ฉินหรูเหลียงมองยาที่เย็นแล้ววางอยู่ด้านข้าง จึงได้สั่งให้นางกำนัลยกเข้ามาใหม่ และให้เฉินเสียนเป็นคนป้อนให้เอง
เฉินเสียนลูบเจ้าน่องน้อยไปมาอย่างชื่นชอบ กล่าวด้วยเสียงแหบแห้งว่า“เจ้าน่องน้อย คิดถึงท่านแม่หรือไม่? ทำไมยังตัวเล็กอยู่เช่นนี้ ไม่มีเนื้อหนังเลย…….”
เจ้าน่องน้อยปีนออกมาจากอ้อมกอดของเฉินเสียน แล้วนั่งลงห่างจากเธอเพียงเล็กน้อย
เฉินเสียนหัวเราะทั้งน้ำตา กล่าวว่า “อย่างไร เจ้ายังโกรธแม่อยู่หรือ?”
เจ้าน่องน้อยไม่ปฏิเสธ ก้มศีรษะลง มือน้อยๆดึงชายเสื้อของตัวเองถูไปมา เพราะว่ามีฟันแล้ว บริเวณมุมปากเลยมีน้ำลายไหลย้อยอยู่
ไม่นานนางกำนัลได้ยกยาหม้อเข้ามา เฉินเสียนรับมาแล้วดมดู เป็นยารักษาโรคหวัดทั่วไป อีกทั้งเจ้าน่องน้อยอายุไม่มาก เลยไม่ได้ใช้ยาแรง สีของยาเป็นสีน้ำตาลอ่อน
ดูแล้วภายในพระราชอุทยานนี้ ถึงแม้ว่าเฉินเสียนไม่ได้มา หมอหลวงกับนางกำนัลก็พยายามดูแลเจ้าน่องน้อยเป็นอย่างดี
เฉินเสียนยกช้อนป้อนเจ้าน่องน้อย เจ้าน่องน้อยก็ดื้อรั้นไม่ยอมดื่ม
เฉินเสียนกล่าวว่า“เจ้าน่องน้อยเด็กดี ดื่มยาเสร็จแล้ว ถึงจะดีขึ้นไวนะ เจ้าถึงจะสามารถเล่นกับแม่ได้เป็นประจำ”
เวลาต่อมาเจ้าน่องน้อยก็เลยยอมเป็นเด็กดีดื่มยาจริงๆ
เฉินเสียนทั้งปลื้มใจทั้งหดหู่ใจ ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหน ไม่ว่าเจ้าน่องน้อยจะยังจำเธอได้หรือไม่ ที่สุดแล้วคือสานสัมพันธ์แม่ลูกกัน เจ้าน่องน้อยไม่มีทางลืมเธอจริงๆ กลับคล้ายดั่งว่าเขากำลังโกรธเธออยู่
นางกำนัลยกถ้วยยาไปแล้ว เฉินเสียนก็อุ้มเจ้าน่องน้อยขึ้น ทันใดนั้นก็ทั้งรักทั้งหอมแนบชิดกัน
เจ้าน่องน้อยราวกับรับความรักของเธอไม่ไหวแล้ว เริ่มปีนออกจากอ้อมกอด
เฉินเสียนจะให้โอกาสเขาที่ไหนกันล่ะ เศร้าสลดใจชั่วขณะ กอดอุ้มต่อแล้วก็ร้องไห้ออกมา
เฉินเสียนร้องไห้ด้วยแล้วกล่าวว่า“เป็นลูกชายแท้ๆของแม่เองนะ~เป็นสุดที่รักของแม่นะลูกชาย~”
ฉินหรูเหลียงฟังอยู่ด้านข้างขนลุกซู่ขึ้นมา แต่ต่อมาเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากทางด้านนอกกำลังเดินมา
เฉินเสียนยังร้องไห้แล้วกล่าวว่า “โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไร ไม่อย่างนั้นแม่เสียใจตายเลย……สุดที่รักเจ้าต้องเป็นเด็กดีนะ อยู่ในพระราชอุทยานแห่งนี้เจ้าต้องเชื่อฟังรู้หรือไม่? และก็โชคดีที่เสด็จลุงของเจ้าเอาใจใส่ รักทะนุถนอมเจ้า เจ้าป่วยได้รับเจ้าเข้ามาดูแลภายในพระราชวัง ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี……”
เธอร้องไห้จนทำอะไรไม่ถูก เลอะเลือนไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง กล่าวขึ้นว่า“ในพระราชวังใส่ชุดสวยงามกินของอร่อย ทุกอย่างล้วนดีหมด หมอหลวงที่นี่มากมาย เพียงเจ้าอยู่ที่นี่ก็สามารถดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แค่เจ้าดีขึ้น แม่ก็ดีใจแล้วนะ…..ต่อไปเจ้าต้องขอบพระทัยเสด็จลุงของเจ้าให้ดีล่ะรู้หรือไม่?”
เจ้าน่องน้อยเริ่มดิ้นรนให้กับเฉินเสียนหนึ่งยกด้วยท่าทางที่ว่า “ข้าฟังไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดสิ่งใด” เขาคิดที่จะหลุดพ้นจากอ้อมกอดของเฉินเสียน ผลสรุปเพิ่งจะปีนป่ายก็ถูกเฉินเสียนจับกลับมาได้ เขายืนหยัดที่จะพยายามออกมาอย่างต่อเนื่อง
เฉินเสียนนวดคลึงเจ้าน่องน้อยราวกับนวดคลึงหน้าเลย เขาก็ไม่ร้องไห้ แต่มักจะยื่นมือออกไปด้านนอกบ่อยครั้ง ราวกับฟ้องอย่างไร้เสียง
รีบมาช่วยข้า ข้าใกล้จะถูกหญิงผู้นี้ทำให้ขาดอากาศหายใจแล้ว ท่านแม่ของข้าเหตุใดถึงได้ชอบร้องไห้อีกทั้งปั้นเรื่องเช่นนี้นะ นางไม่เหมือนกับท่านแม่ของข้า !พวกเจ้าใครก็ได้พานางออกไปที!
ถูกเวลามาก องค์จักรพรรดิสั่งนางกำนัลไม่ต้องไปรายงานให้ทราบ และเดินจากด้านนอกเข้ามา
เฉินเสียนรีบลุกขึ้นแสดงความขอบคุณต่อองค์จักรพรรดิ สีหน้าแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจที่องค์จักรพรรดิรับเจ้าน่องน้อยเข้ามาดูแลในพระราชวัง หากไม่ใช่หมอหลวงในพระราชวังรวมตัวกัน เกรงว่าเจ้าน่องน้อยจะไม่ได้ดีขึ้นเร็วเช่นนี้หรอก
ไม่คาดคิดเลยว่า เดิมเจ้าน่องน้อยอยู่ที่จวนแม่ทัพยังดีๆอยู่ พอหลังจากเข้ามาในพระราชวังถึงได้ล้มป่วย
เพียงแต่ไม่สามารถไปสืบสวนเรื่องนี้ได้
องค์จักรพรรดิคิดที่จะหาพิรุธบนใบหน้าของเฉินเสียน น่าเสียดายทำให้พระองค์ล้มเหลวแล้ว
องค์จักรพรรดิกล่าวถามว่า“เจ้าไม่อยากรับเขากลับไปที่จวนแม่ทัพหรือ?”
เฉินเสียนกล่าวว่า “แน่นอนว่าจิ้งเสียนอยาก แต่ทำให้องค์จักรพรรดิลำบากใจก็ช่างมันเถิดเพคะ จิ้งเสียนเพียงอยากอ้อนวอนองค์จักรพรรดิ ให้จิ้งเสียนสามารถมาเยี่ยมดูเจ้าน่องน้อยที่นี่ได้บ่อยครั้งด้วยนะเพคะ”
องค์จักรพรรดิกล่าวว่า “ถึงอย่างไรเด็กคนนี้ก็มีเลือดของราชวงศ์อยู่ครึ่งหนึ่ง ตอนนี้เกินหนึ่งขวบแล้ว รับเข้ามาดูแลในพระราชวังอย่างดี ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย อนาคตเจ้าต้องการมาเยี่ยม รายงานให้ทราบก็พอแล้ว”
“ขอบพระทัยเพคะองค์จักรพรรดิ”
องค์จักรพรรดินึกได้เรื่องหนึ่ง กล่าวกับเฉินเสียนว่า“ข้าลืมเลย บัณฑิตซูเจ๋อก็กลับมาเมืองหลวงเมื่อวานนี้ แต่ทว่าได้ยินว่าพอถึงประตูเรือนก็เหนื่อยล้าโหมงานหนักล้มป่วยลงแล้ว จนถึงวันนี้ก็ลงจากเตียงไม่ได้ เรื่องนี้เจ้ารู้หรือไม่?”
เฉินเสียนพยามควบคุมอาการสั่นเทาของมือที่อยู่ในแขนเสื้อ บนใบหน้าทำท่าทีตื่นตระหนก กล่าวว่า“ใต้เท้าซูป่วยหรือเพคะ?”
“อย่างไร เจ้าต้องการไปเยี่ยมเขาหรือไม่?”
เฉินเสียนคิดแล้วคิดอีก กล่าวอย่างขี้ขลาดว่า“แม้ว่าจิ้งเสียนกับใต้เท้าซูสนิทสนมกันไม่ลึกซึ้ง แต่ระหว่างทางก็ได้รับการดูแลจากเขามากมาย ไปเยี่ยมเขาก็เป็นเรื่องที่สมควรเพคะ แต่ว่าไม่เหมาะสมกับประเพณีล่ะก็ ช่างเถิดเพคะ”
องค์จักรพรรดิกล่าวว่า “ครั้งนี้บัณฑิตเจรจาสันติภาพแลกเปลี่ยนฉินอ้ายชิงกลับมา เจ้าสองสามีภรรยาไปเยี่ยมก็อยู่ในหลักทำนองคลองทำ มีเวลาเรียกเฮ่ออ้ายชิงไปด้วยกันเถิด”
ในใจเฉินเสียนรู้สึกประหลาดใจ นี่องค์จักรพรรดิมีความหวังดีเช่นนี้?
เกรงว่าจะไม่ใช่แล้ว
แต่มีสักนิดหนึ่งที่เธอสามารถแน่ใจได้ นั่นคือตอนนี้เหล่าอาณาประชาราษฎร์ในเมืองหลวงล้วนรู้กันว่าองค์หญิงจิ้งเสียนกลับมาแล้ว องค์จักรพรรดิไม่มีทางลงไม้ลงมือกับเธอในพระราชวังหรอก
หากว่าพอกับมาก็เกิดเรื่อง ยากที่จะหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน
นี่เป็นสิ่งที่องค์จักรพรรดิกลัวที่สุดว่าผู้อื่นจะพูดอย่างไร ใส่ใจสายตาผู้คน ไม่อย่างนั้นเวลานั้นก็ไม่มีทางที่จะเก็บจิ้งเสียนองค์หญิงของราชวงศ์ก่อนหน้าไว้เพื่อที่จะได้รับชื่อเสียงที่ดีหรอก
เพราะฉะนั้นต้องการจัดการเฉินเสียน พระองค์ทั้งอยากถอนรากถอนโคน ทั้งยังอยากทำให้ดูดี
ยังมีนิดหนึ่งก็คือเฉินเสียน สมญานามขององค์หญิงจิ้งเสียนนี้ดังก้องกังวานอยู่ทางใต้เจียงหนานนั้น หากองค์จักรพรรดิไม่จัดการอย่างระมัดระวังรอบคอบ เกรงว่าจะสูญสิ้นจิตใจร่วมภักดีของเหล่าอาณาประชาราษฎร์ได้
วันนี้เฉินเสียนเข้ามาในพระราชวังเธอได้บรรลุจุดมุ่งหมายแล้ว เธอปรารถนาว่าจะได้พบเจ้าน่องน้อย
ดังนั้นองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้เธอได้รับโอกาสและจังหวะอยู่บ้างเล็กน้อย
องค์จักรพรรดิก็ค่อนข้างมีความมั่นใจในตัวเอง เพียงแค่เฉินเสียนกลับมาถึงเมืองหลวง ตอนนี้เจ้าน่องน้อยอยู่ในมือพระองค์อีกด้วย เลยไม่กลัวว่าเฉินเสียนจะไม่เชื่อฟัง
ดูออกว่าเฉินเสียนเอาใจใส่เด็กน้อยคนนี้ ไม่อย่างนั้นขนาดพระองค์ลงพระราชโองการอยู่หลายหนนางยังไม่กลับมา พระราชโองการสุดท้ายกล่าวถึงเจ้าน่องน้อย เฉินเสียนเลยรีบวิ่งเต้นควบม้ากลับมา
ถือโอกาสในช่องว่างระหว่างพูดคุยนี้ ฉินหรูเหลียงเลยไปด้านข้างเตียงดูเจ้าน่องน้อยที่ได้อิสระช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงตอนที่เขาไม่ระวังแล้วตกหล่นลงมาจากเตียง
ฉินหรูเหลียงมองพินิจพิเคราะห์จมูกเล็กและดวงตาน้อยๆของเจ้าน่องน้อย พบว่าลักษณะใบหน้าของเขาทั้งหมดคล้ายดั่งเฉินเสียน และดวงตาคู่นั้น………
ฉินหรูเหลียงไตร่ตรอง ตามที่เจ้าน่องน้อยโตขึ้นทุกวัน คิดว่าต้องมีสักวันหนึ่งที่ปรากฏเงื่อนงำ ทำให้คนมองดูก็รู้ว่าดวงตาคู่นั้นของเขาเหมือนผู้ใด
อีกทั้งอุปนิสัยของเจ้าน่องน้อยก็ไม่เหมือนกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันที่ชอบเคลื่อนไหวร้องไห้โวยวาย
โดยส่วนใหญ่เขาเงียบสงบเป็นอย่างมาก คาดว่าก็เป็นตามท่านพ่อที่ให้กำเนิดเขา
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เขามองเจ้าน่องน้อยลักษณะคล้ายกับเฉินเสียน ฉินหรูเหลียงเลยยังปรากฏความชอบเด็กน้อยคนนี้มาจากก้นบึ้งหัวใจอยู่
อีกทั้งตอนนี้เขากับเฉินเสียนเป็นสามีภรรยากัน คู่สามีภรรยาดูแลลูก เขาไม่กอดสักหน่อยก็ไม่มีวิธีที่จะแสดงเหตุผลแล้ว
ด้วยเหตุนี้ฉินหรูเหลียงเลยเอื้อมมือไป พยายามออกแรง ฝืนใจย้ายเจ้าน่องน้อยมาบนเข่าของตัวเอง
ดูออกว่าเขาเหนื่อยเป็นอย่างมาก ตอนที่เฉินเสียนหันกลับไปเห็น เดินมากางมือออกอุ้มเจ้าน่องน้อยทันที
ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ข้าก็แค่โอบอุ้มเขาเอง”