดสีดำสนิทที่ปรากฏขึ้นในดวงตาเมื่อครู่ที่ผ่าน เขาโบยบินอยู่ท่ามกลางบรรดาหินที่ถล่มลงมานั่น
เธอรู้สึกเพียงว่า นั่นคือสิ่งที่มีความหมายที่สุดของเธอแล้วจริงๆ
หินที่อยู่เหนือศีรษะกลิ้งตกลงมาบนพื้น กระแทกโดนร่างกายที่ชุ่มไปด้วยเลือดนั่น ไม่นานก้อนหินเหล่านั้นก็กลิ้งลงมาเต็มพื้นที่โล่งแห่งนี้
ซูเจ๋อยังไม่ได้ล้มลง เขากำลังโบยบินหลบหลีกก้อนหินพวกนั้นไปมา
จากนั้นก็มีหินก้อนหนึ่งหล่นกระแทกโดนไหล่ขวาของเขา จนเขาทรุดตัวลง
“ซูเจ๋อ……”
ไม่ได้ เธอจะไม่ยอมยืนดูเขาเฉยๆ แบบนี้จนถึงวินาทีสุดท้าย เพื่อจะช่วยชีวิตเธอแล้ว ความเป็นความตายของซูเจ๋อจึงถูกแขวนอยู่บนเส้นด้ายบางๆ
เฉินเสียนไม่สามารถควบคุมฝีเท้าของตัวเองได้
แต่เสียงที่หนักแน่นของซูเจ๋อที่ก็ดังขึ้น เขาพูดขึ้นครั้งแรกในสถานการณ์ที่หนักหน่วงเช่นนี้ : “เฉินเสียน อย่าเข้ามา อย่าให้ข้าเสียแรงโดยเปล่าประโยชน์”
เฉินเสียนเบิกตากว้าง ราวกับว่าเท้าทั้งสองของเธอถูกตรึงไว้ในทันที สีหน้าที่หมองหม่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ น้ำตาหลั่งไหลออกมาอย่าไร้สติ เธอถามขึ้นว่า : “งั้นข้าควรจะทำอย่างไรดี?”
เธอตะโกนออกไปว่า : “ถ้าท่านเป็นอะไรขึ้นมา งั้นข้าจะทำยังไง!”
เงาของซูเจ๋อหยุดชะงักไป เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ต่ำและหนักแน่นว่า : “ข้าจะไม่เป็นอะไรทั้งนั้น ข้าเคยบอกท่านแล้ว ว่าถึงแม้ขาข้างหนึ่งของข้าจะเหยียบเข้าไปในแม่น้ำแห่งความตาย ข้าก็จะดึงกลับมาให้ได้”
ดูเหมือนว่าเขาจะฟื้นฟูพลังได้อีกครั้ง ด้วยความเพียรพยายามและความอดทนอย่างที่สุด
ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ยังรอเขาอยู่ เขาจะถูกฝังอยู่ใต้กองหินพวกนี้ได้อย่างไรกัน
เขาทำใจไม่ได้ และไม่สนิทใจ
ดาบในมือของเขาหักไปแล้ว ปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายของซูเจ๋อช้าลงเรื่อยๆ แต่เขาก็ยังสามารถหลบก้อนหินส่วนใหญ่ได้ ก้อนหินส่วนน้อยเท่านั้นที่โดนตัวเขา และไม่ได้ทำให้บาดเจ็บมากจนเกินไป จึงไม่ค่อยน่าเป็นห่วงมาก
ในที่สุดก้อนหินที่กลิ้งตกลงมาก็สงบลงแล้ว
ฝุ่นที่ฟุ้งกระจายก็เริ่มเบาบาง ค่อยๆ จางหายไปกับสายลม
บนตัวของซูเจ๋อเต็มไปด้วยฝุ่นหนา ในขณะที่เขาหันหน้ากลับมานั้น จู่ๆ ก็ทำให้เฉินเสียนนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา รูปแกะสลักไม้ชิ้นแรกที่เธอฝึกแกะสลัก
