ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 300 เขาเป็นได้แค่ผู้สนับสนุนที่ดีเท่านั้น

ซูเจ๋อเดินจากเขาไปด้วยสีหน้าที่แทบจะไร้อารมณ์ เขากล่าวว่า “คุณชายเฮ่อเกรงใจเกินไปแล้ว”

เฮ่อโยวมองแผ่นหลังของซูเจ๋อและถามเฉินเสียนว่า “ท่านทำให้เขาโกรธหรือเปล่า”

เฉินเสียนตอบไปว่า “ก็อาจจะ”

เฮ่อโยวกล่าวว่า “เมื่อครู่นี้ท่านกระโดดลงไปโดยไม่สนอะไรเลย อย่าว่าแต่เขาเลย ข้าเองเห็นแล้วยังโกรธ”

เขาเอ่ยอย่างจริงใจว่า “แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณท่านมากจริงๆ ที่ยอมกระโดดลงไปในแม่น้ำเพื่อช่วยข้า”

ถ้าเฉินเสียนตกอยู่ในอันตราย เขาเองก็จะเข้าไปช่วยเธออย่างไม่ลังเลเหมือนกัน

ไม่มีการพูดคุยสื่อสารใดๆ ตลอดเส้นทางหลังจากนั้น

เฉินเสียนบิดน้ำออกจากชายกระโปรงและขี่ม้าต่อไป

เมื่อมาถึงหน้าหมู่บ้าน จึงเห็นว่าดินบนเนินเขาพังถล่มลงมาจนแทบจะฝังเกือบทั้งหมู่บ้านเอาไว้ และมันเป็นโคลนที่เพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่ๆ

ภายใต้ดินโคลนนั้นพอจะมองเห็นว่าเป็นกระเบื้องชายคา ทั้งยังสัมผัสได้ถึงความสงบร่มเย็นที่หมู่บ้านแห่งนี้เคยมีได้รางๆ

แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้กลับเป็นเหมือนฝันร้าย

แม่ทัพโฮ้วจัดสรรกำลังพลให้ไปค้นหาในเรือนแต่ละหลังทันทีว่ามียังมีใครรอดชีวิตอยู่ภายใต้บ้านเรือนเหล่านั้นบ้างหรือไม่

เฉินเสียนกับซูเจ๋อและเฮ่อโยวเองก็เข้าร่วมด้วย พวกเขาขุดดินโคลนและนำเศษกระเบื้องกับไม้คานออกไป พยายามค้นหาลมหายใจแห่งชีวิต

อย่างไรก็ตาม เธอเห็นศพที่ถูกฝังอยู่ข้างใต้ถูกขุดออกมาทีละคนๆ ใบหน้าเหล่านั้นขาวซีดอยู่ท่ามกลางสายฝน บางคนมีเลือดไหลนอง และใบหน้าของเฉินเสียนก็ค่อยๆ ซีดเผือดลงเช่นกัน

ในหมู่บ้านเล็กๆ เช่นนี้มีผู้คนอยู่หลายสิบชีวิต ทุกคนค้นหาจนทั่วอยู่เป็นเวลานาน ทว่ากลับพบเพียงแต่ซากศพเท่านั้น ไม่มีผู้รอดชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว

ขาของเฉินเสียนอ่อนแรงเล็กน้อย

เมื่อไม่กี่วันก่อนซูเจ๋อยังบอกกับเธออยู่เลยว่า ตราบใดที่เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยประชาชนจากฤดูน้ำหลาก รวมถึงช่วยให้พวกเขาได้ตั้งหลักแหล่ง เมื่อนั้นเธอจะรวบรวมหัวใจของผู้คนได้ และชื่อเสียงของเธอจะเพิ่มขึ้น

แต่เมื่อเฉินเสียนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เธอจึงสัมผัสได้ถึงความไร้อำนาจของตัวเอง

ไม่ต้องพูดถึงผู้ประสบภัยมากมายที่ต้องพลัดถิ่นจากภัยน้ำท่วม แม้แต่หมู่บ้านเล็กๆ ตรงหน้าเธอก็ยังทำอะไรไม่ได้

ฝนหยุดตกในช่วงบ่าย

แม่ทัพโฮ้วทนเห็นศพของชาวบ้านนอนตากแดดตากลมอยู่ในเช่นนี้ไม่ได้ จึงเอ่ยว่า “องค์หญิง กระหม่อมขอสั่งให้คนนำศพชาวบ้านไปฝังได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

เฉินเสียนตอบไปแค่คำเดียวว่า “ได้”

หลังจากนั้นเหล่าทหารจึงหาที่ว่างใกล้ๆ และเริ่มขุดหลุมฝังศพของชาวบ้านทั้งหมดไว้ในนั้น

ซูเจ๋อกล่าวว่า “อาเสียน ความตายเป็นสัจธรรมของชีวิต”

เฮ่อโยวเสริมขึ้นมาว่า “ใช่ ท่านอย่าเศร้าไปเลย”

