ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 349 มีอะไรแปลกๆ

ซูเจ๋อยืนอยู่ที่วงกบประตูอยู่ครู่หนึ่งและเลิกคิ้วเล็กน้อย “ข้าจะอาบน้ำ ท่านจะเข้ามารึ”

เฉินเสียนปฏิเสธหน้าชาว่า “ไม่ ท่านถอดชุดที่ใส่อยู่ให้ข้าสิ ข้าจะนำไปทิ้งให้เอง”

“ถอดตอนนี้เลยหรือ”

ใบหน้าของเฉินเสียนแข็งทื่อ

แล้วซูเจ๋อก็ยิ้มขึ้นมา กระซิบเบาๆ อย่างมีเลศนัยว่า “ถ้าเช่นนั้นท่านก็เข้ามาเถอะ ข้าจะถอดให้ท่านทีละชิ้นๆ”

เฉินเสียนกล่าวอย่างจริงจังว่า “ซูเจ๋อ ท่านอย่ามายั่วข้า”

ซูเจ๋อกระแอมในลำคอ เขากลั้นยิ้มและระงับน้ำเสียงที่หยอกเย้านั้น กระซิบเสียงต่ำว่า “ถ้าข้ายั่วท่านจริงๆ ท่านจะไม่กินข้าหรือ ข้ารู้ว่าเดี๋ยวนี้ท่านกล้าหาญขึ้นมาก”

เฉินเสียนเม้มปาก เธอเอ่ยอย่างสุขุมก่อนจะหันหลังเดินจากไปว่า “ซูเจ๋อ ท่านรอข้าเถอะ ไม่ช้าก็เร็วข้าจะนอนกับท่าน”

ซูเจ๋อพิงกรอบประตู เฝ้ามองแผ่นหลังของผู้ที่กำลังหนีเตลิดและเอ่ยอย่างสบายๆ ว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องเตรียมพร้อมทุกเวลา เพียงแต่ยามนี้ยังเช้าอยู่ หญิงสาวผู้เพียบพร้อมก็มาเสียแล้ว ข้ายังไม่ค่อยคุ้นชินกับเวลาช่วงนี้นัก เสื้อผ้าสกปรกนี่ อีกเดี๋ยวข้าจะจัดการเอง”

แผ่นหลังของเฉินเสียนเลี้ยวไปทางระเบียงและหายไปในชั่วพริบตา

รอยยิ้มบนใบหน้าของซูเจ๋อจืดจางลงและหายไปทันทีที่ลมพัดมา

ฉินหรูเหลียงเดินออกมาและเหลือบมองซูเจ๋อที่อยู่ตรงประตู จากนั้นจึงพูดอย่างเย็นชาว่า “หากท่านไม่ยอมให้นางกลับเมืองหลวง เจ้าน่องน้อยอาจมีอันตรายถึงชีวิต ถ้าเกิดอะไรขึ้น ข้าเกรงว่านางคงไม่มีวันยกโทษให้ท่าน”

ซูเจ๋อปัดชายเสื้อและหันหลังเดินเข้าห้อง เอ่ยเบาๆ ว่า “นั่นไม่ใช่สิ่งที่ท่านหวังหรอกหรือ”

หลังจากนั้นเฉินเสียนก็ไม่ได้ไปยุ่งกับชุดตัวเก่าของซูเจ๋ออีก ในเมื่อซูเจ๋อบอกว่าจะจัดการเอง ถ้าเธอยังเข้าไปช่วยเขาอีก มันคงจะดูเหมือนเธอกระตือรือร้นเกินเหตุ

ถ้าบอกให้เฮ่อโยวไปคอยดู เขาจะต้องหัวเราะเยาะเธอแน่

แถมการไปเดินซื้อเสื้อผ้านี่เธอก็ยังแอบไปซื้ออย่างลับๆ ด้วย

หลังจากเฮ่อโยวกลับมา เฉินเสียนก็ไม่ได้คิดจะไปเคาะประตูห้องซูเจ๋ออีก

ถึงอย่างไรเสีย หากท่าทีที่เธอมีต่อซูเจ๋อเปลี่ยนไปจากเดิมมากเกินไป อาจทำให้เฮ่อโยวกับฉินหรูเหลียงสงสัยขึ้นมาว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาตอนที่อยู่ภายในถ้ำ

เอาน่ะ แค่มีบางอย่างเกิดขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ครอบคลุมทุกอย่างเสียทีเดียว

เฉินเสียนส่ายศีรษะไปมาและเคาะหน้าผากของตัวเองอย่างขัดเคือง แล้วพูดกับตัวเองว่า “นี่เธอกำลังคิดเพ้อเจ้ออะไรอยู่น่ะ”

เพียงแต่ไม่คิดว่าในคืนนั้น เฉินเสียนจะบังเอิญพบกับเฮ่อโยวที่กำลังถือเสื้อผ้าตัวที่สกปรกของซูเจ๋อมาพอดี

