เขาโกรธจนเส้นเลือดเต้นตุบๆ แต่ยังต้องอดทนไว้
เขายังไม่ทันเหยียบย้ำผู้หญิงคนนี้ แต่เธอกลับคิดจะเหยียบย้ำเขาด้วยการเสาะหารักครั้งใหม่งั้นหรือ
ไม่ดูหนังหน้าตัวเองบ้างเลย! หน้าตาอัปลักษณ์ขนาดนั้นใครจะไปรักลง!
เขาไม่อยากสร้างปัญหาให้หมอหลวงที่สะพายกล่องยาอยู่ข้างๆ หมอหลวงเองก็ได้ยินสิ่งที่พวกนางพูดเมื่อครู่นี้แล้วและแทบไม่อยากจะเชื่อว่าลูกขององค์หญิงจะยังปลอดภัยดีอยู่
หลังจากบอกวัตถุประสงค์ที่มาหา หมอหลวงก็เข้าไปตรวจอาการของเฉินเสียน
ผลก็คือเขาแปลกใจมาก ทว่าไม่ได้แสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้งนัก
เฉินเสียนร่างกายอ่อนแอ แต่ทารกที่ในครรภ์ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ
เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของหมอหลวง เฉินเสียนก็เอ่ยเรียบๆ ว่า “ครรภ์ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
หมอหลวงได้สติจึงดึงมือออกและถามว่า “ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาองค์หญิงทรงเสวยโอสถตามที่กระหม่อมเขียนใบสั่งให้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“แน่นอนสิ ใบสั่งยาอยู่กับแม่นมจ้าว นางไปร้านยาเพื่อซื้อยาตามใบสั่งทุกวัน มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
คนดูแลที่ร้านขายยาเป็นพยานให้ได้
แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ถ้ากินยาตามที่เขาสั่งเป็นเวลาหนึ่งเดือน ต่อให้ไม่เกิดอุบัติเหตุก็ยังมีโอกาสแท้งลูกสูงอยู่ดี
มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ หรือว่า… เด็กคนนี้จะยังไม่มีเกณฑ์ตายจริงๆ?
หากยังยืนกรานที่จะกำจัดให้ได้ก็เป็นอะไรที่ชั่วช้าอำมหิตเต็มที
เมื่อเฉินเสียนเห็นหมอหลวงนิ่งเงียบอย่างครุ่นคิด เธอจึงหรี่ตาและพูดว่า “ลูกของข้าปลอดภัยดี แต่เหมือนหมอหลวงจะไม่ค่อยมีความสุขนัก”
“หะ หามิได้พ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงประสานมือคารวะ “องค์หญิงเป็นผู้มีวาสนาบารมีทารกจึงปลอดภัย แน่นอนว่ากระหม่อมย่อมต้องยินดีกับองค์หญิง”
เฉินเสียนยิ้มและกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “เคราะห์ดีที่ได้ยาของหมอหลวง หากไม่ได้ดื่มยาของท่าน ข้าคงแท้งไปนานแล้วตอนที่ถูกท่านแม่ทัพฉินทำร้าย”
สายตาที่คมกริบราวกับมีดของฉินหรูเหลียงมองตรงไปยังเฉินเสียนเพื่อเตือนให้เธอระมัดระวังคำพูด
เฉินเสียนทำเป็นไม่เห็นและเอ่ยกับหมอหลวงที่มีท่าทีแปลกใจอีกครั้ง “ในเมื่อองค์จักรพรรดิส่งท่านมา งั้นรบกวนท่านกลับไปทูลพระองค์ว่าตอนนี้เราสองแม่ลูกปลอดภัยดี ขอบพระทัยพระองค์มากที่ทรงห่วงใย”
หมอหลวงตอบว่า “พ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนนวดบริเวณขมับและพูดอีกว่า “คราวก่อนข้าเกือบหนาวตายอยู่ใต้หิมะ หลังจากฟื้นขึ้นมาก็จำเรื่องต่างๆ ในอดีตไม่ได้เลย แต่ข้าคิดว่าเสด็จพี่น่าจะรักข้ามาก ไม่อย่างนั้นพระองค์คงไม่ทรงแต่งตั้งให้ท่านแม่ทัพใหญ่แห่งต้าฉู่เป็นราชบุตรเขยเพื่อข้า