เฉินเสียนไม่พูดอะไร หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ตื่นตะลึง “ฟังสิ พวกท่านได้ยินเสียงที่ใต้พื้นดินไหม”

เฮ่อโยวได้ยินไม่ชัด ดังนั้นเขาจึงตั้งใจฟังอีกครั้ง ส่วนซูเจ๋อได้ยินแล้ว และเขาก็เดินตามเสียงนั้นไป

เฉินเสียนกับเขาออกแรงดึงของทุกอย่างที่กีดขวางอยู่ออกไป ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยมาหาดูที่นี่แล้วแต่ไม่พบอะไร ทว่าตอนนี้กลับมีเสียงดังมาจากด้านล่าง

เฉินเสียนใช้มือขุดโคลนออก หลังจากขุดไปได้ไม่กี่ฟุตก็พบว่ายังมีช่องว่างขนาดเล็กอยู่ข้างล่าง และแทบจะไม่มีไม้คานคอยรองรับน้ำหนักไว้

ทั้งสามคนร่วมมือกันอย่างพร้อมใจขุดช่องว่างนั้นให้กว้างออก เฉินเสียนปิดไม้คานออกมา เธอมองลงไปและเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งนอนอยู่ที่ข้างใต้ ทั้งยังมีสุนัขสีเหลืองตัวหนึ่งที่กำลังจะตาย

เสียงแผ่วเบาที่ดังออกมาคือเสียงของสุนัขตัวนั้น ร่างกายของมันถูกกดทับจนบิดเบี้ยว แม้แต่จะยืนยังยืนไม่ได้ เมื่อมันเห็นเฉินเสียนและคนอื่นๆ ดวงตาของมันก็เป็นประกายวาววับไปด้วยน้ำใสๆ

สุนัขสีเหลืองใช้ปากของมันออกแรงคาบเด็กน้อยขึ้นมา เฉินเสียนรีบรับเด็กคนนั้นขึ้นมาทันที จากนั้นจึงวางราบไปกับพื้นและตรวจลมหายใจของเขา ก่อนจะพูดว่า “ซูเจ๋อ เร็วเข้า ช่วยเขาด้วย เขายังไม่ตาย!”

ทั้งสองคนร่วมมือกันช่วยชีวิตเด็กและต้องใช้เวลานานมากกว่าจะช่วยเด็กคนนั้นไว้ได้

เฮ่อโยวอุ้มสุนัขตัวนั้นออกมาจากหลุมอย่างเงียบๆ เขาประคองมันไว้ตรงหน้าเฉินเสียนและถามว่า “เฉินเสียน ท่านพอจะช่วยชีวิตมันได้ไหม”

สุนัขสีเหลืองไม่เห่าอีกแล้ว ดวงตาของมันเปิดค้าง มีคราบน้ำตาจางๆ ให้เห็นอยู่ที่มุมตา

เฉินเสียนเอื้อมมือไปลูบหัวของมัน จากนั้นจึงลูบที่ดวงตา แล้วสุนัขสีเหลืองก็หลับตาลงเงียบๆ

เฉินเสียนอ้าปากและหายใจหอบเล็กน้อย เธอนั่งลงบนดินโคลนด้วยความเศร้าและเอ่ยอย่างแผ่วเบาว่า “อยู่ๆ ข้าก็รู้สึกเศร้าขึ้นมานิดหน่อย”

เฮ่อโยวกล่าวว่า “ข้าก็เหมือนกัน” เขาอุ้มสุนัขตัวนั้นและลุกขึ้นเดินไปหาแม่ทัพโฮ้ว “ข้าจะขอให้ท่านปรมาจารย์ฝังมันให้ด้วยขอรับ”

พวกเขาเดินทางกลับเข้าเมืองก่อนที่ฟ้าจะมืด

ทหารและประชาชนที่อยู่ในเมืองต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอย โดยหวังว่าพวกเขาจะช่วยชีวิตใครบางคนไว้ได้ แต่ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาจะช่วยเหลือได้แค่ทารกน้อยเพียงคนเดียว

ท่ามกลางภัยพิบัตินี้ทุกคนต่างมีหัวอกเดียวกัน ไม่มีใครเลยที่ไม่เสียใจ

หลังจากกลับมา เฉินเสียนก็รินน้ำเย็นๆ ใส่หม้อไปสองสามถ้วย ในขณะที่ในใจยังคงรู้สึกว่าสายฝนในวันนี้เยียบเย็นเข้าไปถึงกระดูก

เธอกับซูเจ๋อและเฮ่อโยวนั่งอยู่รอบกองไฟ ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยโคลน พวกเขากำลังตั้งหม้อต้มน้ำ รอจนเมื่อน้ำเดือดจึงจะนำกลับไปที่ห้องเพื่อชำระล้างร่างกาย