บนโลกใบนี้ มีเพียงซูเจ๋อคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถทำให้เธอเจ็บปวดเจียนตายได้ รสชาติความเจ็บปวดที่ลึกเข้าไปในกระดูก
เฉินเสียนอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
เธอไม่รู้ตัวว่าตัวเธอนั้นน้ำตาท่วมใบหน้า เมื่อน้ำตาโดนละอองฝุ่น ทิ้งรอยคราบน้ำตาทั้งเข้มและจางเต็มใบหน้า
ซูเจ๋อยิ้มขึ้นเบาๆ ที่มุมปาก พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า : “อาเสียน อย่าร้อง ท่านร้องไห้ข้าจะปวดใจ”
เฉินเสียนสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วพูดขึ้นว่า : “ก็ได้ ก็ได้ ข้าจะไม่ร้อง ซูเจ๋อ ท่านมานี่เร็ว”
แต่ทว่า เป็นเพราะก้อนหินที่ไหล่ทางกลิ้งตกลงมาอย่างต่อเนื่อง เกิดเสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้นในหูไม่หยุด และภาพตรงหน้าก็เป็นเพียงความสงบที่เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น
ด้านข้างยังมีหินสีดำขนาดใหญ่ และเพราะผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือนของเมื่อครู่นี้ ราวกับผลไม้ที่สุกงอมและหนักจนกิ่งมันโน้มลงต่ำ เพียงแค่เขย่าเบาๆ ก็สั่นคลอนถึงมันโดยตรง
และหินก้อนใหญ่ก้อนนั้น ก็อยู่ตรงเหนือศีรษะของเฉินเสียนพอดี
เศษหินที่ร่วงหล่นลงมาสั่นสะท้านเหมือนสายฝนไม่มีผิด ตามมาด้วยเสียงก้อนหินแตกร้าวดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว
การทำงานของร่างกายซูเจ๋อมาจนถึงขีดสุดแล้ว ประสาทสัมผัสของหูที่ไม่ธรรมดาเขา แม้แต่สายลมที่บางเบาพัดเป่าใบหญ้าเขาก็ยังสามารถได้ยิน
แต่พอเขาเงยหน้ามองขึ้นไปมอง ใบหน้าของเขาก็ขาวซีดในทันที
ก้อนหินขนาดใหญ่ได้หลุดจากไหล่เขาแล้ว ทันใดนั้นก็ได้กลิ้งลงมาอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้ มุมที่แหลมคมของหินก้อนนั้นกระแทกโดนไหล่เขา เกิดเป็นเศษหินที่ไม่อาจนับถ้วนได้
ราวกับกลุ่มก้อนเมฆสีดำที่ก่อตัวขึ้นอยู่เหนือศีรษะ
เงาดำสนิทที่เคลื่อนตัวด้วยความรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียว เงานั่นก็เคลื่อนตัวมาอยู่ด้านหลังของเฉินเสียนแล้ว
วินาทีที่หินก้อนใหญ่นั้นกลิ้งทับลงมา ใช้ตัวเองสร้างมุมที่ปลอดภัยเพื่อเป็นเกราะกำบังให้เธอ
เศษหินก้อนเล็กถล่มลงมาอีกระลอกหนึ่ง กองทับถมขึ้นมาราวกับหลุมฝังศพก็ไม่ปาน
“ซู ซูเจ๋อ?”
