หลิ่วเหมยอู่ไม่เคยคาดคิดว่าฉินหรูเหลียงจะถามขึ้นมาเช่นนี้ จึงรู้สึกตกใจขึ้นมา แล้วโยนความผิดไปให้เฉินเสียน “ใช่ ……นางเรียกข้ามา……”
“นางจะเรียกเจ้ามาทำไม?”ฉินหรูเหลียงยังถามอีกว่า “เจ้าบอกว่านางจะทำร้ายเจ้า แล้วทำไมเจ้าถึงยังมา?”
หลิ่วเหมยอู่ที่กำลังงงจึงเงยหน้าเรียวของนางขึ้นมา ในตาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวเทา“ท่านแม่ทัพ ท่านไม่เชื่อข้า?”
ฉินหรูเหลียงหลับตาลง แล้วลืมตาขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงที่เก็บกดว่า“เจ้าบอกว่าเฉินเสียนจะฆ่าเจ้า แล้วกรรไกรที่เต็มไปด้วยคราบเลือด ถ้าเกิดว่านางลงมือทำจริงๆ บนมือต้องมีรอยเลือดจริงหรือไม่”
พูดจบฉินหรูเหลียงก็มองไปทางเฉินเสียน แล้วพูดขึ้นว่า “โปรดยื่นมือของท่านมาให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”
เฉินเสียนกระตุกคิ้วแล้วเอ่ยว่า “ข้ายินดีให้ความร่วมมือกับท่านแม่ทัพพิสูจน์ความจริง”
ดังนั้นไม่ใช่แค่นาง อวี้เยี่ยนและแม่นมซุยก็ยื่นมือทั้งสองข้างออกมา มือทั้งสามคู่นั้นสีขาวสะอาด ไม่มีคราบเลือดเลยแม้แต่น้อย
ฉินหรูเหลียงหันมองไปที่มือของหลิ่วเหมยอู่อีกครั้ง แล้วพูดเสียงต่ำว่า “มีเพียงแต่มือของเจ้า ที่เต็มไปด้วยเลือดของเจ้าเอง”
ดวงตาของหลิ่วเหมยอู่สั่นเทา สีหน้าขาวซีด “ท่านแม่ทัพคิดว่า ข้าเป็นคนทำร้ายตัวเองด้วยมือของข้าเอง?”
“แล้วมันจริงหรือไม่ เจ้ารู้อยู่แก่ใจไม่ใช่รึ?”
หลิ่วเหมยอู่จุกอยู่ในลำคอ วันนี้เพิ่งจะได้รับรู้ถึงความเสียใจที่แท้จริง เสียงสะอื้นออกจากลำคอ มองไปทางฉินหรูเหลียงด้วยน้ำตาขุ่นมัว “มันตั้งแต่เมื่อไหรกัน ที่ท่านไม่ยินดีเชื่อใจข้าแล้ว?แต่ก่อนท่านมักจะยืนอยู่ข้างๆข้าเสมอ”
หลิ่วเหมยอู่มองไปที่เฉินเสียนอย่างหมดหวัง แล้วถามฉินหรูเหลียง “มันเป็นเพราะนางใช่ไหม?ท่านรักนาง แล้วจึงไม่รักข้า?”
นางตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง “แต่ท่านคงจะยังไม่รู้ ทั้งหมดเป็นแผนที่นางตั้งใจวางไว้! ท่านแม่ทัพท่านรู้หรือไม่รู้กันแน่! ท่านคงจะไม่รู้ว่านางอำมหิตมากแค่ไหน นางชั่วร้ายมากแค่ไหน !”
สายตาของฉินหรูเหลียงเต็มไปด้วยความโกรธ แต่ก็แฝงไปด้วยความผิดหวังอย่างมาก
เขาพูด “มาถึงตอนนี้ เจ้ายังจะไปโทษเฉินเสียนอีกรึ จริงๆแล้วคนที่ใจดำอำมหิตและชั่วร้ายอย่างนี้ ที่แท้เป็นเจ้าหรือนางกันแน่?”
หลิ่วเหมยอู่สะเทือนใจ“ท่านแม่ทัพหมายความอะไร?”
ฉินหรูเหลียงพูด “เจ้าบอกว่าข้าไม่เชื่อเจ้าแล้ว ใช่ แต่ก่อนมีเรื่องอะไรข้าก็มักจะยืนอยู่ข้างๆเจ้าเสมอ แต่เจ้ามักนำความเชื่อใจของข้าไปใช้ตามใจตัวเอง” เขามองไปที่หลิ่วเหมยอู่ “ตอนนี้ความเชื่อใจของข้าก็ถูกเจ้าใช้ไปจนหมดแล้ว”
“ไม่ได้ทำ ……ข้าไม่ได้ทำ……”
“ตอนที่เจ้าแต่งงานกับข้า เจ้าใช้ช่วงเวลาที่ข้าไปออกราชการ ได้ทำลายใบหน้าของเฉินเสียน แล้วไล่นางออกจากบ้าน?”ฉินหรูเหลียงพูดขึ้นอย่างใจเย็น
หลิ่วเหมยอู่มองอย่างดุร้ายไปที่เฉินเสียน แล้วพูดว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านอย่าได้ฟังคำพูดเหลวไหลของนาง!ท่านกลับมาพร้อมนาง หรือว่าท่านแม่ทัพทิ้งเรื่องข้าไปหมดแล้ว?”
ฉินหรูเหลียงมองไปที่หน้าของนาง แล้วพูดว่า“ข้าไม่ได้ฟังนางพูด ข้าฟังเซียงซั่นที่อยู่หอหมิงเย่ว์พูด นางเล่าเรื่องราวเก่าๆที่ผ่านมาให้ข้าฟัง”
หลิ่วเหมยอู่สั่นเทา รูม่านตาดำขยายกว้าง “ท่านไปเจอเซียงซั่นที่หอหมิงเย่ว์ ?!”
ฉินหรูเหลียงพูด “แล้วยังครั้งนั้น เจ้าก็ตัดเสื้อผ้าด้วยกรรไกรเช่นนี้ แล้วทำร้ายตัวเองให้เป็นแผล เจ้าก็ใส่ร้ายว่าเฉินเสียนเป็นคนทำ แล้วอีกครั้งตอนที่เฉินเสียนแพ้ท้อง ข้าก็เกือบที่จะทำความผิดพลาดครั้งใหญ่”
“ไม่ ……ไม่ เซียงซั่นมันคนโกหก…… นั่นเพราะนางจงใจ คิดอยากจะแก้แค้นข้า……”
“สระน้ำที่มีปลิงครั้งนั้น เจ้ากับเซียงซั่นพาเฉินเสียนไป แล้วคิดจะผลักนางให้ตกลงไปใบสระน้ำนั่น หวังว่าจะให้นางโดดดูดเลือดจนตาย ใช่หรือไม่?” ฉินหรูเหลียงมีสีหน้าที่ยากจะอธิบาย “เพียงแต่สุดท้ายคนที่ตกลงไปก็คือเจ้าเอง แล้วเจ้าก็โยนความให้แก่เฉินเสียน”
“ไม่จริง……ไม่ใช่อย่างนั้น!”
“เรื่องพวกนั้นก็ชั่งมันเถิด ดีที่สุดท้ายไม่มีใครเป็นอะไร”ฉินหรูเหลียงพูดด้วยสีหน้าดูหมองคล้ำลง“เหมยอู่ เจ้าจำเรื่องรกมนุษย์ได้หรือไม่?”
หลิ่วเหมยอู่สำลักลมหายใจ กดตัวต่ำลงไปกับพื้น
ฉินหรูเหลียงพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า “เวลานั้นเจ้าโดนพิษ หมอบอกว่าต้องใช้รกมนุษย์มาปรุงยา อาการของเจ้าถึงจะดีขึ้น ข้าออกไปหาอยู่สองวันก็ยังไม่เจอรกมนุษย์ที่เหมาะสม สุดท้ายก็ต้องใช้รกมนุษย์ของเฉินเสียนอย่างไม่มีทางเลือก หลิ่วเหมยอู่ เจ้าวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้วใช่หรือไม่?”
“ไม่ใช่ ข้าไม่ได้ทำ!”หลิ่วเหมยอู่พูดแก้ตัว“หมอบอกว่ารกมนุษย์นั้นช่วยรักษาข้าได้!ตอนนั้นข้าโดนพิษอยู่ ข้าจะไปรู้เรื่องได้อย่างไร!”
“แต่พิษสั่วเซียนโหวมันร้ายแรงมาก เจ้าโดนพิษตั้งหลายวัน ทำไมพิษถึงไม่ทำให้เจ้าตายรึ?”
