ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 355 กลับที่เก่า

ภายในห้องตำราหลวง จักรพรรดิกำลังอ่านฎีกาที่วางซ้อนกันเท่าภูเขา

องครักษ์ด้านนอกรีบมารายงานด้วยความเร่งรัด กล่าวว่า “กราบทูลฝ่าบาท องค์หญิงจิ้งเสียนกลับเมืองหลวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ เพิ่งเข้าประตูเมืองเมื่อสักครู่นี้พ่ะย่ะค่ะ”

เวลานี้เฮ่อฟั่งผู้เป็นขุนนางที่จักรพรรดิโปรดปรานก็อยู่ด้วย

จักรพรรดิวางฎีกาในมือ พลางถามว่า “ยามนี้อยู่ที่ใด?”

องครักษ์กล่าวว่า “หลังจากนางเข้าเมืองก็กลับจวนแม่ทัพพ่ะย่ะค่ะ”

เฮ่อฟั่งกล่าวด้วยความกราดเกรี้ยวอยู่ด้านข้าง “ในเมื่อนางกลับมาเพียงผู้เดียว ไยไม่สังหารที่ประตูเมือง โดยการยัดเยียดข้อหานักโทษเล่า?”

องครักษ์ตอบด้วยความหวาดหวั่น “แม้นครั้งนี้องค์หญิงจิ้งเสียนจะกลับโดยลำพัง ทว่าไม่รู้ว่าผู้ใดแจ้งข่าวก่อนที่นางจะเดินทางมาถึงล่วงหน้า ราษฎรรู้กันหมดแล้ว ต่างพากันไปรอดูที่หน้าประตูเมืองพ่ะย่ะค่ะ กระทั่งคนในจวนแม่ทัพก็ยังส่งคนมารับองค์หญิงจิ้งเสียนด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้ทหารยามประตูเมืองหลวงจะมีเจตนาฆ่าก็ไม่มีทางกระทำได้ดั่งใจหมาย

เฮ่อฟั่งปรับอารมณ์ให้เย็นลง ก่อนจะคำนับกล่าวกับจักรพรรดิว่า “ฝ่าบาทให้กระหม่อมส่งคนไปจวนแม่ทัพ……”

จักรพรรดิกล่าวด้วยความเคร่งขรึม “ไม่รีบ นางยอมกลับมาจนได้ ไม่รอให้ข้าไปหานาง นางก็กลับมาหาข้าก่อนแล้ว”

เขาไม่เชื่อว่าในเมืองหลวงอันกว้างใหญ่แห่งนี้ เขาจะจัดการสตรีในเรือนคนหนึ่งไม่ได้

ครั้งนี้เฉินเสียนเดินทางลงทิศใต้ ระหว่างทางได้รีบการสรรเสริญจากมวลประชาอย่างล้นหลาม เกียรติยศชื่อเสียงของนางเลื่องลือในเจียงหนานยิ่งนัก

หากชาตินี้เฉินเสียนไร้ชื่อเสียงเรียงนาม ประพฤติตัวเหมาะสมและปฏิบัติตนอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว จักรพรรดิอาจละเว้นนางได้ แต่บัดนี้ เฉินเสียนล้ำเส้นเขาไปแล้ว

มือสังหารที่เคยส่งไปก็ไม่มีผู้รอดกลับมาสักราย ครั้งนี้เฉินเสียนกลับมาเอง ไหนเลยจักรพรรดิจะปล่อยนางง่ายๆ

เฉินเสียนก็คาดไม่ถึง เธอเพิ่งเดินทางมาถึงประตูเมืองหลวงก็เห็นราษฎรนับร้อยชีวิตมาเฝ้ามอง เมื่อพ่อบ้านจวนแม่ทัพเห็นเธอ ยังไม่ทันกล่าวอันใดก็เริ่มมีน้ำตาซึมออกมา

ยามนี้ทั่วทั้งเมืองต่างรู้เรื่ององค์หญิงจิ้งเสียนกลับมา

อดีตราษฎรมักได้ยินแต่ว่าองค์หญิงจิ้งเสียนโง่เขลาเบาปัญญา ไร้ความสามารถ ทว่ายามนี้องค์หญิงจิ้งเสียนมีคุณงามความชอบนานัปการ อาทิ สงบศึกสงคราม ช่วยเหลือผู้ลี้ภัย แก้ปัญหาอุทกภัย ขจัดขุนนางทุจริต ทำให้ราษฎรจำนวนมากมายต่างปรบมือยกย่องสรรเสริญ

ผู้ติดตามพ่อบ้านจวนแม่ทัพมาต้อนรับเธอในครั้งนี้ ยังมีแม่นมหนึ่ง สาวใช้หนึ่งและบุรุษรับใช้หลายนาย

เฉินเสียนยืนตัวตรงก็เห็นเด็กสาววิ่งเข้าหาเธออย่างไม่สนใจสิ่งอื่น จากนั้นก็โอบกอดเธอแล้วร้องไห้เสียยกใหญ่