ไม่มีใครพูดอะไรเลย

จนกระทั่งเมื่อไอร้อนพุ่งขึ้นมาจากในหม้อ ซูเจ๋อจึงกล่าวว่า “คุณชายเฮ่อ ท่านนำกลับไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนเถอะ”

เรื่องเช่นนี้เดิมทีควรเป็นเฉินเสียนที่ได้เกียรติก่อน แต่เฮ่อโยวรู้ว่าซูเจ๋อต้องการกันเขาออกไป

เขาลุกขึ้นตักน้ำและเอ่ยว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจละนะ” เขาตักน้ำร้อนออกมาและเทน้ำเย็นลงไปในหม้อ

เฉินเสียนใส่ฟืนลงในเตาชั่วคราวเพื่อทำให้ไฟลุกโชนยิ่งขึ้น

หลังจากที่เฮ่อโยวจากไป ซูเจ๋อจึงกระซิบว่า “ถึงแม้จะช่วยเด็กไว้ได้เพียงคนเดียว แต่ความมุ่งมั่นในการเดินทางครั้งนี้ของอาเซียนก็ไม่สูญเปล่า หัวใจของผู้คนจะค่อยๆ สะสมทีละน้อยๆ เช่นนี้”

แสงไฟเปล่งประกายอยู่ในดวงตาของเขา ซูเจ๋อกล่าวอีกครั้งว่า “เหตุผลที่เป็นทุกข์นั่นก็เพราะอาเสียนเริ่มเห็นอกเห็นใจและเริ่มมีหัวใจที่รักประชาชน นี่คือพรในอนาคตของต้าฉู่ ภัยธรรมชาติและภัยพิบัติที่มนุษย์ก่อขึ้นไม่ได้มีอยู่แค่ที่นี่ที่เดียว สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ก็เกิดขึ้นที่อื่นเช่นกัน

ทางออกเดียวก็คือการทำให้ประชาชนมั่งคั่ง ทำให้อาณาจักรเข้มแข็ง เมื่อเป็นดั่งเช่นที่ว่านี้ ในอนาคตจึงจะรับมือกับภัยพิบัติเช่นนี้ได้ เพื่อรวบรวมผู้คนให้ได้มากที่สุด จึงต้องทำให้พวกเขาได้ลงหลักปักฐานและมีชีวิตที่มั่นคง”

เฉินเสียนหันไปมองเขา เขาเอ่ยออกมาด้วยท่าทีที่สงบ แต่กลับรู้สึกได้ถึงความแน่วแน่ที่มองไม่เห็น

เฉินเสียนถามว่า “ข้าจะทำได้หรือ”

“เหตุใดจึงจะไม่ได้” ซูเจ๋อกล่าว “ทุกวันนี้จักรพรรดิหมกมุ่นอยู่กับความขัดแย้งของฝ่ายต่างๆ ขุนนางทุจริตในแต่ละท้องที่พยายามปิดท้องฟ้าไว้ด้วยมือข้างเดียว ประชาชนแร้นแค้น… ถ้าอยากทำให้ดีกว่าพระองค์ ท่านไม่จำเป็นต้องมีความสามารถในการปกครองโลก แต่ต้องมีหัวใจเพื่อประชาชน”

เฉินเสียนกล่าวว่า “แค่มีหัวใจเพื่อประชาชนก็เพียงพอแล้วหรือ จักรพรรดิองค์ก่อนมีจิตใจเมตตา มีหัวใจที่รักประชาชน แล้วเหตุใดต้าฉู่จึงยังเปลี่ยนมือไปเป็นของผู้อื่นได้อีก”

“ในยามที่ต้องพบกับความวุ่นวาย แน่นอนว่าเพียงแค่มีหัวใจเพื่อประชาชนอย่างเดียวยังไม่พอ แต่ยังต้องมีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจด้วย” ซูเจ๋อเอ่ยอย่างน่าฟังว่า “อาเสียน สิ่งที่สกปรกเหล่านั้น ข้าจะช่วยท่านแย่งชิงมาเอง”

คำพูดของซูเจ๋อสามารถสัมผัสส่วนที่นุ่มนวลที่สุดในหัวใจของเฉินเสียนได้เสมอ

เฉินเสียนยิ้มน้อยๆ และกล่าวว่า “ความจริงแล้วท่านเหมาะจะเป็นผู้นำทั้งสี่ทิศยิ่งไปกว่าข้า ท่านมีเล่ห์เหลี่ยม ทำไมท่านจะต้องผลักดันข้าขึ้นมาด้วย”

ซูเจ๋อเลิกคิ้วและเอ่ยอย่างเรียบง่ายว่า “โลกของต้าฉู่ยังคงใช้สกุลเฉิน ข้าเป็นได้เพียงผู้สนับสนุนที่ดีเท่านั้น”

“ซูเจ๋อ วันหนึ่งในภายภาคหน้า เมื่อโลกและอำนาจสูงสุดวางอยู่ตรงหน้าท่าน พลังดึงดูดของมันจะไม่มีผลใดๆ ต่อท่านเลยหรือ”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset