ฉินหรูเหลียงหยุดเดิน ไม่หันกลับมา แต่ตอบนางว่า “ข้ารู้ แต่ข้ายังไม่ต้องการที่จะยอมแพ้ ข้าต้องการจะตามกลับมา ไม่ใช่แค่อดีตที่เคยหายไปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสูญเสียในตัวข้าเอง”
หลายปีที่ผ่านมา เขาผิดพลาดมาโดยตลอด
ถึงแม้ว่าเฉินเสียนไม่รักเขาแล้ว ก็ไม่เป็นไร
เขารู้ว่าอดีตตัวเอง ก็เคยได้ครอบครองมาแล้ว
เฉินเสียนคิดว่าฉินหรูเหลียงเป็นบ้าไปแล้ว
หากเป็นกลุ่มเชิงกลยุทธ์กับนาง นางคงจะค่อนข้างเต็มใจ แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับความรู้สึก ก็ทำให้คนปวดหัวได้
ระหว่างทางกลับ ฉินหรูเหลียงไม่ได้ขัดขวางระยะห่างของเฉินเสียนกับซูเจ๋อ นางยังคิดว่าฉินหรูเหลียงตื่นแล้ว คิดได้แล้ว และปล่อยมือไป
แต่คาดไม่ถึง จะได้กลับมาพันพัวไม่หยุดเช่นนี้
อดีตได้ผ่านไปนานมากแล้ว จากนั้นก่อนหน้านี้เป็นเพียงเรื่องระหว่างเฉินเสียนกับฉินหรูเหลียง
เหตุผลที่เฉินเสียนเลือกที่จะเปิดเผยความจริง ก็เพียงเพื่อให้ฉินหรูเหลียงดูหลิ่วเหมยอู่ชัดๆ และเพื่อขจัดความคับข้องใจของอดีตเฉินเสียน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ความจริงในอดีตเหล่านั้นได้จุดประกายจิตใจการต่อสู้ของฉินหรูเหลียง และดูเหมือนจะเอาตัวเองเข้าไปแล้ว แทบจะเสียเปรียบจริงๆ
เฉินเสียนเช็ดปากตัวเองเช็ดแล้วเช็ดอีก เช็ดจนแดงบวมกว่าเมื่อวาน หันกลับมาเห็นอวี้เยี่ยนที่ยังดูทื่อๆ อดที่จะพูดอย่างเข้มงวดว่า “สูญเสียวิญญาณไปแล้ว?”
อวี้เยี่ยนมีสติกลับมา มองไปที่เฉินเสียนอย่างไร้เดียงสา “เพคะ?”
เมื่อครู่เห็นความดุร้ายของฉินหรูเหลียง เจ้ายืนดูอยู่ข้างๆ ทำไมถึงไม่หยุดยั้งเขา” เฉินเสียนถาม
“บ่าว……บ่าว……..” อวี้เยี่ยนเบิกดวงตาใสๆ กว้างๆ กับใบหน้าที่แดงก่ำ “จนถึงตอนนี้ยังมีปฏิกิริยาบางอย่างที่ยังไม่กลับมา………”
ใช่ นางเป็นสาวใช้ตัวน้อยๆ ปกติรู้แค่ว่าต้องดูแลเจ้านาย อารมณ์ทางโลกคือความว่างเปล่า จะมีประสบการณ์ระหว่างชายหญิงได้อย่างไร
ภาพเมื่อครู่ แค่บอกให้นางดูก็หน้าแดงใจเต้นแรงแล้ว ก็รู้สึกว่าเป็นการขาดมารยาทในช่วงกลางวันแสกๆ และได้แต่บ่นในใจอย่าเมินเฉย และยังจะให้ก้าวขึ้นมาขัดขวางได้อย่างไร
นอกจากนี้ แม้แต่อวี้เยี่ยนก็ยังสัมผัสได้ ตอนนี้แม่ทัพไม่มีความอาฆาตพยาบาทต่อองค์หญิงอีกต่อไป เขาเพียงจะดีต่อองค์หญิงเท่านั้น แม้แต่การจูบที่รุนแรงอย่างกะทันหันนี้ สามารถทำให้นางรู้สึกถึงความรักของท่านแม่ทัพที่มีต่อองค์หญิงอย่างเต็มที่
อวี้เยี่ยนรู้สึกเป็นการส่วนตัวว่า นี้ดีกว่าคนที่แซ่ซูนั้นอีก
เฉินเสียนก็ไม่ได้อะไรกับนาง เพียงแค่พูดว่า “ครั้งต่อไปให้ตอบสนองเร็วหน่อย อย่าปล่อยให้เจ้าสารเลวนั้นประสบความสำเร็จ”
“แม้แต่องค์หญิงก็ยังตอบสนองไม่ทัน กับบ่าวยิ่งไม่ต้องพูดถึง…….” อวี้เยี่ยนยังพูดไม่จบ เฉินเสียนใช้สายตามองผ่านมา และบอกให้นางหุบปาก
เฉินเสียนพูด “เจ้าไปตักน้ำมาเถอะ”
“องค์หญิง ตักน้ำมาทำอะไรหรือเพคะ?”