เฉินเสียนมอง ผู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็คือซุยเอ้อร์เหนียงที่ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำด้วยความปลื้มปิติ ส่วนสาวใช้ผู้กำลังโอบกอดเธอก็คืออวี้เยี่ยนที่ไม่ได้เจอกันมาเนิ่นนาน

อวี้เยี่ยนร้องไห้ฟูมฟายราวกับเด็กสาวข้างเรือนไม่มีผิด นางเอ่ยไปพลาง ร้องไห้ไปพลาง “องค์หญิงกลับมาเสียทีนะเพคะ บ่าวรอจนดอกไม้ร่วงโรยแล้วเพคะ……คิดว่าองค์หญิงจะไม่กลับมาอีกแล้วเพคะ”

เฉินเสียนรู้สึกอบอุ่นในใจ เธอเช็ดน้ำตาให้อวี้เยี่ยน มองใบหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงของนาง

เธอหัวเราะอย่างอ่อนโยน พร้อมกับกล่าวว่า “มีพวกเจ้าอยู่ในเมืองหลวง อย่างไรเสียข้าก็ต้องกลับแน่นอน”

“ไม่เจอกันนาน องค์หญิงผอมลงนะเพคะ” อวี้เยี่ยนกล่าวด้วยน้ำตา “บ่าวคิดถึงใจจะขาด……”

แม่นมซุยยืนกล่าวด้านข้างว่า “องค์หญิงกลับมาก็ดีแล้ว อวี้เยี่ยนอย่าเพิ่งรีบกอดองค์หญิงเลย ให้ท่านหายใจสะดวกบ้าง”

พ่อบ้านเดินเข้าไปกล่าว “บ่าวมารับองค์หญิงกลับจวนขอรับ เอ้อร์เหนียงพูดถูก กลับมาก็ดีแล้ว”

วันนี้อวี้เยี่ยนกับเอ้อร์เหนียงต่างมารับเธอกันหมด มีเพียงไม่เห็นเจ้าน่องน้อย แสดงว่าสิ่งที่กล่าวในพระราชโองการนั้นเป็นเรื่องจริง

เฉินเสียนเพิ่งเดินทางมาถึงก็อยากพุ่งเข้าไปพบหน้าเจ้าน่องน้อยในราชวังแทบแย่ ทว่าเธอต้องเตรียมการให้ดีเสียก่อน ต้องถามหาต้นสายปลายเหตุให้เข้าใจเสียก่อน

ดังนั้นเฉินเสียนจึงขึ้นเกี้ยวกลับจวน

หลังจากเข้าจวนแม่ทัพแล้ว ไม่ว่าจะภายในจวนหรือนอกจวนล้วนมีคนจับตามองด้วยกันทั้งสิ้น คิดจะหนีออกไปคงเป็นการยาก

สวนสระวสันตฤดูยังคงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน

เพียงแต่ย่างเข้าฤดูเหมันต์อากาศจึงรู้สึกหนาวเหน็บเป็นพิเศษ

เมื่อเฉินเสียนผลักประตูเข้าไป พบว่าภายในเรือนเต็มไปด้วยของใช้และของเล่นเด็ก หัวใจเธอก็อดรู้สึกขมฝาดที่ยากจะสาธยาย

เฉินเสียนถาม “เจ้าน่องน้อย……เดินเป็นหรือยัง?”

อวี้เยี่ยนแอบปาดน้ำตา กล่าวว่า “เป็นแล้วเพคะ ยามที่องค์หญิงไม่อยู่ เจ้าน่องน้อยตั้งใจฝึกมากเพคะ เพียงแต่ร่างกายยังบอบบาง ตัวเล็ก เวลาเดินจึงโซเซ ต้องจับสิ่งของเดินเจ้าคะ”

“เขาเชื่อฟังหรือไม่?” เฉินเสียนถามเสียงแหบพร่า

“เชื่อฟังเพคะ เชื่อฟังมากเพคะ……”

“แต่ข้าได้ยินว่าเขาถูกรับตัวเข้าราชวังแล้ว” ตอนที่เฉินเสียนหันหน้ากลับไปก็เห็นอวี้เยี่ยนกับแม่นมซุยกำลังคุกเข่ารอแล้ว

อวี้เยี่ยนร้องไห้จนกล่าวไม่ได้ศัพท์ “ขออภัยองค์หญิงเพคะ……บ่าวช่วยเจ้าน่องน้อยไม่ได้……ปล่อยให้พวกเขานำตัวไป……บ่าวไร้ประโยชน์สิ้นดี……”

แม่นมซุยกล่าว “บ่าวก็มีส่วนเจ้าคะ บ่าวแจ้งบอกคุณชายเหลียนไม่ทันการเจ้าคะ……”

เฉินเสียนกล่าว “พวกเจ้ากล่าวโทษตัวเองก็ไร้ประโยชน์ ลุกขึ้นเถอะ เดี๋ยวข้าจะเข้าวังไปดูเจ้าน่องน้อย”

แม่นมซุยรีบกล่าวว่า “องค์หญิงเจ้าคะ เรื่องเข้าวังจะกระทำบุ่มบ่ามไม่ได้นะเจ้าคะ ต้องวางแผนระยะยาวเสียก่อนเจ้าคะ ยามนี้ราชวังเป็นสถานที่อันตรายสำหรับองค์หญิงนะเจ้าคะ”