เพียงแต่หลังจากฟื้นคืนสติคราวนี้อยู่ๆ ข้าก็พบว่าแม่ทัพฉินกับข้ามีชะตาไม่ต้องกัน แล้วเขาก็ไม่ใช่คนในแบบที่ข้าชอบ บางทีในอนาคตข้าอาจจะต้องพึ่งเสด็จพี่เพื่อแต่งงานใหม่อีกครั้ง
ในเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกัน พระองค์คงไม่มีทางเห็นเลือดข้นกว่าน้ำ รอจนเด็กคนนี้เกิดมา ข้าจะให้เขาใช้สกุลเฉินเหมือนข้า เขาเกิดมาเพื่อเป็นขุนนาง ในภายภาคหน้าเขาจะได้ทำงานรับใช้เสด็จพี่และแผ่นดินต้าฉู่”
เฉินเสียนเอ่ยอย่างไพเราะน่าฟัง ทว่าร่างกายของฉินหรูเหลียงกลับระบายความกดดันออกมา หมอหลวงที่อยู่ข้างๆ ฟังแล้วถึงกับเหงื่อตก
ดวงตาที่เย็นชาของฉินหรูเหลียงมองตรงไปที่เฉินเสียนอย่างพินิจ
เฉินเสียนสงบนิ่งและไม่สะทกสะท้านภายใต้การจ้องมองของเขา
ผู้หญิงคนนี้กำลังแสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อองค์จักรพรรดิ
เธอแสดงออกด้วยถ้อยคำที่อ่อนหวานว่าเธอกับลูกของเธอยอมศิโรราบและจะไม่ทำตัวเป็นภัยคุกคามต่อองค์จักรพรรดิ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่องค์จักรพรรดิจะปกป้องลูกของเธอ
เพราะเฉินเสียนรู้ว่าเธอรับมือกับฉินหรูเหลียงได้เมื่ออยู่ในจวนแม่ทัพ แต่ถ้าจักรพรรดิไม่มีพระประสงค์ให้เธอคลอดเด็กคนนี้ คราวนี้อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่คราวหน้าเธอไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้อย่างแน่นอน
ขอเพียงแค่จักรพรรดิปล่อยเธอไป เธอกับลูกก็จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข
ฉินหรูเหลียงไม่แน่ใจว่าเฉินเสียนจำเรื่องในอดีตได้มากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่เขาแน่ใจก็คือผู้หญิงคนนี้ต้องรู้แน่ๆ ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับใบสั่งยาที่หมอหลวงให้ไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นเธอจึงหาทางหลีกเลี่ยงไว้ก่อน เธอเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจนและอ่านเกมออก ทั้งยังรู้ว่าควรก้มหัวให้ใคร
เป็นฉินหรูเหลียงเองที่ดูถูกเธอเกินไป และทันใดนั้นเขาก็พบว่าเธอฉลาดกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่ผู้หญิงบ้าที่เอาแต่ตีโพยตีพาย
เฉินเสียนมองหมอหลวงอย่างสงบและพูดว่า “ท่านได้ยินที่ข้าพูดเมื่อครู่นี้ชัดเจนแล้วใช่ไหม จงทูลองค์จักรพรรดิให้ข้าเมื่อท่านนำเรื่องนี้กลับไปกราบทูล สิ่งนี้คงไม่ได้ขัดต่อจรรยาบรรณทางวิชาชีพของท่านหรอกนะ”
หมอหลวงตอบว่า “ความจริงแล้วมันเป็นหน้าที่ของข้าราชบริพารฝ่ายล่างพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “ข้าเอ่ยไว้แล้วเมื่ออยู่ที่นี่ หากท่านรู้แต่ไม่กราบทูล เมื่อข้าเข้าไปในวังและขอคำยืนยันจากเสด็จพี่ ชีวิตของเจ้าจบสิ้นแน่”