ในตอนที่เธอหันหน้ากลับไปนั้น ภาพที่เธอเห็นตรงหน้า บางทีชีวิตนี้ทั้งชีวิตก็ไม่อาจที่จะลืมเลือนได้
เขาใช้ทั้งตัวของเขา ต้านบังหินใหญ่ก้อนนั้น เพราะเขาติดอยู่ช่วงระหว่างหินกับพื้น หินก้อนใหญ่ที่อยู่ในมุมเฉียง สร้างเกราะกำบังขึ้นมาให้เฉินเสียน
หินก้อนใหญ่ไม่ได้โดนเธอเลยแม้แต่น้อย เพราะซูเจ๋อใช้ตัวของเขาแบกรับทั้งหมดและบังไว้ทุกอย่าง
ซูเจ๋อไม่ร้องเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว ก่อนที่จะได้พูดอะไรออกมา ปากของเขาที่ไม่สามารถปิดลงได้ เพราะมีเลือดไหลทะลักออกมา
หินกองเต็มจากทุกทิศจนมิด มีเพียงแสงเล็กน้อยที่เล็ดลอดเข้ามาจากช่องว่างระหว่างหิน เฉินเสียนจึงมองเห็นเลือดสีแดงสดที่บาดตานั่น
“ซูเจ๋อ……”
เวลานั้นเฉินเสียนรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงที่หนาวที่สุดของเหมันตฤดู ราวกับว่าเลือดในร่างกายของเธอได้จับตัวกันและแข็งไปหมด
เฉินเสียนตะเกียกตะกายลุกขึ้น แล้วคลานมาที่ด้านหน้าของซูเจ๋อ เธอใช้มือทั้งสองข้างผลักก้อนหินที่อยู่เหนือตัวเขาออก ใช้แรงที่มีอยู่ผลักออกไปเต็มแรง เพื่อจะได้แบ่งเบาภาระของซูเจ๋อได้บ้าง
แต่ไม่ว่าเธอจะออกแรงแค่ไหน กัดฟันแน่นจนเกิดเสียง ร่างกายเกร็งแน่นจนถึงขีดสุด แต่ก็ไม่สามารถลูกขึ้นได้เลย และก้อนหินด้านบนนั่นก็ไม่ได้ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว
เสียงร้องไห้ของเธอเล็ดลอดออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอพยุงหินไว้พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ : “ซูเจ๋อ ท่านขยับหน่อยได้ไหม? ข้ารับมันไหว……ข้ารับมันไหว……ท่านขยับออกมาข้างนอกได้หรือเปล่า?”
ซูเจ๋อพูดขึ้นน้ำเสียงเบาบาง : “จะขยับได้อย่างไร หากข้าขยับแม้แต่นิดเดียว มันก็จะถล่มลงมาทับเราตายทั้งคู่”
“ยังมีข้าไง ข้ารับมันไหวอย่างแน่นอน……” เฉินเสียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน : “ซูเจ๋อ อย่าดูถูกข้าเชียว ข้าแรงเยอะมากนะ……”
ซูเจ๋อพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า : “แต่ข้าเริ่มจะหมดแรงแล้ว ข้าเสี่ยงไม่ไหว อาเสียน ไม่ต้องสนใจข้า ท่านรีบหาวิธีออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ”
ใช่ ถูกต้อง เธอควรจะรีบหาทางออกไปจากที่นี่โดยเร็ว ต้องออกไปจากที่นี่เท่านั้นถึงจะหาวิธีมาช่วยเขาได้
เฉินเสียนร้องคำรามด้วยความขมขื่น ราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังสิ้นหวัง เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า : “ซูเจ๋อ ท่านรอข้านะ……ท่านจะต้องอดทนรอข้า ข้าจะหาวิธีเดี๋ยวนี้เลย เราจะออกไปจากที่นี่ด้วยกันทั้งคู่……”
หินที่ทับถมลงมา ติดกันค่อนข้างแน่น แม้แต่หินก้อนเดียวเฉินเสียนก็ไม่สามารถขยับออกได้ เธอออกแรงจนนิ้วมือเต็มไปด้วยแผลถลอก เศษฝุ่นผงทรายเข้าไปในบาดแผล แต่เทียบไม่ได้แม้แต่ครึ่งเดียวของความเจ็บปวดในหัวใจ
เธอก้าวเข้าสู่การต่อสู้ดิ้นรนที่สิ้นหวัง นั่งลงบนพื้น ใช้ขาถีบหินที่กองอยู่ตรงหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่มี