เฮ่อโยวมีความสุขมาก ดื่มไปมาก็เมาแล้ว ต่อมาแม่ทัพโฮ้วได้แบกนำเขากลับเข้าไปภายในห้อง
ฉินหรูเหลียงบอกว่าปริมาณฤทธิ์ของเหล้าไม่แรง ดื่มไปหลายแก้วโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว หากไม่ใช่ว่าเฉินเสียนเห็นว่าร่างกายเขามีบาดแผลหยิบจอกเหล้าของเขาออกได้ทันเวลา เกรงว่าเขาก็ไร้การควบคุม
ฉินหรูเหลียงก็กลับไปนอน
บนโต๊ะมีจอกถ้วยวางระเกะระกะ เวลานี้เหลือเพียงแค่เฉินเสียนกับซูเจ๋อนั่งประจันหน้ากันอยู่
ตั้งแต่ต้นจนจบซูเจ๋อเป็นบุคคลที่สามารถควบคุมและมีการลำดับความสำคัญได้ ตอนที่คนอื่นดื่มเหล้าเขาดื่มชา เพราะฉะนั้นเลิกโต๊ะอาหารแล้ว เขาก็ยังคงมีสติอยู่เหมือนเดิม
ลมหายใจมีกลิ่นไม้กฤษณาจางๆ ไม่มีกลิ่นเหล้าเลย
เฉินเสียนก็ชอบดื่มเหล้าสับปะรดนั่น เวลานี้มองภายนอกเหมือนกับเมา แต่ภายในไม่ได้เมาเลย เธอใช้มือค้ำยันคางไว้หนึ่งคาง หรี่ตามองเขาอย่างมีความสุข
นิ้วมือของซูเจ๋อเคลื่อนหมุนวนแก้วน้ำชา เปิดเปือกตาเงยมองเธอ กล่าวขึ้นว่า“ดื่มชาให้สร่างเมาหน่อยไหม?”
เฉินเสียนหยิบแก้วชาของเขา ดื่มตรงที่ริมฝีปากเขาสัมผัสเมื้อกี้นี้สองกลืน แล้วกล่าวขึ้นว่า “ที่จริงข้าไม่ได้ดื่มเยอะนะ”
ซูเจ๋อกระตุกยกคิ้ว เอนตัวไปทางด้านหลังพิงพนักเก้าอี้ ยกริมฝีปากขึ้นแล้วยิ้มให้กับเฉินเสียน แววตาลึกซึ้ง“เช่นนั้นค่ำคืนนี้ท่านมีความกล้าที่จะมองข้าเช่นนี้โดยตลอดเลยสินะ”
เฉินเสียนยิ้มเล็กน้อย “อาจจะดื่มเหล้าแล้วไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ข้าก็แปลกใจอยู่บ้าง คนทั้งหลายนั้นต่างก็เมา ท่านมีสติอยู่เพียงคนเดียว เป็นความรู้สึกอย่างไรกันนะ”
ซูเจ๋อคิดอยู่สักพัก แล้วกล่าวอธิบายว่า“ประมาณว่าเป็นความรู้สึกหนึ่งที่สามารถควบคุมมันได้”
เฉินเสียนกล่าวถาม“เดียวดายหรือไม่?”
“ดีกว่าไม่เป็นตัวของตัวเอง”ซูเจ๋อกล่าวว่า“ครั้งหน้าท่านก็ยืดหยัดไม่ดื่มเหล้า แล้วมอมเหล้าพวกเขาทั้งหมด เช่นนี้ก็สามารถเข้าใจอย่างซาบซึ้งแล้ว”
“เกรงว่าจะไม่ได้ ”เฉินเสียนส่ายศีรษะแล้วยิ้ม “ท่านไม่ดื่มเหล้า ข้าก็ทำให้ท่านเมาไม่ได้”
“ไม่แน่นอนว่าจะมีเพียงแค่เหล้าที่สามารถทำให้คนเมาได้”ซูเจ๋อพิจารณาอยู่ใต้แสงไฟ ยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วกล่าวขึ้นว่า“บนโลกใบนี้มีสิ่งเดียวที่ทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเอง ข้าไม่มีวิธีต่อต้านคัดค้านและก็ไม่อยากต่อต้านคัดค้าน”
“อะไรหรือ?”เฉินเสียนถูกสายตาที่แปลกประหลาดขอเขาทำให้ใจเต้นแรง
“ท่าน”
เฉินเสียนคิด โชคดีที่เธอดื่มเหล้า ต่อหน้าเขาหน้าแดงก็ไม่เป็นอะไร
เธอเบลอแล้วยื่นมือไปจับมือของซูเจ๋อ คว่ำหน้าด้านข้างลงช้าๆ แปะถูเนิบๆอยู่บนฝ่ามือของเขา
นานมาก เธอกล่าวขึ้นว่า “ซูเจ๋อ ตอนนี้พวกเรากลับมาถึงต้าฉู่แล้ว”
กลับถึงต้าฉู่แล้ว แฝงไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่รู้จักพวกเขา มีสายตาหลากหลายคู่มองมาที่พวกเขา
พวกเขาไม่สามารถเข้าใกล้ชิดกันเหมือนกับตอนที่อยู่ราชนิเวศน์เย่เหลียงได้อีก ความสงบอย่างนั้น หวนนึกถึง ยิ่งมีความรู้สึกลึกซึ้ง
หากว่าได้ เธอไม่อยากปล่อยมือข้างนี้ตลอดไป และคนคนนี้ด้วย
ต่อหน้าผู้คนเธอไม่สามารถมองเขาได้มากอย่างนี้ไม่สามารถสัมผัสเขาได้มาก เพียงแต่เวลาที่อยู่สองคน ก็สามารถที่จะพะเน้าพะนอชั่วประเดี๋ยวเดียวเช่นนี้ได้ และก็เป็นสิ่งที่ดีด้วย
เฉินเสียนหลับตา กล่าวขึ้นว่า“ซูเจ๋อ ข้าคิดถึงท่าน ยิ่งจริงจังกับท่านมาก ความคิดที่อยากจะอยู่ร่วมกันยิ่งเร่งรัดมากขึ้น ทรมานเหลือเกิน”
เพิ่งจะพูดจบ เฉินเสียนก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของเก้าอี้
เป็นซูเจ๋อที่ลุกขึ้น ดึงช่วงเอวของเฉินเสียนขึ้นแล้วโอบอุ้มไว้
เฉินเสียนเบิกตาโพรง มือคว้าที่ลำคอของเขา ยินยอมให้เขาอุ้มตัวเองเดินออกไปอย่างไว้เนื้อเชื่อใจ
ด้านนอกเวลาค่ำคืนฝนชุ่มฉ่ำทำให้ลุ่มหลงจนไม่อาจตัดใจ อากาศหนาวเย็นพัดผ่านใบหน้า
เฉินเสียนเอียงศีรษะซบลงบนไหล่ของซูเจ๋อ
ซูเจ๋อมุ่งตรงอุ้มเธอกลับมาที่ห้อง
ตอนที่เขากดเธอลงบนเตียง ลมหายใจอุ่นร้อนอยู่ข้างหูเธอ ทอดถอนหายใจแล้วกล่าวขึ้นว่า“โชคดีที่ท่านดื่มเหล้า หากท่านมีสติแล้วพูดว่าคิดถึงข้า ค่ำคืนนี้เกรงว่าท่านจะมีเรื่องวุ่นวายแล้ว”
เฉินเสียนโอบกอดเขา ยังกล่าวด้วยท่าทางสะลึมสะลือไม่เข้าว่า“แต่ข้าไม่ได้เมา ข้ายังมีสติดี”
“ไม่ได้เมา ถึงพรุ่งนี้เช้าก็อาจจะจำไม่ค่อยได้แล้ว อะไรท่านก็สามารถลืมมันได้นะ จะมีเพียงข้าเท่านั้น ข้าต้องการให้ท่านจำข้าได้อย่างชัดเจน ”
เธอหัวเราะทุ้มต่ำในอ้อมกอดของเขา
ผ่านไปพักหนึ่ง เดิมนึกว่าเฉินเสียนนอนหลับแล้ว แต่ทว่าเธอมีสติอยู่ครึ่งหนึ่งถามว่า“ซูเจ๋อ วันนี้ท่านพูดคุยกับฉินหรูเหลียงเรื่องจะรักษามือเขาหรือยัง?”
“พูดแล้ว แต่เขามีอคติกับข้า ยังกีดกันขับไล่อยู่เล็กน้อย”
“กีดกันขับไล่อีก จะเอามือของตัวเองทำเป็นการเล่นแบบเด็กๆหรือ?”
ซูเจ๋อจูบหน้าผากของเธอ กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า“อย่าคิดมาก นอนเถิด ไม่ช้าก็เร็วเขาจะรู้ชัดเจนเอง”
วันต่อมาตอนที่ซูเจ๋ออกมาจากห้องของเฉินเสียน บังเอิญกับที่เฮ่อโยวตื่นเช้ามาฝึกต่อยวิชาป้องกันตัวพบเจอเข้า
เวลานี้เฮ่อโยวยืนอยู่บนระเบียงทางเดิน ดวงตาทั้งสองข้างเบิกโพรง ซูเจ๋อตัวเป็นๆเดินออกมาจากห้องเฉินเสียนอย่างสบายอกสบายใจ ดวงตาทั้งสองข้างจะถลนออกมาแล้ว ซูเจ๋อทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นยังรู้ใจหมุนตัวกลับไปปิดประตูห้องเบาๆด้วย
เฮ่อโยวยืนยันอีกครั้ง เขาไม่ได้มองผิด!อืม!นี่เป็นห้องนอนของเฉินเสียน!
ซูเจ๋อทำราวกับบริเวณใกล้ตัวไม่มีผู้คนกำลังจะเดินไป
เฮ่อโยวพูดโพล่งออกมารั้งเขาไว้“ท่าน!”
ซูเจ๋อชะงักงัน กล่าวอย่างเรียบเฉยว่า“ข้าทำไมหรือ”
“เหตุใดท่านถึงได้ออกมาจากห้องนอนของเฉินเสียนเล่า!”เฮ่อโยวกล่าวสอบถาม“ใช่หรือไม่ว่าท่านฉวยโอกาสตอนที่เฉินเสียนเมาแล้วคิดไม่ดี?”
ซูเจ๋อกล่าวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระตุกคิ้ว“กระทบกีดขวางท่านหรือ?”
เฮ่อโยวกล่าวอย่างมีสัจธรรมกับเขาว่า“ไม่ใช่ว่ากระทบกีดขวางข้าหรือไม่ แต่การกระทำอย่างนี้ของท่านไม่เหมาะสม!ตอนนี้ฉินหรูเหลียงได้กลับมาแล้ว ข้าว่าท่านควรที่จะรักษาระยะห่างกับเฉินเสียนไว้ด้วยนะ”
ถึงแม้เขาจะไม่ได้ชอบพอฉินหรูเหลียง แต่เหมือนคนเยี่ยงซูเจ๋อที่กระทำไม่ดีควรที่จะได้รับการประฌามที่เคร่งครัดจริงจัง!
พอดีกับเวลานี้ ฉินหรูเหลียงที่อยู่ในเรือนลุกขึ้นเปิดประตูออกมาแล้ว
ซูเจ๋อกับฉินหรูเหลียงล้วนฝึกวิชาการป้องกันตัว และเฮ่อโยวเพิ่งจะฝึก ดังนั้นตื่นเวลานี้ไม่ผิดแปลก
เวลานี้ทั้งสามคนยืนอยู่ภายในเรือนต่างคนต่างมองกัน บรรยากาศกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
คำเหล่านั้นที่เฮ่อโยวพูด ไม่ได้สงวนไว้แม้แต่น้อยถูกฉินหรูเหลียงได้ยินทั้งหมดแล้วเป็นแน่
ฉินหรูเหลียงสีหน้าเย็นชามองซูเจ๋อ
เฮ่อโยวคิดว่าตอนนี้เฉินเสียนยังเป็นนายหญิงของท่านแม่ทัพ เมื่อก่อนเขาก้าวก่ายซูเจ๋อไม่ได้ ตอนนี้ถึงอย่างไรก็มีฉินหรูเหลียงยืนขึ้นมาประฌามอย่างเคร่งครัดจริงจังแล้ว
คนหนึ่งเป็นท่านแม่ทัพใหญ่ของต้าฉู่ คนหนึ่งเป็นบัณฑิต ทั้งสองคนต่อสู้กันขึ้นมาน่าจะไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวข้องกับเฮ่อโยวแล้ว
ด้วยเหตุนี้เฮ่อโยวเลยลูบจมูก ชักตัวออกจากบรรยากาศที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ กล่าวขึ้นว่า“เช่นนั้น พวกท่านคุยกันนะ ท่านปรมาจารย์ของข้ายังรอข้าไปฝึกต่อยอยู่น่ะ”
พูดจบ เฮ่อโยวก็วิ่งเผ่นอย่างรวดเร็ว
ฉินหรูเหลียงยืนนิ่งอยู่ใต้ชายคาชั่วขณะ ใบหน้าหล่อเย็นชาหดตึงกล่าวด้วยความโมโหอึมครึมว่า “ซูเจ๋อ ข้าไม่จำกัดเสรีภาพของเฉินเสียน แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าท่านจะสามารถทำอะไรตามอำเภอใจกับนางก็ได้”
ซูเจ๋อไม่กล่าวว่าทำหรือไม่ทำ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า“ข้าทำตามอำเภอใจกับนางอย่างไรกันเล่า”
“หากว่าท่านยี่หระนางให้ความสำคัญนาง ก็อย่าแตะต้องนางตามอำเภอใจ ”ฉินหรูเหลียงกล่าวน้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างหนักหน่วง“ตอนนี้ท่านยังดูแลตัวเองยากเลย หรือว่าท่านยังคิดให้นางเสื่อมเสียเกียรติ ?หลังจากกลับไปเมืองหลวงต่อให้ข้าแยกทางกันกับนาง ด้วยฐานะของพวกท่านแต่ละคน ท่านก็ไม่สามารถที่จะมีเหตุผลที่น่าไว้วางใจได้แต่งงานกับนางหรอก!”
ซูเจ๋อตั้งใจคิดพิจารณา แล้วกล่าวขึ้นว่า“หากนางยี่หระกับชื่อเสียง ยังจะอยู่กับท่านที่เป็นเหมือนอย่างตอนนี้หรือไม่? ใครบอกว่าข้าจะต้องแต่งงานกับนาง ข้ายังสามารถเป็นหนุ่มรูปงานที่คอยปรนเปรอสวาทให้แก่นางได้”
ฉินหรูเหลียงถูกตอกหน้าหงาย คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีวิธีการโต้แย้งแล้ว
ซูเจ๋อสะบัดชุด อย่างสวยงามสง่าเดินผ่านระเบียงทางเดินไป
ฉินหรูเหลียงกล่าวเสียงเข้มงวดว่า“กระเหี้ยนกระหือรือ!”
ซูเจ๋อชำเลืองมองเขา หัวเราะแล้วกล่าวว่า“เหมือนกันนั่นแหละ”