เฉินเสียนฟุบอยู่บนหน้าต่างของรถม้า ค้ำคางไว้แล้วกล่าวขึ้นว่า“ดูพวกท่านน่าเบื่อเช่นนี้ ข้าก็เบื่อเป็นอย่างมาก”
เพื่อที่จะทำให้เฉินเสียนไม่เบื่ออย่างนั้น ด้วยเหตุนี้ซูเจ๋อเลยเป็นคนที่พูดคุยกับฉินหรูเหลียงก่อน จากอากาศวันนี้ถึงสถานที่ล้วนเป็นประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น ทั้งหมดที่ฉินหรูเหลียงฟังย่อมเป็นเรื่องไร้สาระไม่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องและสำคัญเลย
ซูเจ๋อมีอารมณ์พูดสบายๆไม่รีบร้อนอย่างมาก เฉินเสียนก็ฟังอย่างตั้งใจด้วย
ฉินหรูเหลียงที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้าหงุดหงิด จนถึงขั้นหมดอาลัยตายอยากอยู่บ้าง
จนถึงตอนที่หงุดหงิดเป็นอย่างมาก ฉินหรูเหลียงถึงได้สอดแทรกอย่างขอไปทีสักหนึ่งถึงสองประโยค
ช่วงเวลาที่เรียงหน้ากระดานบนถนนได้จบสิ้นลงแล้ว การเดินรถม้าทั้งสองคันได้ต่อเรียงแถวหน้าหลัง
ฝั่งตรงข้ามไม่มีเฉินเสียนที่ฟุบบนขอบหน้าต่างรถม้ามองอีกแล้ว ฉินหรูเหลียงเลยชำเลืองมองซูเจ๋ออย่างเยือกเย็น แล้วกล่าวขึ้นว่า “เลิกเสแสร้งได้แล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องอยากคุยกับข้า”
ซูเจ๋อยิ้มแห้งๆเรียบเฉยกล่าวขึ้นว่า“แต่องค์หญิงทรงอยากได้ยินข้ากับแม่ทัพฉินพูดคุยกันนะ”
เรื่องพูดคุยเช่นนี้ ต่อให้ซูเจ๋อไม่ชอบ เขาก็สามารถพูดคุยกับฉินหรูเหลียงได้อย่างไม่ตื่นตระหนกอะไรเลย
เพราะว่าฉินหรูเหลียงรู้ เดิมซูเจ๋อก็เหมือนกับคนที่ไม่แสดงอาการดีใจหรือเสียใจอยู่แล้ว
หวนนึกถึงจักรพรรดิองค์ก่อน เนื่องจากซูเจ๋อฉลาดเฉลียวเกินวัย มีบางครั้งจะไปที่โรงเรียนไท่สอนหนังสือ
เวลานั้นเขายังอายุน้อย เพียงแค่โตมาไม่กี่ปี วิชาความรู้ที่เขามีได้เกินบัณฑิตที่ร่ำเรียนมาในโรงเรียนไท่แล้ว
ซูเจ๋อเป็นคนข้างกายของจักรพรรดิองค์ก่อน ตอนที่เฉินเสียนยังวัยเยาว์เป็นเขาที่ดูแล
จนถึงตอนนี้ฉินหรูเหลียงยังจำได้อย่างชัดเจน ตอนที่ซูเจ๋อพบว่าเขากับเฉินเสียนดีกันจนแม้แต่เงายังไม่แยกจาก ซูเจ๋อมองมาด้วยแววตาดำคล้ำราวกับหมึกนั้น
ฉินหรูเหลียงถูกทำให้ตื่นตกใจกลัว แววตาอย่างนั้นราวกับหมาป่าซ่อนในยามค่ำคืน พบว่าคนนอกเข้าใกล้บุคคลที่ตนดูแลก็อยากจะล่าเขาให้ได้เลย
ต่อมาอำนาจการปกครองเปลี่ยน ราชสำนักถูกล้าง ฉินหรูเหลียงเป็นผู้ช่วยขององค์จักรพรรดิใหม่ แน่นอนรู้ว่าซูเจ๋อช่วยองค์จักรพรรดิกำจัดบุคคลที่รังเกียจไม่ชอบ ก่อเรื่องวุ่นวายคดีฆ่าล้างยกเรือนอยู่หลายที่
เวลาเดียวกันที่กำจัดบุคคลที่องค์จักรพรรดิไม่ชอบรังเกียจ เขาก็ได้ล้างบางขุนนางรุ่นเก่าแก่ กำจัดคนที่มีความเห็นต่าง
ตอนที่เหล่าขุนนางเปลี่ยนฝ่าย ทุกคนรับรู้ได้ถึงอันตราย แต่ทว่าเขากลับไม่รู้สึกสิ่งใดเลยและไม่แยแส
ขุนนางเก่าแก่ราชวงศ์ก่อนหน้านั้นเป็นขุนนางฉู่เหมือนเดิม แซ่ขององค์จักรพรรดิต้าฉู่คือแซ่เฉินเหมือนเดิม พวกเขาบริหารราชสำนัก องค์จักรพรรดิใหม่ไม่สามารถกำจัดการบริหารราชสำนักไปได้ เป็นผลให้แต่งตั้งต่อไป
เวลานั้นองค์จักรพรรดิต้องการเก็บซูเจ๋อไว้ เพราะว่าเขาเป็นแบบฉบับที่ดีงามของเหล่าขุนนางเก่าแก่ของราชวงศ์ก่อนหน้า
แต่องค์จักรพรรดิไม่สามารถเหลืออำนาจที่แท้จริงไม่ว่าอย่างไรก็ตามให้กับซูเจ๋อได้ หากว่าซูเจ๋ออยากจะอยู่อย่างยาวนานต่อไป ทำได้เพียงเป็นบัณฑิตที่ประพฤติตนเหมาะสมเจียมตัว
ช่วงปีที่ผ่านๆมานี้ ซูเจ๋อเป็นหนามยอกอกแทงใจองค์จักรพรรดิ และวันนี้หนามนี้ไม่ได้บ่งออก ยังมีชีวิตที่ดีดังเดิม
ครั้งนี้หลังจากกลับจากเย่เหลียง เกรงว่าทุกอย่างจะไม่ราบรื่นอีกแล้ว
เรื่องราวในอดีตค่อยๆลอยเหนือผิวน้ำ และซูเจ๋อคนนี้ที่จมใต้น้ำ ในที่สุดก็ลอยเหนือผิวน้ำช้าๆแล้ว
สถานการณ์ของต้าฉู่ฉินหรูเหลียงไม่สามารถควบคุมได้แล้ว แต่ซูเจ๋อทำมันได้
เขาไม่เพียงทำได้ เขายังวางกลยุทธ์ได้ด้วย
ซูเจ๋อกล่าวกับฉินหรูเหลียงว่า “แม่ทัพฉินยื่นมือออกมาหน่อยสิ”
ฉินหรูเหลียงขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า“ทำสิ่งใดหรือ?”
ซูเจ๋อไม่เอ่ยปากว่าจะทำสิ่งใดยักคิ้วขึ้นแล้วกล่าวว่า“หรือว่าแม่ทัพฉินอยากจะพิการเช่นนี้ต่อไปเล่า?”