“บ้วนปาก”
อวี้เยี่ยนพูดบ่น “ก็แค่จูบนิดเดียวเท่านั้น บ่าวคิดว่าไม่จำเป็นต้องบ้วนปาก…..เพคะ”
เฉินเสียนเหลือบมองนางอย่างเฉยเมย นางหันหน้าแล้วเดินออกไปข้างนอกและพูดว่า “องค์หญิงโปรดรอสักครู่ บ่าวจะไปตักน้ำมาให้องค์หญิงเพคะ!”
เฉินเสียนมองไปที่ด้านหลังของอวี้เยี่ยน และรู้สึกได้อย่างไรว่าสาวใช้ของตัวเองกำลังจะถูกคนอื่นลักพาตัวไป
ไม่นานอวี้เยี่ยนก็ได้นำน้ำที่ตักมา และเฉินเสียนยืนอยู่ใต้ชายคา บ้วนปากครั้งแล้วครั้งเล่า
อวี้เยี่ยนพูดอยู่ว่า “องค์หญิง พอเถอะ ท่านล้างหลายรอบแล้วนะเพคะ…..หากล้างอีก บ่าวเกรงว่าหนังริมฝีปากของท่านจะถูกทำลายไป”
เฉินเสียนพูดทั้งที่ยังอมน้ำอยู่ในปาก “ไม่ได้ ข้ายังต้องล้างมันอีกรอบ”
ขณะที่เฉินเสียนจัดการปัญหาในการชำระล้าง อวี้เยี่ยนก็เริ่มพูดพึมพำอยู่ข้างๆ “อันที่จริง บ่าวคิดว่าแม่ทัพหลังจากที่เขากลับเนื้อกลับตัวแล้วก็ดีเหมือนกันนะเพคะ”
เฉินเสียนไม่มีเวลามาสนใจ นางได้พูดอีกครั้ง “ไม่ใช่มีคำกล่าวที่ว่า คนเสเพลกลับตัวใหม่ แม้แต่ทองคำก็ไม่อาจจะแลกได้หรือเพคะ ท่านแม่ทัพได้กลับใจแล้ว นั้นเป็นทองพันตำลึงก็หาซื้อไม่ได้”
“ตอนนี้แม่นางหลิ่วไม่อยู่แล้ว มีเพียงองค์หญิงที่เป็นภริยาเองเพียงคนเดียว และแม่ทัพก็อุทิศตนเพื่อองค์หญิงมาก บ่าวรู้สึกว่ายังไงก็ดีกว่าคนข้างนอกบางคน……”
เฉินเสียนบ้วนน้ำออก หันหน้าเหลือบตามองอวี้เยี่ยน อวี้เยี่ยนกระอึกกระอัก จะหยุดก็ไม่ใช่ จะพูดต่อไปก็ไม่เชิง
เฉินเสียนเลิกคิ้วพูดว่า “ฉินหรูเหลียงดีขนาดนั้นเลยหรือ?”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ อวี้เยี่ยนอารมณ์มาแล้วและพูดว่า “ไม่ใช่เช่นนั้น บ่าวเป็นห่วงองค์หญิงมาก และไม่มีใครเป็นรองอีกแล้ว ก่อนหน้านั้นแม้ว่าท่านแม่ทัพเคยถูกแม่นางหลิ่วหลอกมาก่อน แต่ตอนนี้ท่านแม่ทัพได้ตื่นขึ้นมาแล้ว เพียงแค่ดู ทัศนคติที่แน่วแน่ของเขาต่อตระกูลหลิ่ว ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเขาได้กลับตัวกลับใจเป็นคนดี”
อวี้เยี่ยนเหลือบมองเฉินเสียน และพูดอย่างหยั่งเชิงว่า “หรือไม่ องค์หญิงจะพิจารณาใหม่อีกครั้ง?”
เฉินเสียนถาม “เจ้าคนนั้นให้ประโยชน์อะไรแก่เจ้า เขาได้เทยาเสน่ห์อะไรให้เจ้าได้เคลิบเคลิ้มแล้ว?”
“ท่านแม่ทัพไม่ได้ให้ประโยชน์แก่บ่าวหรอกเพคะ และไม่ได้เทยาเสน่ห์อะไรให้บ่าวด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นแล้ว ทำไมเจ้าก็ยังอยากที่จะช่วยเขาพูดด้วย”เฉินเสียนพูด “เจ้าทรยศไปอยู่ฝั่งเขาตั้งแต่เมื่อใด?”