ต่อมาพ่อบ้านมาที่เรือนแล้วกล่าวกับเฉินเสียน “องค์หญิงขอรับ ท่านแม่ทัพ……”

อวี้เยี่ยนกับแม่นมซุยกำลังเตรียมเสื้อผ้าและน้ำให้เฉินเสียนอาบน้ำ

เฉินเสียนกล่าวว่า “พ่อบ้านวางใจเถอะ ท่านแม่ทัพปลอดภัยดี”

พ่อบ้านกล่าวว่า “บ่าวรู้ว่าองค์หญิงเดินทางลำยากแสนเข็ญขอรับ หากไม่ใช่องค์หญิงเลี่ยงอันตรายไปที่แคว้นเย่เหลียง คงช่วยท่านแม่ทัพไม่ได้ บ่าวรู้สึกขอบคุณในบุญคุณช่วยชีวิตมากขอรับ ชาตินี้ก็ไม่อาจลืมเลือนขอรับ

เพียงแต่บ่าวได้รับจดหมายจากท่านแม่ทัพขอรับ แจ้งว่าจะเดินทางมาถึงเมืองหลวงคืนนี้ขอรับ ท่านแม่ทัพกำชับว่าให้องค์หญิงพักผ่อนเอาแรงก่อนขอรับ เรื่องเข้าวัง รอให้ท่านกลับมาก่อนแล้วค่อยหารือกันขอรับ องค์หญิงกับท่านแม่ทัพเป็นสามีภรรยากัน ควรเข้าเฝ้าฝ่าบาทด้วยกันขอรับ”

เธอเพิ่งหนีมา ฉินหรูเหลียงก็ตามกลับมาแล้ว

งั้นเฮ่อโยวล่ะ? ซูเจ๋อล่ะ?

คิ้วเฉินเสียนกระตุก ถามพ่อบ้านว่า “พวกเจ้ารู้เรื่องข้ากลับเมืองหลวงวันนี้ได้เยี่ยงไร?”

พ่อบ้านตอบอย่างไม่รอช้า “บ่าวได้รับจดหมายขอรับ”

“ใคร?”

“อันนี้บ่าวไม่ทราบขอรับ จดหมายเขียนเพียงว่าองค์หญิงถึงเมืองวันนี้ ให้บ่าวไปรับที่ประตูเมืองขอรับ”

“แล้วราษฎรในเมืองรู้ได้อย่างไร?”

พ่อบ้านส่ายหัวอย่างไม่รู้

เฉินเสียนคิดถึงซูเจ๋อเป็นคนแรก แต่ซูเจ๋อถูกเธอทิ้งอยู่ข้างหลัง เขาส่งข่าวมาถึงเมืองหลวงล่วงหน้าได้อย่างไร?

ซูเจ๋อกลัวเธอกลับมาคนเดียวแล้วจะเจออันตรายหรือ?

หากไม่มีใครจำได้ว่าเธอคือองค์หญิงจิ้งเสียน ตอนที่เข้าประตูเมืองคงถูกทหารหาข้ออ้างจับตัวเธอแน่นอน

ดังนั้นส่งข่าวมาถึงเมืองหลวงก่อน เธอจะได้แคล้วคลาดปลอดภัย

ในเมื่อเฉินเสียนกลับมาแล้ว หากอยากเข้าวังไปหาเจ้าน่องน้อยก็ต้องแสดงตนอยู่ดี

เมื่อทุกคนรู้ว่าองค์หญิงจิ้งเสียนกลับเมืองหลวงแล้ว จักรพรรดิคิดจะทำอันใดก็คงต้องไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนเสียก่อน

เฉินเสียนรู้สึกซาบซึ้งใจ ถึงซูเจ๋อจะรู้ว่าเธอจะกลับเมืองหลวง แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางเธอ

ยามนี้ฉินหรูเหลียงก็กลับเมืองหลวงแล้ว มีเขาพาเข้าราชวังก็จะทำให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จักรพรรดิคงไม่ทำอะไรเธอส่งเดชอย่างเปิดเผย

มาถึงขั้นนี้แล้ว เฉินเสียนร้อนใจก็ไม่มีประโยชน์ เธอจึงรอฉินหรูเหลียงที่สวนสระวสันตฤดูอย่างอดทน

อย่างไรเสียถ้าไม่ได้เข้าเฝ้าวันนี้ก็ได้เข้าเฝ้าพรุ่งนี้อยู่ดี

เหมันตฤดูฟ้ามืดเร็วกว่าปกติ

เมื่อเข้าสู่ยามราตรี ตะเกียงในจวนแม่ทัพก็ถูกจุดขึ้นจนสว่างไปทั่วบริเวณ

นอกประตูจวนมีเสียงกีบม้าจากไกลมาใกล้ พ่อบ้านนำคนไปเปิดประตู และแล้วก็ต้องกล่าวด้วยความเบิกบานใจ “ท่านแม่ทัพกลับมาแล้ว”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset