ต้นหลิวและมวลดอกไม้บานสะพรั่งในจวนแม่ทัพ อากาศแจ่มใส บรรยากาศทุกอย่างดูเงียบสงบ
เพียงชั่วพริบตา เช้าวันใหม่ก็ใกล้จะผ่านพ้นไป จวนถึงเวลาเที่ยงแล้ว เฉินเสียนมองดูดวงอาทิตย์นอกหน้าต่าง
อวี้เยี่ยนยังไม่กลับมา
แม่บ้านจ้าวนำยาหม้อมาให้และช่วยพูดให้สบายใจ “องค์หญิงอย่าทรงกังวลเลยเพคะ บางทีแม่หนูอวี้เยี่ยนอาจจะห่วงเล่นจนลืมเวลา ไม่แน่อีกเดี๋ยวก็คงจะกลับมาแล้วเพคะ”
เฉินเสียนขมวดคิ้ว ไม่ออกความเห็นใดๆ
เธอคิดว่าเธอรู้จักอวี้เยี่ยนดี สาวใช้ตัวน้อยที่ซื่อสัตย์และตาขาวอย่างนางไม่มีทางห่วงเล่นจนลืมเวลากลับจวนแน่ๆ
เฉินเสียนกล่าวว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าไปที่ลานด้านหน้าแล้วถามพ่อบ้านทีว่าข้ารับใช้ที่ไปคอยคุ้มครองอวี้เยี่ยนกลับมาหรือยัง”
“เพคะ” เมื่อแม่บ้านจ้าวเห็นว่าถึงเวลาเตรียมอาหารกลางวันแล้ว นางจึงออกไปจากสวนสระวสันตฤดู ตรงไปที่ห้องอาหารโดยถือโอกาสแวะไปถามที่ลานด้านหน้า
แม่บ้านจ้าวเจอพ่อบ้านที่อยู่ที่ลานด้านหน้า เมื่อสอบถามแล้วจึงรู้ว่าอวี้เยี่ยนกับข้ารับใช้กลับมาถึงจวนพร้อมกันตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ข้ารับใช้ผู้นั้นเข้ามาที่ประตูใหญ่พร้อมกับอวี้เยี่ยนและตรงไปทำงานอื่นต่อ ส่วนอวี้เยี่ยนเดินทะลุผ่านลานด้านหน้ากลับไปที่สวนสระวสันตฤดู
แม่บ้านจ้าวชักไม่ค่อยสบายใจ ในเมื่อกลับมาแล้วทำไมถึงยังไม่เห็นแม้แต่เงา
แม่บ้านจ้าวค้นหาทุกที่ในห้องอาหารที่ลานด้านหน้าแต่ก็ยังไม่พบอวี้เยี่ยน ด้วยความกังวลว่าเฉินเสียนจะหิว นางจึงไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารและตั้งใจว่าจะมาค้นหาใหม่ในตอนบ่าย
เฉินเสียนตากระตุกทั้งวัน
ไม่นานหลังจากนั้นก็มีการเคลื่อนไหวบางอย่างที่ลานบ้าน
เฉินเสียนคิดว่าอวี้เยี่ยนกลับมาแล้ว เพราะแม่บ้านจ้าวเพิ่งเดินออกไป ไม่น่าจะกลับมาเร็วขนาดนี้
เมื่อออกไปดูจึงพบว่าผู้ที่ยืนอยู่กลางแดดตรงลานบ้านไม่ใช่อวี้เยี่ยนหรือแม่บ้านจ้าว แต่เป็นเซียงซั่นผู้อยู่ข้างกายหลิ่วเหมยอู่
แม้ว่าเซียงซั่นจะแต่งตัวแบบสาวใช้ แต่ผิวที่ขาวผุดผ่องและนัยน์ตาโตสุกใสก็ดูมีน้ำมีนวลเมื่อต้องแสงแดด
แววตาของเฉินเสียนเย็นชาลง เอนตัวพิงบานประตูและชายตามองเซียงซั่น “ไม่รู้ทางเลยหลงมาผิดที่หรือ”
เซียงซั่นเอ่ยอย่างสงบว่า “ไม่ได้มาผิดเพคะ วันนี้บ่าวมาหาองค์หญิง”
เฉินเสียนขมวดคิ้ว “ข้ายังไม่ได้เรียกหาเจ้า แต่เจ้ากลับกล้ามาหาข้างั้นรึ”
เซียงซั่นยิ้มอย่างมั่นใจในตัวเองและกล่าวว่า “ไม่ว่าองค์หญิงจะพูดอะไร บ่าวก็รับคำสั่งมาจากนายหญิงและมาที่นี่เพื่อเชิญองค์หญิงไปพูดคุยกันเพคะ”
เฉินเสียนยิ้มเยาะ ใช้นิ้วเคาะที่ขมับและพูดว่า “นายหญิงของเจ้าอาจมีบางอย่างผิดปกติตรงส่วนนี้ กลับไปบอกนาง ปล่อยให้นางดิ้นไปอีกสักสองวัน ตอนนี้ข้ายังไม่มีเวลาไปทักทาย” พูดจบก็หันหลังเตรียมจะกลับเข้าไป
ใครจะไปคิดว่าอยู่ๆ เซียงซั่นจะเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ว่า “องค์หญิงไม่เป็นห่วงอวี้เยี่ยนหรือเพคะ”
แผ่นหลังของเฉินเสียนแข็งทื่อ ฝีเท้าชะงัก
หลังจากนั้นจึงค่อยๆ หันกลับไปมองเซียงซั่น นัยน์ตาคมเข้มราวกับหมึกทั้งยังแฝงความเยือกเย็น ดวงตาที่หรี่ลงฉายให้เห็นรอยยิ้มน้อยๆ “เจ้าเพิ่งพูดว่าอะไรนะ”
เซียงซั่นอดรู้สึกกลัวขึ้นมาไม่ได้ แต่ยังแสร้งทำเป็นสงบและเอ่ยว่า “ถ้าอยากรู้ว่าอวี้เยี่ยนอยู่ที่ไหน องค์หญิงก็ตามบ่าวมาสิเพคะ”
เฉินเสียนถอนสายตากลับมาด้วยท่าทีที่สงบเยือกเย็น เธอหันกลับและเดินตรงไปที่ห้อง พร้อมกันนั้นก็พูดว่า “ไปสิ ข้าไปแน่ๆ แต่ขอไปล้างมือก่อนแล้วกัน” เมื่อครู่นี้เธอใช้มือจับถ่าน ที่นิ้วจึงยังมีคราบถ่านติดอยู่เล็กน้อย คงไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจยากอะไรหากจะเข้าไปล้างมือให้สะอาดเสียก่อน
ขณะที่เซียงซั่นรออยู่ข้างนอก นางก็ได้ยินเสียงของเฉินเสียนดังลอดออกมาจากด้านใน ฟังชัดถ้อยชัดคำ “เซียงซั่น ถ้าแตะต้องอวี้เยี่ยนแม้แต่ปลายเส้นผม ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างอนาถ”
เซียงซั่นตัวสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ครั้นแล้วจึงยืดอกขึ้นปลอบใจตัวเอง หลังจากวันนี้ไปนังสารเลวนี่ก็จะไม่มีโอกาสมีชีวิตอยู่เห็นวันพรุ่งนี้อีกแล้ว มีอะไรจะต้องกลัว! ถ้าอยากแก้แค้นก็ลองดูว่าจะยังมีโอกาสอยู่ไหม!
ใบหน้าที่อ่อนเยาว์เซียงซั่นเต็มไปด้วยความอาฆาต คราวก่อนเฉินเสียนทำให้นางถูกลงโทษโบยต่อหน้าทุกคนในจวน นางเสียหน้าและรู้สึกเหมือนหลิ่วเหมยอู่ คืออยากจะให้เฉินเสียนตายเสียตอนนี้เดี๋ยวนี้
เมื่อเฉินเสียนกลับออกมาเซียงซั่นจึงเก็บอาการทางสีหน้า
เฉินเสียนสวมชุดกระโปรงเอวสูงแขนกว้าง ชายแขนเสื้อปลิวไหวไปตามสายลมขณะที่เดินไปตามทาง เธอหรี่ตาท่ามกลางแสงแดดจ้าและเดินตามเซียงซั่นไป ชายกระโปรงพลิ้วไหวราวกับดอกบัวที่ผลิบาน
เซียงซั่นไม่ได้พาเธอไปที่สวนดอกพุดตานและไม่ได้พาไปในที่ที่หลิ่วเหมยอู่มักจะไปบ่อยๆ
มีอีกหลายที่ในจวนแม่ทัพที่เฉินเสียนยังไม่เคยไป ยิ่งเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ ก็เริ่มเห็นสวนเล็กๆ ที่ถูกทิ้งร้างไม่มีใครดูแลจนหญ้าขึ้นรก
ทั้งคู่เดินผ่านทางเดินแคบๆ และอ้อมเถาเขียวขจีของต้นมะลิเหมันต์ออกมาถึงที่ที่โล่งกว้างกว่าเดิม
เฉินเสียนขมวดคิ้ว ทันใดนั้นเธอก็เห็นหลิ่วเหมยอู่ซึ่งแต่งกายอย่างงดงามยืนอยู่ข้างสระน้ำขนาดเล็ก ทว่าไม่มีแม้แต่เงาของอวี้เยี่ยน
หลังจากเดินเข้ามาใกล้ เฉินเสียนก็ถามเข้าประเด็นว่า “อวี้เยี่ยนอยู่ที่ไหน”
หลิ่วเหมยอู่หันมาและยิ้มอย่างอ่อนหวาน “องค์หญิงวางพระทัยได้ นางสบายดี”
“นางอยู่ไหน”
หลิ่วเหมยอู่กล่าวเนิบๆ ว่า “หม่อมฉันได้ยินพวกบ่าวพูดกันว่าอวี้เยี่ยนมักจะทำตัวกร่างและดูถูกเหยียดหยามผู้อื่น ในฐานะผู้ดูแลจวนแม่ทัพหม่อมฉันจึงต้องจัดการทุกอย่างอย่างยุติธรรม ต้องทำตามข้อเรียกร้องของบ่าวและลงโทษนางเล็กน้อยเพคะ”
แววตาของเฉินเสียนเต็มไปด้วยความสงบ ไม่มีความหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย เมื่อถูกจ้องตรงๆ หลิ่วเหมยอู่จึงเริ่มรู้สึกขลาดกลัวขึ้นมา
แต่ไม่ง่ายเลยกว่านางจะหลอกล่อเฉินเสียนมาที่นี่ได้ นางถอยไม่ได้อีกแล้ว
เฉินเสียนถามว่า “เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาลงโทษนาง”
หลิ่วเหมยอู่สงบสติอารมณ์และเอ่ยว่า “ขอเพียงพระองค์ไม่มายุ่งกับหม่อมฉันอีก หม่อมฉันจะไม่ทำให้อวี้เยี่ยนต้องลำบาก”
นางพยายามดึงความสนใจเฉินเสียน ขณะเดียวกันก็เหลือบมองเซียงซั่นที่อยู่ข้างหลังเฉินเสียนอีกที “องค์หญิง หม่อมฉันไม่เคยคิดจะตั้งตนเป็นศัตรูกับพระองค์ เราต่างก็คอยรับใช้ปรนนิบัติท่านแม่ทัพ จึงควรสามัคคีกันไว้”
เฉินเสียนหรี่ตาและมองเข้าไปในดวงตาของนาง “ต่อให้อยากเป็นศัตรูกับข้า แต่เจ้าคิดว่าเจ้าคู่ควรแล้วรึ”
หลิ่วเหมยอู่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และฝืนยิ้มราวกับว่าต้องการคืนดีกับเฉินเสียนจริงๆ “แม้ว่าท่านแม่ทัพจะเป็นของหม่อมฉันมาตั้งแต่แรก แต่ในเมื่อตอนนี้องค์หญิงก็เป็นภรรยาคนหนึ่งในจวนแม่ทัพแห่งนี้ เหมยอู่ทำได้แต่เพียงต้องยอมรับชะตากรรม เรื่องที่แล้วมาก็ให้แล้วกันไป ต่อจากนี้เหมยอู่ยินดียอมรับให้องค์หญิงเป็นภรรยาเอก เหมยอู่จะขอให้ท่านแม่ทัพรักษาเกียรติขององค์หญิง…”
หลิ่วเหมยอู่พยายามทำให้เฉินเสียนคลายความระวังตัวลง แต่หางตาก็ไม่อาจหยุดชำเลืองมองเซียงซั่นได้
เฉินเสียนดูเหมือนจะตั้งใจฟังและถูกเบี่ยงเบนความสนใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทันทีที่พูดจบหลิ่วเหมยอู่ก็เห็นว่าได้โอกาสเหมาะ นางรีบส่งสัญญาณให้เซียงซั่น ตอนนี้แหละ!
เซียงซั่นพร้อมตั้งนานแล้ว แค่ผลักทีเดียวเฉินเสียนก็จะตกลงไปในสระทันที! ขอเพียงแค่ทำให้นางปีนขึ้นมาจากสระไม่ได้ นางก็จะกลายเป็นอาหารของปลิงร้ายกาจที่จำศีลอยู่ที่นี่!
เพียงแค่นึกถึงสภาพที่น่าเวทนานั้นนางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสบายอกสบายใจ
แต่หลิ่วเหมยอู่และเซียงซั่นประมาทเกินไป เฉินเสียนไม่ได้เพิกเฉยต่อการแสดงออกทางแววตาของหลิ่วเหมยอู่เลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังเห็นภาพสะท้อนในดวงตาของนางได้อย่างชัดเจน
เธอเห็นเซียงซั่นที่อยู่ข้างหลังกำลังลงมือผ่านสายตาของหลิ่วเหมยอู่
ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังความเยือกเย็นของเธอจะมีสัตว์ร้ายแฝงตัวอยู่
ขณะที่เซียงซั่นกำลังโผเข้ามาเพื่อผลักเฉินเสียนลงไปในสระ นางไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าขณะที่มือเกือบจะสัมผัสชายเสื้อของเธออยู่แล้ว เฉินเสียนจะเบี่ยงตัวหลบทัน จนกลายเป็นนางเองที่สะดุดจนเสียการทรงตัว