ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 347 การแสดงออกทางอารมณ์ของเขา

หัวใจของเฉินเสียนเต้นแรงและร้อนเร่า สัมผัสที่รู้สึกได้อย่างเลือนรางทำให้เธออยากจะหุบขาทั้งสองข้างเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว ทว่าถูกเขาขัดลงมาตรงกลางจนเธอถอยกลับไม่ได้

เขาเพียงแต่อ้อยอิ่งอยู่อย่างนั้นโดยไม่รีบร้อนบุกเข้าไป

เฉินเสียนตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ รู้สึกถึงความร้อนภายในใจที่ไหลเวียนเข้าไปในกระแสโลหิต จนในที่สุดก็มาบรรจบกันกลายเป็นกระแสความร้อนและค่อยๆ ไหลลงไปจากหน้าท้อง…

ซูเจ๋อเอ่ยอย่างอ่อนไหวเป็นอย่างยิ่งว่า “อาเสียน ท่านเปียก…”

จนถึงทุกวันนี้ เขามีหลักฐานที่แน่ชัด

เฉินเสียนรั้งคอเขาลงมาจูบอย่างหลงใหลและกระตือรือร้น

กระแสคลื่นอุ่นๆ ซัดสาดลูกแล้วลูกเล่า

แต่ทว่าขณะที่ซูเจ๋อกำลังจะเข้าไป เอวของเฉินเสียนก็เกร็งแน่นและชะงักไปชั่วคราว

อยู่ๆ ซูเจ๋อก็ข่มใจหยุดอย่างลำบากใจและถามอย่างไม่แน่ใจนัก “ช่วงนี้เป็นช่วงมีระดูหรือ?”

เฉินเสียนแทบจะร้องไห้ เนิ่นนานกว่าจะเอ่ยออกมาช้าๆ ว่า “คิดว่าใช่ ถ้าเดาไม่ผิด น่าจะเป็นตอนนี้…”

ไม่ต้องพูดถึงประสาทสัมผัสที่ว่องไวของซูเจ๋อ แม้แต่เฉินเสียนเองก็ยังเริ่มได้กลิ่นเลือดที่ค่อยๆ ระบายออกมา

เฉินเสียนอยากจะฆ่ามันให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ ตอนอยากให้มาไม่มา จะมาช้าอีกนิดก็ไม่ได้ แต่เจาะจงจะมาวันนี้! และบังเอิญต้องเป็นเวลานี้เสียด้วย!

เธอหน้าแดงก่ำ “ไม่นะ…”

ซูเจ๋อสูดลมหายใจเข้าและพยายามสงบสติอารมณ์ เขายิ้มปลอบใจเฉินเสียนและล่าถอยออกมาในที่สุด “ไว้ครั้งหน้าก็แล้วกัน ในเมื่อกินไม่ได้ ข้าจะจูบท่านให้มากกว่านี้”

เขาจูบเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าและทิ้งรอยประทับไว้บนตัวเธอทีละรอยๆ

นี่เป็นของซูเจ๋อเพียงคนเดียว

เฉินเสียนกอดศีรษะของเขาไว้และพึมพำอย่างพึงพอใจ “อย่างไรมันก็เป็นของท่าน ข้าหนีไม่พ้น และข้าจะไม่หนี”

ขณะที่เธอกำลังพูด มือข้างหนึ่งก็ค่อยๆ เอื้อมลงไปสำรวจบริเวณใต้หน้าท้องของซูเจ๋อ แต่ซูเจ๋อหยุดเอาไว้ทัน

ซูเจ๋อพ่นลมหายใจและเอ่ยว่า “อย่าแตะมัน อีกสักพักก็จะสงบแล้ว”

เฉินเสียนฝังศีรษะไว้ในเส้นผมของเขา ไม่ต้องการให้เขาเห็นความอับอายของตนเอง เธอกล่าวว่า “ข้าเห็นว่านานแล้วมันยังไม่ยอมรอมชอม เช่นนั้นข้าจึงจะช่วยใช้มือจัดการให้ท่าน…”

ซูเจ๋อ “…..”

“ข้าได้ยินมาว่าการอดกลั้นนานเกินไปมันไม่ดี”

“ท่านไปฟังใครมา”

“ฟังจากในหนังสือ” เฉินเสียนตอบ “ข้าไม่อยากให้ท่านมีปัญหา”

ซูเจ๋อเอ่ยล้อๆ อย่างอดไม่ได้ว่า “กลัวว่าคนที่ทุกข์ทรมานในอนาคตจะเป็นท่านหรือ”

มือของเฉินเสียนยังคงดั้นด้นลงไปใต้ท้องของเขา เขาหยุดชะงักและเอ่ยด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมว่า “อย่าแตะ อีกเดี๋ยวมันจะทำให้มือท่านสกปรก”

“ไม่สกปรก” เฉินเสียนมองเขาด้วยสายตาที่เลือนราง เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่น่าหลงใหลว่า “ซูเจ๋อ ท่านสัมผัสข้าแล้ว ถึงเวลาแล้วที่ข้าควรจะสัมผัสท่านบ้าง”

เธอเลื่อนลงไปอย่างดื้อดึง ไม่ต้องการให้ซูเจ๋ออดกลั้นไว้อีก ถ้าจัดการได้ เธอก็จะไม่ละความพยายามที่จะช่วยจัดการให้เขา

แม้ว่าเฉินเสียนจะไม่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสรีระของชายหญิง แต่เธอก็พอจะรู้อยู่บ้าง

เมื่อเฉินเสียนสัมผัสตัวตนของซูเจ๋อ ร่างกายของเธอก็ร้อนผ่าว ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงลมหายใจที่ยุ่งเหยิงอย่างสุดกลั้นของเขา ทว่าเขาก็ยังสงบ

เธอเคลื่อนไหวอย่างเงอะงะตามประสาคนไร้ประสบการณ์

เฉินเสียนเฝ้ามองสีหน้าที่ถลำลึกของเขา และนั่นทำให้เธอรู้สึกจั๊กจี้หัวใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

ทันใดนั้นซูเจ๋อก็ใช้มือปิดตาของเธอไว้ เขาซบลงที่ข้างหูของเธอและหายใจหอบเล็กน้อย จากนั้นจึงจูบเธออย่างคลั่งไคล้ ลูบไล้เธออย่างครอบงำและอ่อนโยน

“ทำไมไม่ให้ข้ามอง…” เฉินเสียนเอ่ยอย่างออดอ้อนด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า “ข้าเองก็ชอบท่าทีเช่นนี้ของท่าน ชอบที่ท่านมีอารมณ์เพราะข้า ชอบใบหน้าของท่านที่แสดงออกว่าอยากให้ข้าครอบครอง”

ผ่านซอกนิ้ว เฉินเสียนเห็นซูเจ๋อขมวดคิ้วที่เรียวยาวของเขา สีหน้าที่ดูเหมือนจะเจ็บปวดแต่ไม่เจ็บปวดนั้นซึมลึกลงไปในหัวใจของเธอ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาอันร้อนแรงบ้าคลั่ง ปรารถนาที่จะฉีกเธอเป็นชิ้นๆ และกลืนกินเธอให้หมดทั้งตัว เฉินเสียนรู้ว่านั่นเป็นเพราะเขาทำอะไรเธอไม่ได้

เขากัดฟันเล็กน้อยและเอ่ยว่า “เฉินเสียน นับวันท่านจะยิ่งกล้าหาญขึ้นเรื่อยๆ”

“ข้าเองก็ฝึกลับดาบเมื่อใกล้จะออกรบเช่นกัน ท่านก็รู้ว่าข้าอายจนหน้าแดงทุกครั้งเวลาเผชิญหน้ากับท่าน… ข้าคิดว่ามีเพียงข้าคนเดียวเสียอีกทีถูกท่านกลืนกินจนแทบตาย… อื้อ…”

ยังไม่ทันพูดต่อจนจบซูเจ๋อก็ปิดกั้นริมฝีปากของเธอไว้ ทำให้เธอเบ่งบานอย่างเต็มที่ในปากของเขา

เนิ่นนานหลังจากนั้นมือของเฉินเสียนก็เต็มไปด้วยความเหนียวเหนอะ

ถ้ำที่เคยหนาวเหน็บอบอุ่นราวกับยามวสันตฤดู

ทั้งเฉินเสียนและซูเจ๋อค่อยๆ สงบลง หลังจากนั้นจึงเกิดเป็นความเงียบที่งดงาม

เรี่ยวแรงของเฉินเสียนยังคงไม่ฟื้นคืนกลับมาอยู่นาน มือของซูเจ๋อยังกลัดอยู่ที่เอวของเธอ สัมผัสที่อ่อนโยนนั้นยังคงกระตุ้นประสาทสัมผัสของเธออย่างไม่หยุดหย่อน

เธอรู้สึกว่าเธอกับซูเจ๋อเข้าใกล้กันมากขึ้นอีกก้าวหนึ่ง

การใกล้ชิดขึ้นทีละนิดเช่นนี้ทำให้เฉินเสียนรู้สึกตราตรึงและพอใจ

ไม่มีเวลาไหนที่จะมีความสุขไปกว่าการได้กอดเขาอยู่เงียบๆ เช่นตอนนี้

ซูเจ๋อจูบเบาๆ เพื่อทิ้งรอยจูบไว้บนร่างกายของเธออย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน

เฉินเสียนถามอย่างสะลึมสะลือว่า “เหนื่อยไหม”

“คำนี้ข้าควรจะถามท่านมากกว่า”

เฉินเสียนเม้มปาก เอ่ยอย่างเขินอายว่า “ท่านไม่ได้ทำอะไรข้าจริงๆ เสียหน่อย ที่สุดแล้วมันไม่ยากเลยจนนิดเดียว ท่านนั่นแหละที่บาดเจ็บ ไหนจะยัง…เมื่อครู่นี้อีก… เอ่อ… น่าจะรู้สึกเหนื่อย”

“ไม่ยากเลยจนนิดเดียว” ซูเจ๋อออกความเห็นอย่างเกียจคร้าน “อืม คำนี้ก็บ่งบอกได้แจ่มชัดดี”

เฉินเสียนเหลือบมองเขาอย่างขาดความมั่นใจและกล่าวว่า “ข้าถามท่านถึงร่างกายของท่านอย่างจริงจัง แต่ท่านกลับมาล้อข้าเล่น”

“ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะตอบท่านอย่างจริงจังเช่นกัน” ซูเจ๋อลูบไล้เฉินเสียนที่อยู่ในอ้อมแขนและหายใจรดอยู่ที่ข้างหูของเธอ

“ข้ารู้สึกมีความสุขทั้งกายและใจ อยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยม… อาเสียน แค่ท่านยอมใกล้ชิดข้าด้วยความสมัครใจ ข้าก็พอใจมากแล้ว”

หัวใจของเฉินเสียนค่อยๆ เต็มไปด้วยความหวิวไหวอย่างที่จะเกิดขึ้นได้เมื่ออยู่ต่อหน้าซูเจ๋อเท่านั้น

ตอนนี้สายแล้ว ทั้งสองคนรู้สึกอุ่นมากและลุกขึ้นมาจัดการความเรียบร้อย

เฉินเสียนขัดขึ้นขณะที่ซูเจ๋อกำลังจะลุกขึ้นบ้าง “หลับตา อย่ามองนะ”

ซูเจ๋อยิ้มนิดหนึ่งและหลับตาลงจริงๆ เฉินเสียนหันหลังให้และสวมชุดกระโปรงที่หลุดลุ่ยทีละชิ้น

เมื่อก้มลงมองและเห็นรอยจ้ำซึ่งเป็นหลักฐานที่ซูเจ๋อทิ้งเอาไว้ทุกหนทุกแห่งบนผิวกายของเธอ เฉินเสียนก็หูแดงขึ้นมา เธอรีบร้อนสวมชุดอย่างคนมือไม้อ่อน

เพียงแต่เธอติดกระดุมส่วนบนและผูกสายคาดเอวด้วยมือเพียงข้างเดียวไม่ได้

ขณะที่กำลังทำทุกอย่างด้วยตนเอง แสงตรงหน้าก็มืดลง เมื่อเงยหน้ามองจึงเห็นว่าซูเจ๋อสวมชุดเรียบร้อยแล้วและยืนอยู่ตรงหน้าเธอ

“ข้าช่วย” ซูเจ๋อจับบริเวณปกเสื้อและใช้นิ้วกลัดกระดุมที่คอเสื้อของเธออย่างคล่องแคล่วเป็นระเบียบสวยงาม จากนั้นจึงเคลื่อนไปผูกสายคาดเอวให้อย่างไม่เร่งร้อน

ซูเจ๋อมองเธออย่างพินิจตั้งแต่หัวจรดเท้า แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่น “เท่านี้ก็มองไม่เห็นแล้ว”

ภายใต้ร่มผ้าของเธอล้วนมีรอยจูบที่ซูเจ๋อฝากเอาไว้

เฉินเสียนยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับมือข้างที่เหนียวเหนอะ ดังนั้นเธอจึงจะตั้งใจจะออกไปจากถ้ำและกอบหิมะให้ละลายเป็นน้ำเพื่อทำความสะอาด

ซูเจ๋อสาวเท้าตามมา เมื่อเห็นดังนั้นเฉินเสียนจึงเอ่ยอย่างอึดอัดใจว่า “ท่าน… อย่าตามมานะ ข้ารู้ว่าต้องทำความสะอาดยังไง”

“หิมะเย็นนะ ข้าจะกอบมันให้ละลายแล้วเทใส่มือของท่าน ท่านมีระดู ไม่เหมาะที่จะมาสัมผัสกับความเย็นเช่นนี้”

“ไม่เป็นไรจริงๆ!” เฉินเสียนดึงมือมาซ่อนไว้ที่แขนเสื้อ “ข้าจัดการทำความสะอาดเองได้”

ซูเจ๋อมองที่แขนเสื้อของเธอและเอ่ยราวกับจมอยู่ในความคิด “แต่มันเป็นเพราะข้า ดูเหมือนข้าจะต้องรับผิดชอบจนถึงที่สุดจึงจะถูก”

เฉินเสียนเอ่ยอย่างเดือดดาลว่า “ข้าไม่ต้องการให้ท่านมารับผิดชอบ”

ซูเจ๋อมองสีท้องฟ้าที่นอกถ้ำและกล่าวว่า “หากยังล่าช้าอยู่อีก อีกสักพักพวกเขาคงจะหาเราพบ ท่านอยากทิ้งหลักฐานไว้หรือ”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset