กี่ครั้งแล้วที่เธอตะโกนเรียกเขาทั้งในยามที่มีสติและยามที่โง่เขลา หรูเหลียง… ในยามนั้นเธอน่าจะใช้ความตั้งใจและความรู้สึกทั้งหมดที่ตัวเองมีแล้ว
แต่เขาไม่เคยขานรับเลยสักครั้ง
เขาคิดว่าไม่ว่าจะเป็นตอนเด็กหรือตอนโต คนเดียวที่อยู่ในใจของเฉินเสียนคืออาจารย์ของเธอ
แต่ทันใดนั้นภาพในอดีตก็ผุดขึ้นมาในความคิด ฉินหรูเหลียงตระหนักได้ว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ในหัวใจของเธอเคยมีเขา
ฉินหรูเหลียงเคยนึกเสียใจที่ช่วยชีวิตเธอ เพราะการที่เขาช่วยชีวิตเธอทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับการถูกยึดทรัพย์ของตระกูลหลิ่ว ทำให้เขาทำอะไรไม่ได้เลยเมื่อหลิ่วเหมยอู่ถูกเนรเทศ
เพราะหลิ่วเหมยอู่เขาจึงโกรธเธอ เกลียดชังเธอ
ถ้าหากในตอนนั้นเขาไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือและเฝ้ามองเธอตายไปต่อหน้า… เมื่อก่อนเขาเคยมีความคิดเช่นนี้ แต่เมื่อคิดถึงอีกครั้งในตอนนี้ ฉินหรูเหลียงถึงเพิ่งรู้สึกว่าตนเองน่ารังเกียจมาก
หากเฉินเสียนตายไปแล้ว เขาคงไม่มีทางรู้เรื่องเหล่านี้เลยจวบจนชั่วชีวิต และเขาคงจะใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขกับหลิ่วเหมยอู่
แต่ตอนนี้เขารู้เรื่องทุกอย่างแล้ว
แท้จริงแล้วเฉินเสียนไม่ได้เป็นฝ่ายทอดทิ้งเขาก่อน แต่เป็นเขาต่างหากที่ทอดทิ้งเธอ
หลิ่วเหมยอู่ผู้ซึ่งแสดงออกว่ารักเขามาตลอดเป็นคนจงใจวางแผนทำเรื่องทั้งหมดนี้
ในตอนนั้นนางเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง
ถ้าเขารู้ตั้งแต่แรกเรื่องราวคงจะเป็นไปด้วยดีกว่านี้ เขาคงจะทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องน้อยลง เย็นชาต่อเฉินเสียนน้อยลง เกลียดเธอน้อยลง และจะไม่มีทางทอดทิ้งเธอ จะคอยปกป้องอยู่ข้างกายเธอเสมอ
และจะไม่ตกอยู่ในภาวะที่ยากลำบากดั่งเช่นทุกวันนี้
เดิมทีเฉินเสียนไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าในอดีตมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เธอมีจุดประสงค์ชัดเจนที่ทำเช่นนี้ เธอไม่ได้ทำเพื่อเรียกร้องความบริสุทธิ์ให้อดีตเฉินเสียน แต่ทำเพื่อให้ฉินหรูเหลียงได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของหลิ่วเหมยอู่
เฉินเสียนกล่าวว่า “หลังจากฟังเจ้าเล่ามามากมาย ดูเหมือนคนที่เสียหายจะเป็นข้า เจ้าแย่งสหายของข้าไปและทำให้เรากลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน ความจริงข้าควรเป็นฝ่ายเกลียดเจ้า แต่ดูเหมือนเจ้าจะเป็นฝ่ายเกลียดข้าเสียเอง ข้าเป็นหนี้เจ้างั้นหรือ”
การแสดงออกบนใบหน้าของหลิ่วเหมยอู่เปลี่ยนไปเป็นเกรี้ยวกราด นางกล่าวว่า “ท่านเกลียดข้า? ท่านมีสิทธิ์อะไรมาเกลียดข้า! ถ้าความรู้สึกของพวกท่านลึกซึ้งขนาดนั้น เหตุใดข้าจึงชิงเขาไปได้!”
หลิ่วเหมยอู่เชิดหน้าขึ้น “เฉินเสียน แน่นอนว่าท่านติดหนี้ข้า ข้าคิดไม่ถึงเลย… เขาใช้เวลาตั้งนานกว่าจะลืมท่าน แต่ในท้ายที่สุดเขากลับไปช่วยท่านทั้งที่ไม่ควรเลย!”
“ท่านมันก็แค่ตัวซวยในราชวงศ์เก่า มีค่าอะไรให้เขาไปช่วย! เหตุใดเขาจึงยังไม่ลืมมิตรภาพเก่าๆ และปล่อยให้ท่านมีชีวิตรอดไปได้!”