“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนหรี่ตาและพูดว่า “ได้ยินมาว่าเหมยอู่ถูกข้าทำร้ายเมื่อสองวันก่อนจนเจ็บช้ำไปทั้งตัว แม่ทัพฉินไม่ต้องการแม้กระทั่งลูกและต้องการแก้แค้นให้อนุภรรยาผู้เป็นที่รัก หากหมอหลวงไม่รีบจนเกินไป ท่านช่วยไปดูอาการบาดเจ็บให้อนุภรรยาผู้เป็นที่รักของท่านแม่ทัพฉินหน่อยก็คงจะดี แผลของผู้หญิงที่มีผิวบอบบางมักจะไม่หายง่ายๆ ในวันสองวัน หมอช่วยไปตรวจดูให้ทีว่ามีรอยฟกช้ำที่หลังหรือที่ที่มือของนางเอื้อมไปไม่ถึงบ้างหรือเปล่า ถ้าหากมี ข้าจะยอมเป็นแพะรับบาปเอง”
การแสดงเรือนร่างของผู้หญิง แม้แต่หมอก็ต้องหลีกเลี่ยง
แน่นอนว่าหมอหลวงไม่กล้าตอบ แต่เขาพอจะได้ยินเรื่องนี้มาบ้างเหมือนกัน
ฉินหรูเหลียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและเอ่ยอย่างเย็นชา “ไม่จำเป็น หากไม่มีอะไรแล้วก็เชิญหมอหลวงกลับไปได้”
หมอหลวงเขียนใบสั่งยาให้อีกใบและยื่นให้แม่บ้านจ้าว จากนั้นจึงรีบนำเรื่องนี้กลับไปรายงานที่วัง
ฉินหรูเหลียงไม่เห็นอกเห็นใจเฉินเสียนเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าความอ่อนแอและซีดเซียวของเธอในตอนนี้จะเป็นฝีมือของเขา เขากล่าวว่า “ข้าไม่สนว่าท่านจะคิดอะไรอยู่ แต่ท่านไม่ควรจะล้ำเส้นของข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่มีวันให้ท่านได้พบกับความสงบสุข”
แต่คำพูดที่ไร้ความปรานีนั้นดูไร้อำนาจไปเลยเมื่อมาอยู่ตรงหน้ารอยยิ้มที่สงบเยือกเย็นของเฉินเสียน
เฉินเสียนเลิกผ้าห่มขึ้นอย่างใจเย็นและลุกออกจากเตียง ชุดสีขาวที่สวมอยู่เปิดไหล่เล็กน้อย เธอยืนอยู่ข้างเตียงและเผชิญหน้ากับฉินหรูเหลียงตัวต่อตัว จากนั้นจึงเหยียบไปบนเตียงจนทำให้เธออยู่สูงกว่าเขา
อวี้เยี่ยนคอยเฝ้าดูอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ถ้าคราวนี้ฉินหรูเหลียงกล้าทำอะไรอีกละก็ นางจะจัดการเขาตามที่เคยพูดไว้!
ดวงตาของเฉินเสียนหรี่ลงครึ่งหนึ่งและมองใบหน้าที่เฉยเมยและหล่อเหลาของฉินหรูเหลียงอย่างพินิจพิเคราะห์ในระยะใกล้ เธอยิ้มมุมปากแล้วกล่าวว่า “งั้นท่านบอกข้าหน่อยได้ไหมว่าเส้นแบ่งของท่านอยู่ตรงไหน”
ลมหายใจของเธอที่ปะทะบนใบหน้าของฉินหรูเหลียงหอบเอากลิ่นจางๆ ของยามาด้วย เธอคงจะเพิ่งกินยาไปก่อนหน้านี้ไม่นาน
ฉินหรูเหลียงขมวดคิ้วแน่น เห็นได้ชัดว่าเขารังเกียจมากที่อยู่ๆ เธอก็เข้ามาใกล้ขนาดนี้ ไม่ใช่ว่านางยังคิดจะยั่วยวนเขาหรอกนะ
เขาพยายามระงับอารมณ์แล้วเอ่ยอย่างรังเกียจว่า “ก่อนหน้านี้ข้ายังคิดว่าท่านพอจะฉลาดอยู่บ้าง แต่ผู้หญิงที่ฉลาดกว่าย่อมรู้ว่าควรจะให้เกียรติด้วยการรักษาระยะห่าง ต่อให้ท่านใช้ความพยายามทั้งหมด ข้าเห็นหน้าท่านแล้วก็ยังสะอิดสะเอียนอยู่ดี ข้าไม่มีทางมองท่านด้วยสายตาที่ต่างไปจากเดิมและไม่มีทางชอบผู้หญิงขี้เหร่ที่วิปริตด้วย”
เฉินเสียนยกมือขึ้นมาและใช้นิ้วเย็นๆ บีบคางของเขาเอาไว้อย่างกะทันหัน ขมวดคิ้วอย่างเย็นชาและเอ่ยอย่างแผ่วเบาว่า “ตัวเองสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ หืม? ท่านดีกว่าข้างั้นหรือ”
ทันใดนั้นฉินหรูเหลียงก็รู้สึกเหมือนถูกผู้หญิงลวนลาม
เขาหัวเสียและยกมือขึ้นปัดมือของเฉินเสียนออก พูดด้วยเสียงต่ำว่า “ผู้หญิงบ้า ไม่เจียมตัว”