ฉินหรูเหลืองตื่นตระหนก
สีหน้าสุภาพอ่อนโยนของซูเจ๋อมีความเย็นชาอยู่ด้วย แต่ไม่มีอารมณ์แปรปรวนเลยแม้แต่น้อย
เขาบีบคลึงบริเวณข้อมือของฉินหรูเหลียง ตรวจชีพจรของเขา นิ้วมือนุ่มละมุนลูบคลำสัมผัสบริเวณรอยแผลเป็นและเส้นเอ็นที่ข้อมือของเขา กล่าวอย่างราบเรียบว่า“ก็ยังไม่มียาที่จะรักษาได้”
ซูเจ๋อกล่าวอย่างเอื่อยเฉื่อยแล้วหยิบเข็มหนึ่งด้ามออกมาจากถุงเสื้อ แทงเข้าไปในข้อมือของฉินหรูเหลียง
ถึงแม้ฉินหรูเหลียงไม่สามารถรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด แต่นิ้วมือรับรู้ได้ถึงการกระตุ้น เริ่มมีอาการกระตุกขึ้น
ซูเจ๋อกล่าวว่า “ดูอย่างนี้แล้ว อย่างน้อยยังสามารถฟื้นฟูได้”
ฉินหรูเหลียงตื่นตระหนกกล่าวขึ้นว่า“ท่านรู้วิชาแพทย์หรือ?”
ซูเจ๋อชำเลืองมองเขา กล่าวอย่างเป็นกันเองว่า“ข้าเป็นอาจารย์ของอาเสียน นางทำได้มีเหตุผลใดที่ข้าจะทำไม่ได้ ”
ฉินหรูเหลียงผิดหวัง
ใช่ นี่คืออาจารย์ของเฉินเสียน เฉินเสียนเพียบพร้อมทุกอย่างเพราะเขาสั่งสอน
เขาอยู่ในเมืองหลวงที่แท้ปิดบังซ่อนไว้อย่างแน่นหนา! กลัวว่าจะไม่มีผู้ใดพบเจอหน้ากากที่แท้จริงของเขา!
ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า “ท่านรักษาข้าได้หรือไม่?”
“ด้วยวิชาทางการแพทย์ของอาเสียนในตอนนี้ เกรงว่าไม่สามารถเชื่อมเส้นเอ็นของท่านได้ เพราะฉะนั้นนางเลยหวังจะให้ข้ารักษาท่าน”
“แต่หากข้าไม่เอื้อผลต่อพวกท่าน ท่านยอมที่จะสังหารข้า ท่านไม่มีทางที่จะช่วยข้าอย่างไม่มีเหตุผลหรอก”
ซูเจ๋อกล่าวว่า“แม่ทัพฉินเป็นคนฉลาด ข้ามีเงื่อนไข”
ฉินหรูเหลียงกล่าวเสียงเข้มทีละคำทันทีว่า“ท่านอยากให้ข้าช่วยท่าน?”
ดวงตาเข้มของซูเจ๋อจ้องมองที่เขา กล่าวสบายๆว่า“หากข้ารักษาท่าน เป็นการตอบสนองคำร้องขอของอาเสียน กล่าวอย่างเป็นธรรมคือนางช่วยชีวิตท่าน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปทั้งสองมือของท่านเป็นของนาง และต่อไปก็ฟังเพียงนาง หากท่านตกลง ข้าจะรักษา”
ฉินหรูเหลียงหัวเราะเยือกเย็น กล่าวขึ้นว่า“พูดง่าย นี่คือท่านต้องการให้ข้าละทิ้งจุดยืน ยอมรับนางเป็นเจ้านาย!”
ซูเจ๋อกล่าวขึ้นว่า“แน่นอน แม่ทัพฉินยังมีเวลาให้คิดทบทวน”
“หากข้าไม่ตอบตกลงล่ะ ท่านไม่กลัวหลังจากที่กลับเมืองหลวงแล้ว ข้าจะกราบทูลเรื่องราวของพวกท่านอย่างละเอียดยิบให้องค์จักรพรรดิทราบหรือ?”
“เช่นนั้นสามารถทำให้แม่ทัพฉินแลกผลงานตำแหน่งยศศักดิ์ หรือว่าสาวงามรถสวย?”ซูเจ๋อกล่าวอย่างราบเรียบ
“ไม่เพียงแต่แลกมาไม่ได้ แม่ทัพฉินจะเป็นคนพิการอย่างนี้ต่อไปหรือ จากท่านแม่ทัพใหญ่อันดับหนึ่งของต้าฉู่กลายเป็นคนที่ไม่เป็นที่รู้จักของผู้คนไร้ชื่อเสียง”
ฉินหรูเหลียงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ท่านคิดว่าข้าสนใจเรื่องเหล่านั้นหรือ?”
“แน่นอนว่าท่านแม่ทัพฉินไม่สนใจ เช่นนั้นชีวิตของอาเสียนล่ะ ท่านก็ไม่สนใจหรือ?”ซูเจ๋อเปิดเปลือกตาเงยขึ้นมองฉินหรูเหลียง เขามองทะลุนานแล้ว“ฉินหรูเหลียงรักองค์หญิง ไม่สามารถสะเพร่าได้”
ฉินหรูเหลียงหายใจเข้าลึกๆ
วันนี้เขาจะสามารถมองเฉินเสียนตายต่อหน้าต่อตาได้อย่างไรกัน
เขารู้สึกว่าเขาราวกับว่าตกลงในหลุมพราง ตั้งแต่เริ่มแรกก็ตกลงไปในหลุมพรางนั้นแล้ว
ฉินหรูเหลียงเย็นวาบเล็กน้อยบริเวณหน้าอก กล่าวขึ้นว่า“เริ่มแรกที่ท่านนำเฉินเสียนมาแต่งงานกับข้า ไม่เพียงแต่หวังว่าข้าจะปกป้องนาง เริ่มแรกท่านยังหวังว่าข้าจะหลงรักนางใช่หรือไม่?”
ซูเจ๋อตอบกลับ “แน่นอนว่าข้าหวัง อีกทั้งยังหวังว่าสถานการณ์ที่ดีที่สุดจะเป็นเช่นนี้ด้วย ท่านหลงรักนาง แต่ทว่านางกลับไม่รักท่านแล้ว”
ต้องการยื่นมือช่วยเหลือเขา จำเป็นต้องทำลายเขาก่อน
มีเพียงเขาหลงรักเฉินเสียน ถึงจะทำให้เขายอมตายเสี่ยงอันตรายเพื่อนางได้
บ้านเมืองบนพื้นพิภพนี้นับว่าคือสิ่งใด เมื่อสมัยนั้นฉินหรูเหลียงกับองค์จักรพรรดิใหม่โค่นล้มต้าฉู่แล้วหนึ่งครั้ง และวันนี้อาจจะโค่นล้มเป็นครั้งที่สองได้
ฉินหรูเหลียงกล่าวอย่างเกี้ยวกราดและหัวเราะว่า“เป็นไปตามที่ท่านปรารถนาทุกสิ่งอย่าง!เฉินเสียน หลงรักคนน่ากลัวเยี่ยงท่านได้อย่างไรกันเล่า!”
ซูเจ๋อไม่ปรากฏให้เห็นว่าโกรธหรือดีใจ กล่าวขึ้นว่า“แม่ทัพฉินชมเกินไปแล้ว”
เพราะว่าฝนตก ทำให้การเดินทางล่าช้า รอจนถึงตอนบ่ายขบวนถึงได้เมืองเย่เฉิง
ทุกคนซื้อของใช้เสบียงอาหารอยู่ในเมืองเย่เฉิง หลังจากหยุดพักผ่อนสักพักแล้ว หลีกเลี่ยงการเกิดเรื่อง ขบวนเลยเร่งเวลาการเดินทางไปที่ชายแดนต้าฉู่
ข้อมูลได้รายงานมาทางต้าฉู่เรียบร้อยแล้ว
เมืองเสวียนอยู่ด้านนอกบริเวณชายแดน ลมฝนสลัวโปรยปรายไม่ชัดเจน ลมสารทฤดูหนาวยะเยือก เผชิญอยู่ด้านหน้านั้นคือกองกำลังทหารของต้าฉู่อยู่ในสายฝนโปรยปรายนั้น ยืนตั้งตระหง่านโดดเด่นไร้การเคลื่อนไหว บนตัวมีหมวกเหล็กและเสื้อเกราะที่มีน้ำพรมอยู่เป็นชั้นๆ
เป็นหัวหน้านำทัพคือแม่ทัพโฮ้ว