หลิ่วเหมยอู่ตาแดงก่ำ “เช่นนี้ข้าไม่ควรเกลียดท่านหรอกหรือ? ผู้คนมากมายในตระกูลหลิ่วของข้า รวมถึงชีวิตบิดาของข้า ทุกคนล้วนได้รับผลกระทบเพราะท่าน และครอบครัวของข้าต้องพังทลาย!”
เฉินเสียนเอ่ยว่า “นั่นเป็นเพราะบิดาของเจ้าวางแผนจะฆ่าพระราชบิดาขององค์จักรพรรดิ หลังจากจักรพรรดิขึ้นครองบัลลังก์แล้วมีหรือที่พระองค์จะไม่คิดแก้แค้น สถานการณ์เปลี่ยนผัน สิ่งนี้ก็ได้รับผลกระทบจากข้าด้วยหรือ”
“เพราะท่านเป็นองค์หญิงแห่งราชวงศ์ก่อน! หากท่านตายตั้งแต่ตอนนั้น บางทีอาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับตระกูลหลิ่วของข้า!”
หลิ่วเหมยอู่กัดฟันกรอด ทั้งโศกเศร้าและเจ็บปวด “ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านแม่ทัพจึงช่วยท่านได้ แต่กลับช่วยข้าไม่ได้ ช่วยตระกูลหลิ่วไม่ได้! ทำไมข้าจะต้องตกระกำลำบากและทุกทรมานจากการถูกเนรเทศ! แบบนี้จะไม่ให้ข้าเกลียดท่านได้อย่างไร!”
“เดิมทีข้าคิดว่าเมื่อท่านแม่ทัพไปรับข้ากลับมาจากชายแดน วันที่ยากลำบากของข้าจะสิ้นสุดลง ในที่สุดข้าก็ได้ในสิ่งที่ต้องการ ได้อยู่กับท่านแม่ทัพไปจนแก่เฒ่า…”
“ท่านแม่ทัพบอกว่าในชีวิตนี้เขาจะแต่งงานกับข้าเพียงคนเดียว จะทำให้ข้าเป็นภรรยาของแม่ทัพเช่นเขาอย่างถูกต้อง เขาจะคอยปกป้องข้าตลอดไป…”
“แต่ข้าไม่คิดเลยสักนิดว่าหลังกลับมาเมืองหลวงได้ไม่นาน จะมีพระราชโองการลงมาราวกับสายฟ้าฟาดในวันที่อากาศสดใส ให้ท่านแต่งงานเป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นท่านที่ข้าเกลียดมากที่สุด!”
หลิ่วเหมยอู่เอ่ยอย่างบ้าคลั่ง “ท่านรู้หรือไม่ว่าถ้าไม่มีท่าน ท่านแม่ทัพจะต้องเป็นของข้า ตำแหน่งภรรยาของแม่ทัพก็ต้องเป็นของข้า! ทันใดนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของข้า สุดท้ายก็ถูกท่านคว้าไปมือเปล่า!”
“ในที่สุดเรื่องระหว่างข้ากับท่านแม่ทัพก็บรรลุผล แต่เหตุใดท่านจึงยังอยู่จองล้างจองผลาญ! ข้าไม่ยอมให้ท่านปรากฏตัวต่อหน้าท่านแม่ทัพ ข้าไม่ยอมให้ท่านอยู่ในจวนแห่งนี้ ข้าต้องการให้ท่านหายไปตลอดกาล!”
ความจริงแล้วนางเพียงแค่กลัวว่า ภายในก้นบึ้งของหัวใจของฉินหรูเหลียงจะยังมีตำแหน่งซึ่งเหลือว่างไว้เสมอสำหรับเฉินเสียน
เพียงแต่หลิ่วเหมยอู่ไม่มีวันจะได้เห็นหรือได้สัมผัสตำแหน่งที่ว่านั้น
นางกลัวว่าเมื่อเฉินเสียนกลับมา เธอจะกลับเข้าไปในหัวใจของฉินหรูเหลียงอีกครั้ง
ฉินหรูเหลียงจะกลับมารักเฉินเสียนอีกครั้ง
แต่ข้อเท็จจริงในท้ายที่สุดก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่ว่านางจะพยายามสักเพียงใด นางก็หลีกเลี่ยงผลลัพธ์ดังกล่าวไม่ได้
ความพยายามอย่างอุตสาหะของนาง ท้ายที่สุดแล้วก็กลายเป็นเหมือนการเอาตะกร้าไปตักน้ำและได้มาเพียงความว่างเปล่า
หลิ่วเหมยอู่กล่าวว่า “เฉินเสียน ท่านแย่งชิงทุกอย่างไปจากข้า! นี่น่ะหรือที่ข้าไม่ควรเคียดแค้นชิงชังท่าน!”
เฉินเสียนกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันและเอ่ยว่า “จิตใจของเจ้าว้าวุ่น เจ้าพยายามทุกวิถีทางเพื่อทำลายมิตรภาพระหว่างข้ากับฉินหรูเหลียงให้แหลกสลาย แต่ต่อมาเจ้ากลับมาโทษว่าข้าแย่งทุกสิ่งทุกอย่างมาจากเจ้า?”
เธอเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “เหมยอู่ ทำอะไรไว้ก็ย่อมได้รับสิ่งนั้นกลับคืน เจ้าไม่มีทางโชคดีไปตลอดหรอกนะ”
หลิ่วเหมยอู่น้ำตาไหลอาบหน้า เอ่ยอย่างไม่ยอมว่า “เฉินเสียน ท่านลำพองใจนักใช่ไหม อย่าหลงคิดว่าตอนนี้ท่านแม่ทัพจะยอมรับท่าน ข้าจะบอกให้ว่าท่านไม่มีทางได้รับมัน!”
“ตอนนี้ท่านแม่ทัพเพียงแค่เพิกเฉยต่อข้าแค่ชั่วคราว ข้าเชื่อว่าเขายังคงรักข้าและมีข้าอยู่ในหัวใจมาโดยตลอด อีกไม่นานเขาจะกลับมาอยู่ข้างกายข้า รักข้าเหมือนดั่งเช่นที่เคยเป็นมา…”
หลิ่วเหมยอู่เอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด “และท่านก็เป็นแค่ผู้หญิงสารเลวที่มาแย่งชิงความรักของข้า! ท่านรอก่อนเถอะ ข้าจะต้องหาวิธีฉีกหน้ากากของท่านให้ได้ จะทำให้ท่านแม่ทัพเห็นกับตา ว่าท่านมันชั่วร้ายขนาดไหน…”
เมื่อฉินหรูเหลียงเดินออกมาจากด้านหลังฉากกั้น หลิ่วเหมยอู่ที่เงยหน้าและมองเห็นเขาก็มึนงงจนทำอะไรไม่ถูก แล้วคำพูดชั่วร้ายที่ออกมาจากปากก็หยุดชะงักลงทันที
หลิ่วเหมยอู่ตัวสั่นสะท้าน เสียงของนางดูเหมือนจะขาดหายไป นางลุกลี้ลุกลนไม่รู้จะรับมืออย่างไร “ทะ ท่านแม่ทัพ ทะ ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร”
ฉินหรูเหลียงก้าวเข้ามาทีละก้าวโดยไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่มองนางด้วยแววตาที่มืดมนและห่างเหิน
เฉินเสียนที่อยู่ข้างๆ เอ่ยออกมาราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ “เห็นทีจะไม่ได้แล้วละ ความปรารถนาดีของเจ้าล้มเหลวเสียแล้ว ฉินหรูเหลียง ถ้าข้าเป็นคนพูดสิ่งเหล่านี้ ท่านอาจจะยังไม่เชื่อ ตอนนี้ท่านได้ฟังนางเล่าออกมาจากปากของนางเอง มันน่าจะทำให้ท่านเชื่อได้มากกว่าข้า”
“เป็นท่าน” หลิ่วเหมยอู่ถลึงตาใส่เฉินเสียนอย่างดุร้าย “ท่านจงใจให้ข้าพูด วางแผนให้ท่านแม่ทัพซ่อนอยู่ในห้องของท่านงั้นเหรอ!”
เฉินเสียนบอกว่า “ข้าไม่ได้ปิดบังเจ้าเสียหน่อย ก่อนที่เจ้าจะมาที่นี่ ท่านแม่ทัพบังเอิญมาอยู่กับข้าพอดี ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากขอความเมตตาแทนพี่ชายของเจ้าหรอกหรือ ตอนนี้ท่านแม่ทัพอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้วไง เท่านี้เจ้าก็ขอร้องเขาด้วยตัวเองได้แล้ว”
“คนต่ำช้าอย่างท่านตั้งใจจะทำร้ายข้า ข้าจะฆ่าท่าน!” ทันใดนั้นหลิ่วเหมยอู่ก็พุ่งเข้าไปหาเฉินเสียนหวังจะฉีกทึ้งเธอ
แต่น่าเสียดาย ยังไม่ทันที่นางจะได้แตะต้องเฉินเสียน ฉินหรูเหลียงก็เข้ามาขวางเอาไว้เบื้องหน้าของนางเสียแล้ว เขาคว้าข้อมือของนางไว้และเหวี่ยงนางลงพื้นอย่างไร้ความปรานี
หลิ่วเหมยอู่คว้าชายเสื้อของฉินหรูเหลียง ขณะที่ร่างก็ค่อยๆ ไถลลงไปกับพื้น นางคุกเข่าลงต่อหน้าฉินหรูเหลียงและร้องไห้พลางเอ่ยว่า “ท่านแม่ทัพ… ทั้งหมดนั่นไม่ใช่เรื่องจริง นางจงใจใส่ร้ายเหมยอู่… ท่านแม่ทัพ ท่านต้องชื่อเหมยอู่นะเจ้าคะ… เหมยอู่รักท่านจริงๆ…”