“บ่าวมองว่าเป็นเพียงเชื่อในสิ่งที่เห็น พูดตามความจริง”
เฉินเสียนหรี่ตาลง “เจ้าคิดว่าคนคนนั้นดีขนาดนี้ งั้นข้าก็จะส่งเจ้าไปปรนนิบัติเขาที่นั่น?”
อวี้เยี่ยนได้ยินก็ตกใจกลัว ย้ำเท้าสองที “ในใจบ่าวมีเพียงแค่องค์หญิง องค์หญิงยังเยาะเย้ยบ่าว! บ่าวจะไม่ไปไหนทั้งสิ้นเพคะ!”
เฉินเสียนส่งแก้วให้นาง “ตักน้ำมาอีก”
เมื่อครู่ที่ฉินหรูเหลียงยังอยู่ แม่นมซุยไม่ได้อยู่ที่จวนสวนสระวสันตฤดู ตอนนี้กลับมาที่สวนสระวสันตฤดูแล้ว เห็นว่าบรรยากาศค่อนข้างแปลกเล็กน้อย และพูดว่า “องค์หญิงบ้วนปากทำไมเพคะ เวลายังไม่ค่ำเลย นี้ต้องการจะพักผ่อนแล้วหรือเพคะ?”
เฉินเสียนไม่มีเวลาจะอธิบายให้อวี้เยี่ยนฟังว่า เรื่องที่ฉินหรูเหลียงทำเลวไว้ห้ามไม่ให้แม่นมซุยรู้
แล้วใครจะคิดได้เล่าว่าอวี้เยี่ยนจะตอบสนองเร็วกว่าใครในครั้งนี้ เฉินเสียนหยุดไม่ทัน ดังนั้นจึงฟังนางเปิดปากพูด “ท่านแม่ทัพเพิ่งมาที่นี่ และอย่างที่เห็นว่าองค์หญิงกำลังล้างปากเจ้าค่ะ”
แม่นมซุยตะลึง “ท่านแม่ทัพมากับองค์หญิงบ้วนปาก………เกี่ยวข้องอะไรกัน?”
“นั้น อวี้เยี่ยนเจ้าเข้าไป…….”
เฉินเสียนยังพูดไม่จบ อวี้เยี่ยนก็พูดต่อเรื่อยๆ “ก็ที่ท่านแม่ทัพมาได้จูบองค์หญิงสิเจ้าคะ”
เฉินเสียนกุมหน้าผาก “อวี้เยี่ยน เจ้าพูดมากไปแล้ว”
แม่นมซุยตกใจมาก “จูบองค์หญิง? อวี้เยี่ยนเจ้าปล่อยให้แม่ทัพมาเหลาะแหละกับองค์หญิงได้เช่นไร?!”
อวี้เยี่ยนพูด “ท่านแม่ทัพกับองค์หญิงยังเป็นสามีภรรยากัน นี้ไม่ถือว่าเหลาะแหละกะมั้งเจ้าค่ะ? ข้ารู้สึกว่าค่อนข้างสมเหตุสมผล และแม่ทัพนั้นทั้งแข็งแกร่งและสูงมาก องค์หญิงก็ยังขัดขืนไม่ได้ นับประสาอะไรกับข้าจะสามารถไปขัดขวางได้ล่ะ”
เฉินเสียนรู้สึกเป็นตะคริวทั่วใบหน้า
เจ้าอวี้เยี่ยนปากไม่มีหุบ!
พูดไปสองสามประโยค ก็ได้พูดไปจนหมดสิ้น
แม่นมซุยเป็นคนของซูเจ๋อที่จัดมาให้ ต้องอยู่ข้างซูเจ๋อโดยธรรมชาติ และนางก็รู้ ไม่นานเรื่องนี้ก็ต้องไปถึงซูเจ๋ออย่างแน่นอน
ไม่ใช่เฉินเสียนลังเลใจ แต่นางไม่อยากให้ซูเจ๋อรู้เรื่องนี้
นางรู้สึกว่ามีความสัมพันธ์เช่นนี้กับฉินหรูเหลียง และมันเป็นสิ่งที่น่าอายมากเรื่องหนึ่ง
แม่นมซุยมองอวี้เยี่ยน ถอนหายใจแล้วพูดว่า “เจ้า……เอ๊ย เลอะเทอะจริงๆ!”
อวี้เยี่ยนพูด “ข้าไม่ได้เลอะเทอะ ข้าสติดีมาก เกรงว่าคนที่เลอะเทอะน่าจะเป็นเอ้อร์เหนียงกระมัง”
แม่นมซุยไม่ได้สนใจนาง รีบมองดูเฉินเสียนอย่างตกใจ พูดอย่างเป็นห่วงว่า “ท่านแม่ทัพได้บังคับองค์หญิงไหมเพคะ? เป็นความผิดของบ่าวเอง หากรู้แต่แรกว่าท่านแม่ทัพจะมา บ่าวก็จะเฝ้าอยู่ที่เรือนแล้ว”