หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำชำเลืองมองซูเจ๋อ แล้วกล่าวถามว่า“ท่านนี้เป็นทูตที่ได้รับพระราชบัญชาจากองค์จักรพรรดิให้เดินทางไปเย่เหลียงเพื่อเจรจาสันติภาพสินะ”
ซูเจ๋อประสานมือคารวะกับเขาแล้วกล่าวขึ้นว่า“ขอคารวะใต้เท้าหน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำ”
หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำกล่าวอย่างสงวนท่าทีว่า“ตอนนี้แม่ทัพฉินยังอยู่นอกประตูเมืองสินะ องค์หญิงพาคนเข้ามาผิดแล้วหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
หากว่าเขาจำไม่ผิด องค์หญิงผู้นี้กับแม่ทัพฉินนั่นสิเป็นคู่กัน
เฉินเสียนสีหน้าไม่เปลี่ยนกล่าวขึ้นว่า “หากไม่มีแม่ทัพฉินอยู่ด้านนอกคอยปลอบขวัญผู้ลี้ภัยหรือว่าใต้เท้ายังหวังให้ผู้ลี้ภัยด้านนอกก่อจลาจล?แม่ทัพฉินคุ้นเคยกับสนามรบอย่างนั้น ดังนั้นมอบให้เขาปลอบประโลม เหมาะสมที่สุดแล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ พ่ะย่ะค่ะ”หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำกล่าว “เช่นนั้นกระหม่อมพาองค์หญิงไปพักก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”
ซูเจ๋อกับเฉินเสียนเดินตามหลังหน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำ เวลาต่อมามีที่ปรึกษาขุนนางของที่ทำการปกครองเมืองกับขุนนางในเมืองคนอื่นๆอีกจำนวนหนึ่งรีบมาร่วมต้อนรับ
เฉินเสียนอ่อนเพลียกับการรับมือการเล่นสนุกบางครั้งบางคราวเหล่านี้ เพียงกล่าวประโยคหนึ่งก็เหนื่อยแล้ว เลยสั่งให้หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำพาเธอกับซูเจ๋อไปพักโดยฉับพลัน
หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำได้จัดเตรียมสถานที่พักรับรองหนึ่งหลัง ด้านในบรรยากาศสงบ มีเด็กสาวรับใช้ที่ยังไม่โตและสิ่งที่ควรมีได้มีพร้อมทุกอย่าง
ทั้งหมดนี้ไม่คล้ายกับสิ่งที่เวลามีความอดอยากขาดแคลนควรจะมีเลยนะ
หลังจากเข้ามาที่นี่แล้วคล้ายดั่งเรื่องราวที่เกิดด้านนอกทั้งหมดไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย ทั้งหมดราวกับเข้ามาอีกสถานที่หนึ่งเลย
ขนาดสถานที่พักรับรองนี้ยังไม่มีผลกระทบจากการเร่ร่อนไร้ที่อยู่อาศัยอดอยากขาดแคลนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรือนของหน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำกับเหล่าขุนนางพวกนั้นเลย
ก่อนที่หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำจะออกไปได้กล่าวขึ้นว่า“องค์หญิงพักผ่อนสักครู่เถิดพ่ะย่ะค่ะ ตอนเย็นกระหม่อมจะจัดงานเลี้ยง เป็นการต้อนรับองค์หญิง ขอองค์หญิงได้โปรดให้เกียรติร่วมด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนไม่ปริปากพูด
หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำยิ้มประจบสอพลอกล่าวอีกว่า“พอดีกับสองวันก่อนหน้าในเมืองหลวงมีพระราชโองการมา ขอเชิญองค์หญิงรับพระราชโองการที่งานเลี้ยงเย็นนี้นะพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนขมวดคิ้วขึ้น แววตาฉลาดหลักแหลมมองหน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำ ราวกับจะยิ้มก็ไม่ยิ้มกล่าวขึ้นว่า“นี่เป็นเรื่องใหญ่สำคัญ ข้าต้องไปอย่างแน่นอน ”
หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำหัวเราะแล้วกล่าวขึ้นว่า“กระหม่อมจะรอเรื่องดีๆขององค์หญิงจิ้งเสียนอย่างสงบพ่ะย่ะค่ะ”
พูดจบแล้วเขาก็ยกหางตา หลังจากชำเลืองมองเฉินเสียนอย่างรวดเร็วแล้วก็หมุนตัวเดินจากไป
เฉินเสียนสวมใส่ชุดสามัญชน ผมยาวสลวยถึงเอว สวมใส่ไม่ล้ำค่าเลยสักนิดหนึ่ง กลับกันช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่มของอาณาประชาราษฎร์คนธรรมดา การสวมใส่แต่งกายล้วนธรรมดาทั่วไปมาก
บนศีรษะของเธอสวมดอกปิ่นหยกหนึ่งด้าม บริเวณเอวเพียงแค่ประดับตกแต่งขลุ่ยไม้ไผ่ แต่ผิวขาวผ่องกับคิ้วตาสีเข็มและอ่อนนั้นเข้ากันอย่างสะอาดหมดจด ได้ทำให้คนไตร่ตรองความสวยงามอย่างละเอียด
เธอกับซูเจ๋อเหมือนกัน ประสบการณ์ยิ่งมาก ต่อหน้าผู้คนก็สามารถปกปิดได้ดี แววตาก็ยิ่งเรียบเฉย เพียงแต่บางเวลาเผยให้เห็นสิ่งที่ยากจะคาดคะเนได้
เพียงแต่เธอนำความสง่างามกับความหยิ่งยโสนั้นเผยให้เห็นภายนอกและภายใน และความสวยงามที่คนพิจารณาอย่างละเอียดนั้นรวมเข้าด้วยกัน การเคลื่อนไหวที่เพียบพร้อมดึงดูดความสนใจผู้คนเป็นอย่างมาก
หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำออกไปได้ไม่นาน ก็มีสาวใช้ส่งชุดกับเครื่องประดับเข้ามาในจวน ถอนสายบัวทำความเคารพแล้วกล่าวขึ้นว่า“บ่าวเข้าพบองค์หญิงจิ้งเสียนเพคะ นี่คือชุดและเครื่องประดับที่ใต้เท้าหน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำเตรียมให้องค์หญิงสวมใส่ในงานเลี้ยงเย็นนี้เป็นพิเศษเพคะ ขอเชิญองค์หญิงรับด้วยเพคะ”
เฉินเสียนขมวดคิ้วราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เห็นชุดสีแดงที่สาวใช้ถือด้วยสองมือ แล้วกล่าวขึ้นว่า“ใต้เท้ามีความตั้งใจเสียจริง ตอนนี้รูปร่างหน้าตาของข้าผู้คนไม่ให้ความสำคัญเคารพในสถานที่สูงส่งนั้นอย่างแท้จริง”
ทันทีหลังจากนั้นสาวใช้ได้นำชุดและเครื่องประดับเข้าไปในห้อง อีกทั้งเข้าไปในเรือนจัดเตรียมเครื่องเทศหอมห้าชนิดในห้องน้ำ
ถึงแม้ว่าซูเจ๋ออยู่ด้วยกันกับเฉินเสียน แต่ทว่าเขาไม่ใช่บุคคลที่หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำจะให้การต้อนรับอย่างดี หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำไม่ได้มีความสนิทคุ้นเคยกับเขา เพียงแค่คิดว่าเขาเป็นขุนนางที่ไม่มีจุดแข็งข้อได้เปรียบที่คอยตามติดตัว
ด้วยเหตุนี้เลยต้อนรับเขาไม่ได้ละเอียดถี่ถ้วนเหมือนกับต้อนรับเฉินเสียน
เฉินเสียนที่อยู่ด้านนั้นรอบล้อมไปด้วยสาวใช้กลุ่มหนึ่ง และซูเจ๋อด้านนี้มีเพียงแค่ส่งสาวใช้มาคนเดียว
แต่สาวใช้ผู้นี้ซูเจ๋อไม่ได้ใช้อะไรหรอก ตอนที่เข้าไปในห้องจึงได้สั่งให้กลับ
เฉินเสียนก็ไม่มีทางให้สาวใช้มากมายนี้ปรนนิบัติเธอคนเดียวในห้องอาบน้ำ เลยสั่งให้สาวใช้ทยอยออกไป และเจาะจงกำชับให้สาวใช้ทั้งหมดในจวนกลับออกไปเลย แน่นอนว่ารวมกับสาวใช้คนหนึ่งที่ปรนนิบัติซูเจ๋อด้วย
หลังอาบน้ำเสร็จ มองดูชุดสีแดงนั้น สีหน้าเฉินเสียนบูดบึ้งดูไม่ได้มาก
นี่ไม่ใช่ชุดปกคอเสื้อแบบตั้งในอดีตที่เฉินเสียนสวมใส่บ่อยครั้ง และนี่เป็นชุดกระโปรงยาวเผยไหล่เห็นทรวงอก ชุดกระโปรงเสื้อคลุมด้านนอกแขนกว้างโล่งโปร่ง มุมกระโปรงโค้งงอ บนชุดปักด้วยลวดลายสีทองสวยงามประณีต
เฉินเสียนยืนอยู่หน้ากระจก กระดุกไหปลาร้ากับคอที่สวยงามเผยให้เห็นอยู่ด้านนอก เมื่อครู่ออกมาจากห้องอาบน้ำบนตัวของเธอยังมีกลิ่นหอมนุ่มละมุนติดมาด้วย
ชุดนี้ไม่เหมาะสมกับประเพณีที่ยึดถือเป็นอย่างมาก
หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำผู้นี้โดยพื้นฐานแล้วไม่ได้ต้อนรับเธออย่างเคารพเลย และยังต้องการให้เธอสวมชุดเช่นนี้ร่วมงานเลี้ยงต่อหน้าสาธารณะชนมากมาย ทำให้อับอายขายหน้าและมีสายตาแฝงการดูถูกเธอด้วย
ไม่นานคิ้วของเฉินเสียนที่ขมวดได้สงบราบเรียบลง
ชุดกระโปรงที่โชว์เปลือยไหล่เห็นทรวงอกชัดเจนอย่างนี้ เมื่อก่อนเธอทำการแสดงไม่ใช่ว่าไม่เคยสวมใส่ เทียบกับชุดนี้แล้วเย้ายวนกว่าก็ย่อมมี
แต่ว่าเก็บไว้นานแล้ว เวลานี้เธอมีความรู้สึกไม่คุ้นชินเท่านั้นเอง
ในเมื่อเข้ามาในเมืองแล้ว สวมใส่ชุดกระโปรงสีแดงเธอก็สวมใส่ได้
จะดูว่าหน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำนั้นจะวาสนาเสวยสุขหรือไม่
เฉินเสียนจัดการกระโปรงกับเสื้อคลุมสบายๆอยู่สักพักหนึ่ง ทันใดนั้นนำดอกปิ่นหยกม้วนผมสีดำขึ้น เธอโน้มเอียงตัวเล็กน้อย ทาคิ้วดกดำซ้ำอยู่หน้ากระจก นิ้วมือสัมผัสที่สีผึ้งทาปาก ลูบไล้สีแดงฉ่ำวาวที่ริมฝีปาก
ผมยาวด้านหลังเอวหล่นจากไหล่ลงมาบริเวณทรวงอก เหมาะเจาะกับขับทิวทัศน์วิวสวยงามให้โดดเด่นขึ้นมา
เฉินเสียนยืดตัวตรง ร่างอรชรอ้อนแอ้น ริมฝีปากและคิ้วที่มีชีวิตชีวานั้น ทำให้แสงอาทิตย์อันอบอุ่นสาดส่องอยู่ภายนอกหน้าต่างมืดสลัวไปเลย
ตอนที่เฉินเสียนเปิดประตูห้อง คิดไม่ถึงเลยว่าซูเจ๋อรออยู่ในเรือนแล้ว
ใบต้นแปะก้วยในเรือนเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองอร่ามแล้ว ลมพาดพัดผ่านอย่างเบาบาง ราวกับสามารถสะบัดให้หล่นลงมาได้
ใบไม้เล็กนั่นพัดปลิวโบกสะบัด เฉียดแฉลบผ่านมุมชุดของซูเจ๋ออย่างนุ่มนวล ร่วงลงมาบนพื้นช้าๆ
มีสองใบที่โชคดี หล่นอยู่บนชุดสีดำของเขา
ซูเจ๋อได้ยินเสียงเปิดประตู จึงหมุนตัวกลับมาช้าๆ
เฉินเสียนคิดไม่ถึงเลยว่าเปิดประตูออกมาแล้วจะเจอซูเจ๋อ ดังนั้นเลยไม่มีการเตรียมป้องกันเลยแม้แต่น้อย
นับว่าเธอคุ้นเคยพบเจอกับอุปสรรคมากมายแล้ว ผ่านความยากลำบากมา หนุ่มสาวที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลจับจ้องสำหรับเธอแล้วเป็นเรื่องปกติ แววตามากมายนับไม่ถ้วนจับจ้องมองเธอ เธอก็ยังสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงอย่างเลย
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินเสียนสวมใส่ชุดเช่นนี้ต่อหน้าซูเจ๋อ รู้สึกหนักหน่วงใจ ไม่นึกเลยว่าครั้งแรกที่ปรากฏเกิดขึ้นจะไม่ธรรมชาติเล็กน้อย
ชุดสีแดงขับผิวขาวราวกับหิมะของเธอให้โดดเด่น เส้นโค้งทรวงอกกับทรวดทรงองเอวถูกวาดเค้าโครงออกมาทั้งหมด ชายกระโปรงหนักลงมา ทำให้มองดูแล้วหุ่นสูงชะลูดมีเสน่ห์แฝงไปด้วยความงดงาม
เธอยืนอยู่หน้าประตู มีความรู้สึกที่ทั้งตัวมีความแปลกประหลาด
ชั่วพริบตาเดียวแววตาซูเจ๋ออึมครึมลงไป ดวงตาเล็กยาวสวยกวาดมองเธออย่างเฉยชา หยุดอยู่ที่บนริมฝีปากแดงฉ่ำวาวละมุนของเธอ พิจารณาแล้วกล่าวขึ้นว่า“ท่าน จะสวมใส่เช่นนี้ไปหรือ?”
เฉินเสียนรวบรวมความคิดที่วุ่นวายใจราวกับความชาเสียวซ่านนั้น จงใจทำเป็นนิ่งสงบหลุบตาลงไม่มองเขา ก้าวออกมาไม่กี่ก้าว แล้วกล่าวขึ้นว่า“เช่นนี้ไม่เหมาะสมอย่างแท้จริง แต่ไม่มีชุดอื่นให้สวมใส่แล้วนะ”
ซูเจ๋อยืนอยู่ต่อหน้าเธอ ใบแปะก้วยสีเหลืองทองอร่ามร่วงหล่นลงบนผมของเฉินเสียน
ครู่ใหญ่ๆ เขายังงอนิ้วมือขาวสะอาดขึ้นเล็กน้อย แล้วคีบใบแปะก้วยออกแทนเฉินเสียน กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเฉยชาว่า“สวมใส่ชุดนี้ให้หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำดู เขาตายก็ตายอย่างคุ้มค่าแล้ว”