“อาจจะเพราะว่าข้าโดนพิษไม่หนัก……”
“ตอนที่ข้าได้เผชิญหน้ากับเย่เหลียง ข้าได้สัมผัสกับพิษสั่วเซียนโหว ได้ยินมาว่ายาถอนพิษนี้ ไม่ได้ใช้รกมนุษย์มาปรุงยาแต่ต้องใช้พิษของแมลงที่มีพิษ ถึงจะสามารถถอนพิษได้”
“เหลวไหล จริงๆแล้วไม่ใช่อย่างนี้……”
ฉินหรูเหลียงพูดขึ้นอีกว่า “ดังนั้นเรื่องที่เจ้าโดนพิษสั่วเซียนโหว ไม่ใช่เพราะการถูกข่มขู่จากนักฆ่า แต่เพราะว่าเจ้านั้นร่วมมือกันเพื่ออำพลางความผิดสินะ เวลานั้นเจ้าได้ใช้ประโยชน์จากความรักและความเชื่อใจของข้า ไม่เพียงแต่จะซ่อนนักฆ่าไว้ สุดท้ายก็ปล่อยให้นักฆ่าหนีไป ”
หลิ่วเหมยอู่ดึงชายเสื้อของฉินหรูเหลียง แล้วพูดขึ้นด้วยร้องไห้ “ข้าไม่ได้ทำ……ข้าไม่ได้ทำ……ท่านแม่ทัพได้โปรดเชื่อข้า ข้าถูกข่มขู่ฆ่า……”
“นักฆ่าที่เจ้าซ่อนไว้ก็คือหลิ่วเฉียนเฮ้อพี่ชายแท้ๆของเจ้า เขาเป็นคนให้ยาพิษกับเจ้า เจ้าถึงโดนวางยา ทางแรกก็ได้ช่วยให้หลิ่วเฉียนเฮ้อให้มีโอกาสหนีได้ อีกทางก็ทำร้ายเฉินเสียนและลูกในท้องที่กำลังจะคลอดออกมา ข้าพูดถูกใช่รึไม่?”
หลิ่วเหมยอู่พูด “ท่านแม่ทัพ ท่านต้องเชื่อข้า ข้าไม่คิดจะทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน!ท่านอย่าไปฟังคำพูดให้ร้ายของนาง นางต้องการจะทำร้ายข้า!ข้าไม่เคยเจอพี่ชายแท้ๆของข้า ข้าไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับรกมนุษย์ที่จะมาปรุงยาถอนพิษให้กับข้าเลย……”
หลิ่วเหมยอู่จ้องมองเฉินเสียนอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ร้องเสียงแหบขึ้นมาว่า“ทำไมเจ้าถึงอยากจะทำร้ายข้า ทำไมต้องพูดให้ร้ายข้า!ชั่วร้ายเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วกรรมจะตามสนองเจ้า เจ้าไม่ตายดีแน่!”
หลังจากที่เสียงพูดจบ ฉินหรูเหลียงก็ตบไปที่หน้าของหลิ่วเหมยอู่ทันที
ฉินหรูเหลียงพูด “ถ้าเจ้ายอมรับผิดตั้งแต่แรก มันก็อาจจะดี แต่มาถึงตอนนี้เจ้ายังดันทุรังไม่ยอมรับความจริงอีก เจ้าบอกว่าเซียงซั่นใส่ร้ายเจ้า บอกว่าเฉินเสียนใส่ร้ายเจ้า ทุกคนใส่ร้ายเจ้า แล้วหลิ่วเฉียนเฮ้อพี่ชายแท้ๆของเจ้า จะไม่ใส่ร้ายเจ้างั้นรึ”
“ท่าน……พูดเรื่องอะไร……”
“เขาเป็นคนยอมรับด้วยปากของเขาเอง พิษสั่วเซียนโหวที่ให้เจ้านั้น เขาได้ให้ยาถอนพิษกับเจ้าไว้ก่อนแล้ว เขาเป็นคนบอกเองว่ายาถอนพิษนั้นไม่มีส่วนประกอบของรกมนุษย์ในการปรุงยา ต้องใช้พิษจากแมลงที่มีพิษทั้งหมด ในมือของเจ้ามียาถอนพิษอยู่แล้วแต่กลับแกล้งป่วยหนัก ให้หมอนำรกมนุษย์มาปรุงยาให้เจ้า เฉินเสียนที่ใกล้จะถึงกำหนดคลอดลูก แต่เจ้าก็จงใจที่จะใช้รกมนุษย์”
หลิ่วเหมยอู่ส่ายหัว ยังคงไม่มีทางเชื่อ“เป็นไปไม่ได้ ท่านไม่มีทางเจอกับพี่ชายของข้าได้ แล้วเขาก็ไม่มีทางบอกกับท่านเช่นนี้……”