เฉินเสียนชะงัก เฮ่อโยวที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นเธอก็ชะงักไปเช่นกัน

เฮ่อโยวถามว่า “ดึกขนาดนี้ท่านยังไม่นอนอีกหรือ”

“เจ้าทำอะไรน่ะ” เฉินเสียนถามพลางหรี่ตามอง

เฮ่อโยวตอบโดยไม่ต้องคิดว่า “ท่านบัณฑิตขอให้ข้านำเสื้อผ้าชุดเก่าของเขาไปเผาน่ะ”

ซูเจ๋อไม่ยอมให้ส่งให้เธอ แต่กลับส่งให้เฮ่อโยวรึ?

เฉินเสียนยังไม่ค่อยเชื่อและถามไปว่า “ซูเจ๋อให้เจ้ามาหรือ”

เฮ่อโยวบอกว่า “ข้าบังเอิญเดินผ่านหน้าห้องของเขา เห็นสีหน้าเขาไม่ค่อยดี ในเมื่อเขาขอร้องข้า ข้าก็เลยยอมช่วยเขาสักหน่อย”

เฉินเสียนทำหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ซูเจ๋อเป็นฝ่ายขอร้องเจ้าเอง และเจ้าก็ช่วยเขางั้นรึ”

ซูเจ๋อน่ะหรือจะขอให้เฮ่อโยวทำเรื่องจุกจิกเช่นนี้ให้ แถมเฮ่อโยวยังเดินผ่านหน้าห้องของเขาอีก

เฮ่อโยวเหลือบมองเธอและตอบว่า “ใช่ มีปัญหาอะไรหรือ? ที่แขนของท่านบัณฑิตมีเลือดซึมออกมา เมื่อข้าไปเห็นเลือดที่แขนของเขาเช่นนั้น ข้าก็เลยพอจะอภัยให้ได้และยอมช่วยเขาเสียหน่อย ท่านจะลองไปดูก็ได้”

ได้ยินดังนั้นเฉินเสียนก็เริ่มกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของซูเจ๋อ ดังนั้นเธอจึงเลี่ยงจากเฮ่อโยวและรีบตรงไปที่ห้องของเขา

เฮ่อโยวหอบเสื้อผ้าของซูเจ๋อและรีบเลี้ยวไปตรงระเบียงทางเดิน ที่นั่นมีเตาสำหรับชงชาพอดี ขอเพียงแค่เขาโยนเสื้อผ้าของซูเจ๋อเข้าไปในเตาและเผาให้เกลี้ยง ภาระที่ซูเจ๋อมอบหมายให้ก็เป็นอันเสร็จ

หลังจากเฉินเสียนเดินห่างมาได้ระยะหนึ่ง เธอก็นึกถึงปฏิกิริยาของเฮ่อโยวขึ้นมา เธอรู้สึกว่าท่าทางของเขาดูสงบผิดธรรมชาติเกินไปและคิดว่าจะต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่ๆ

เธอหยุดเดินและหันกลับไปมองเฮ่อโยว

เฮ่อโยวเดินเร็วยิ่งกว่าใครๆ อย่างกับว่ามีใครกำลังไล่ตามเขาอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อเฮ่อโยวหาเตาจนพบและเห็นว่ากองไฟเล็กๆ ข้างในยังไม่ดับ เขาจึงรีบเป่าที่ช่องลมสองสามที พอไฟเริ่มคุขึ้นเขาก็ไม่รอช้า รีบโยนเสื้อผ้าของซูเจ๋อเข้าไปในเตา

เฮ่อโยวออกแรงเป่าเข้าไปที่ช่องลมอีกครั้งเมื่อเห็นว่าไฟยังไม่ลุกเสียที

เฉินเสียนเดินมาถึงและบังเอิญเห็นจังหวะที่เฮ่อโยวกำลังนั่งยองๆ อยู่หน้าตาและออกแรงอย่างหนัก

“เฮ่อโยว เจ้าทำอะไรอยู่น่ะ” เฉินเสียนถามอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว

เฮ่อโยวได้ยินดังนั้นจึงหันกลับมามอง เมื่อเห็นเฉินเสียนยืนอยู่เงียบๆ ในแสงไฟสลัว เขาก็สะดุ้งเด้งตัวขึ้นมาด้วยความตกใจ “พับผ่าสิ เฉินเสียน ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่! เหตุใดจึงไม่ให้สุ้มให้เสียง!”

เฉินเสียนหรี่ตาจ้องมองเขาโดยไม่ตอบอะไร

เพียงแค่ใช้แววตาที่ไร้อารมณ์ก็ทำให้เฮ่อโยวค่อยๆ มองมาอย่างว้าวุ่น ไม่เหมือนกับท่าทีที่มั่นคงตอนที่อยู่ตรงระเบียงเมื่อครู่นี้เลยแม้แต่น้อย

เฮ่อโยวเอ่ยทั้งที่ยังไม่หายตกใจว่า “ทะ ท่านมีอะไรหรือเปล่าจึงมองข้าเช่นนี้ มองจนข้าประหม่าไปหมด”

เฉินเสียนเอ่ยว่า “ถ้าเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด เจ้าจะลุกลี้ลุกลนทำไม”

เธอพูดพลางเอียงคอมองเตาไฟที่อยู่ข้างหลังเฮ่อโยว จากนั้นจึงเอ่ยเรียบๆ ว่า “เผาชุดของซูเจ๋อเหรอ เขาบอกว่าเจ้าต้องเผามันงั้นหรือ”

เฮ่อโยวตอบอย่างตะกุกตะกักว่า “ถึง… ถึงอย่างไรเสื้อผ้านั่นก็มีเลือดติดอยู่ ถ้าทิ้งไปส่งๆ แล้วคนอื่นกลัวขึ้นมาจะทำอย่างไร เฉินเสียน ทะ ท่านหลบไปก่อนเถอะ กลิ่นเลือดเหม็นไหม้มันไม่น่าดมหรอก… เฮ้ ท่านบัณฑิตนั่นมีแผลเลือดออกไม่ใช่เหรอ ทำไมท่านไม่ไปดูหน่อยล่ะ”

ขณะที่กำลังพูดถ่วงเวลาอยู่นั่น เปลวไฟในเตาก็เริ่มลุกไหม้และค่อยๆ ลามไปที่ชุดสีดำ

เฮ่อโยวมองเห็นเปลวไฟวูบไหวอยู่ในดวงตาของเฉินเสียน เขาหันกลับไปมองและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

พับผ่าสิแม่เจ้า! อุตส่าห์ทุ่มสุดตัว ในที่สุดก็ไหม้เสียที

ด้วยเหตุนี้เฮ่อโยวจึงวางใจและหันไปพูดกับเฉินเสียน “มันไหม้ไปแล้ว ท่านควรจะไปดูอาการบาดเจ็บของท่านบัณฑิตหน่อยนะ”

ความโล่งใจที่แสดงออกมาอย่างเด่นชัดบนใบหน้าของเฮ่อโยวเป็นอะไรที่ค่อนข้างแยงตาเฉินเสียน

เมื่อเห็นว่าเปลวไฟยิ่งลุกโหมหนักขึ้น เฉินเสียนที่ยืนนิ่งอยู่ก็อาศัยช่วงที่เฮ่อโยวเผลอขยับตัวอย่างรวดเร็ว เอื้อมมือไปหวังจะฉวยเสื้อผ้าของซูเจ๋อออกมาจากกองไฟ

เฮ่อโยวเห็นดังนั้นก็ตกใจ เขารีบขวางไว้และเอ่ยเสียงดังว่า “ท่านทำอะไรน่ะเฉินเสียน! ไฟจะไหม้ ท่านจะทำอะไร!”

เฉินเสียนผลักเฮ่อโยวออกไปและตอบอย่างเย็นชาว่า “หลีกไป! ฝีมือการแสดงของเจ้าห่วยมาก”

เธอมั่นใจมากว่าชุดนี้จะต้องมีอะไรแปลกๆ

ดังนั้นเฉินเสียนจึงเดินเข้าไปใกล้เตา เธอไม่เกรงใจอีกต่อไปและเอื้อมมือเข้าไปในกองไฟ

หลังจากถูกลวกอยู่สองสามครั้งเธอก็ชักมือออก จากนั้นจึงพยายามดึงชุดของซูเจ๋อออกมาอีกครั้งทีละน้อยๆ

ชายเสื้อถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านและถูกลมพัดจนปลิวไปทั่ว

กลุ่มควันสีเขียวลอยเข้ามากระทบจมูก ทันใดนั้นม้วนอะไรบางอย่างซึ่งเป็นสีเหลืองสดก็บังเอิญหล่นลงมาจากชุดและตกลงไปในเตาไฟ

สีหน้าของเฉินเสียนเคร่งขรึมลงทันตา เธอรีบนำของสิ่งนั้นออกมาก่อนที่จะถูกไฟเผาไหม้จนหมด ไม่สนใจว่าตนเองจะบาดเจ็บจากความร้อนหรือไม่ และในที่สุดก็นำมันออกมาจนได้

เพียงแต่ของสีเหลืองสดนั้นถูกรมควันจนกลายเป็นสีดำ

เฉินเสียนเงยหน้ามองเฮ่อโยวที่ยืนอยู่เงียบๆ และถามว่า “นี่คืออะไร”

เฮ่อโยวตอบว่า “ท่านถามข้าแต่ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน คราวนี้ข้าไม่ได้โกหกจริงๆ นะ”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset