เฉินเสียนพูดด้วยใบหน้าที่นิ่งเป็นอัมพาต “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า แล้วข้าคิดแค่ว่ามันเป็นแค่สุนัขกัด ล้างอีกสองสามครั้งก็พอแล้ว”
จากนั้นข้าก็มองไปที่อวี้เยี่ยน มองไปที่แม่นมซุย ที่ได้เอาเก้าอี้ไปนั่งอยู่ที่หน้าประตูแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าในช่วงเวลาครึ่งปีที่ข้าไม่อยู่ที่นี่ สงสัยมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับอวี้เยี่ยนและเอ้อร์เหนียง วันนี้ข้าอยู่ที่นี่ ทุกคนมีความเข้าใจผิดอะไรกันก็เปิดใจพูดออกมา จะได้ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดกัน”
อวี้เยี่ยนกับเอ้อร์เหนียงเพิ่งทะเลาะกันเมื่อครู่ โดยจงใจพูดเรื่องของฉินหรูเหลียง และไม่รู้ว่าเพื่อยั่วยุแม่นมซุยหรือว่าเพื่อยั่วยุซูเจ๋อที่อยู่เบื้องหลังของแม่นมซุย
เฉินเสียนถามขึ้นเมื่อครู่ และทั้งสองคนก็ไม่พูดอะไร
เฉินเสียนพูด “เอ้อร์เหนียง เจ้ามีอะไรจะพูด?”
แม่นมซุยพูด “ตัวบ่าวเองคิดว่าไม่มีความเข้าใจผิดอะไร องค์หญิงถามต้องถามอวี้เยี่ยนเถอะเพคะ”
เฉินเสียนหันกลับไปถาม “อวี้เยี่ยนเจ้าจะว่าอย่างไร มีอะไรก็พูดมาตรงๆ ข้าไม่ชอบอ้อมไปอ้อมมา”
อวี้เยี่ยนกลั้นไว้เป็นเวลานาน แต่ก็ยังพูดอย่างเฉื่อยๆ ว่า “บ่าวเองก็ไม่มีอะไรจะพูดเพคะ”
เฉินเสียนพูด “แล้วเจ้าที่ไม่พอใจเอ้อร์เหนียงนั้นเกิดอะไรขึ้น?”
อวี้เยี่ยนเงยหน้าขึ้น ทำตาปริบๆ และได้หยุดพูด แต่ในที่สุดก็พูดขึ้นว่า “บ่าวไม่มี…….”
เจ้าเด็กนี้ ทั้งที่มีเรื่องในใจ แต่เอ้อร์เหนียงอยู่กับเฉินเสียนมานานมาก นิสัยของนางเป็นเช่นไรเฉินเสียนเข้าใจดี
เฉินเสียนไม่รู้ว่าความเหินห่างระหว่างคนทั้งสองคนนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ไม่มีจริงๆ?”
อวี้เยี่ยนพูด “ตอนที่องค์หญิงไม่อยู่ มีตั้งหลายเรื่องที่เอ้อร์เหนียงได้ตัดสินใจทำ ช่วยบ่าวมากมาย บ่าวเองก็เรียนรู้มากขึ้น เอ้อร์เหนียงเป็นผู้อาวุโส และบ่าวไม่อาจจะไม่ไม่พอใจและมีความคิดเห็นใดๆ ”
คำพูดเหล่านี้นางก็พูดถูก แต่ก็ยังมีเรื่องที่ยังไม่ได้เปิดใจ
“มีแค่นี้?”
อวี้เยี่ยนพูด “มีแค่นี้เพคะ”
“แต่ข้ายังจำได้ว่าตอนที่เจ้าพูดถึงเอ้อร์เหนียงช่างดูไม่มีความสุข และเหมือนมีอะไรจะพูด วันนี้มีโอกาสเจ้าพูดไม่ชัดเจน ต่อไปก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก”
เฉินเสียนยังอยากจะให้โอกาสนางอีกครั้ง เพื่อว่านางมีอะไรให้พูดออกมา
อวี้เยี่ยนกัดปากไม่พูดอะไร
เฉินเสียนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย นิสัยนี้เอาแต่ใจยากกว่านางได้อย่างไร เมื่อให้นางพูดกลับไม่ยอมพูด
แม่นมซุยพูดว่า “องค์หญิง อวี้เยี่ยนนั้นถูกต้องแล้ว อาจเป็นเพราะบ่าวเองที่เป็นคนที่มารับใช้จากที่อื่น ดังนั้นอาจจะยังมีความไม่พอใจอยู่ โปรดขอให้องค์หญิงยกโทษให้อวี้เยี่ยนด้วยเพคะ”
เฉินเสียนพูด “ถ้าไม่มีความเข้าใจผิดอะไร พวกเจ้าทั้งหมดเป็นคนข้างกายข้า ต่อจากนี้ไปจะต้องไม่มีใครมาคุยเรื่องสั้นยาวต่อหน้าข้าอีก หากข้าได้ยินหนึ่งครั้งจะลงโทษหนึ่งครั้ง เรื่องนี้ได้พูดออกไปแล้ว ก็ไม่ต้องพูดถึงอีก”
อวี้เยี่ยนกลับไปทำความสะอาดที่ห้องอย่างไม่มีความสุข
แม่นมซุยยืนอยู่ที่ลาน ยังคงกังวลเล็กน้อยจึงถามว่า “วันนี้แม่ทัพมีการ……ทำให้องค์หญิงลำบากใจหรือไม่เพคะ?”
เฉินเสียนหน้านิ่งพูดว่า “แค่กัดเท่านั้น ไม่มีอะไร”
หยุดไปสักพัก เฉินเสียนก็พูดขึ้นอีกว่า “เรื่องนี้เจ้ารู้แค่คนเดียวพอ ไม่ต้องไปบอกเขา”
แม่นมซุยพูด “องค์หญิงไม่ให้บ่าวพูด บ่าวก็จะไม่พูดออกไปแม้แต่คำเดียว”
ดูเหมือนว่าจะมีความผิดมากกว่านี้ แนวนอนแนวตั้งก็ไม่ถูกทั้งหมด เฉินเสียนอยู่ในอารมณ์ที่แย่มากวันนี้
นอนอยู่บนเตียงในตอนกลางคืน แต่ในหัวใจยังคงทุกข์ทรมานมาก
นางคิดถึงเพียงซูเจ๋อ เพียงแค่อยากนำทุกอย่างที่นางมีให้กับซูเจ๋อ
ไม่ต้องการให้ใครมาแตะต้อง
อวี้เยี่ยนอารมณ์ก็แย่งถึงที่สุด หลังจากเก็บผ้าห่มให้เฉินเสียนแล้ว ก็พูดว่า “องค์หญิงเชิญพักผ่อนเถอะ บ่าวขอตัวก่อน”
“หยุดก่อน”
ตัวของอวี้เยี่ยนได้หยุดนิ่งไป
เฉินเสียนได้พูดขึ้นว่า “กลับมา”
อวี้เยี่ยนค่อยๆ เดินกลับมา ยืนอยู่ที่ข้างเตียงของเฉินเสียน
เฉินเสียนถอนหายใจ น้ำเสียงปล่อยวางอย่างอ่อนโยนเล็กน้อย “ข้ารู้ว่าเจ้าเคารพเอ้อร์เหนียง ถ้ามีความไม่พอใจก็ไม่ใช่มีต่อนาง”
อวี้เยี่ยนยื่นปากเล็กน้อย
เฉินเสียนพูด “ข้าก็รู้ ว่าใจเจ้านั้นหวังดีกับข้า”
อวี้เยี่ยนนั่งคุกเข่าลงข้างเตียง คางวางไว้บนขอบเตียง มองนางอย่างน่าส่งสาร “องค์หญิง……”
เฉินเสียนยื่นมือออกไปบีบหน้ากลมๆ ของนางแล้วพูดว่า “เจ้าบอกข้ามา เขาทำให้เจ้าไม่ชอบเขาได้อย่างไร?” ข้าจำได้ว่าตอนที่ข้าออกจากเมืองหลวง เจ้าไม่ได้ปฏิเสธเขามากขนาดนั้น”
อวี้เยี่ยนอดกลั้นตั้งนาน ในที่สุดก็พูดว่า “เขาเป็นอาจารย์ขององค์หญิง พูดในเรื่องความอาวุโส คือผู้อาวุโสขององค์หญิง”
“ข้ารู้”
อวี้เยี่ยนมองดูดวงตากลมโตและพูดว่า “เมื่ออาณาจักรองค์หญิงถูกทำลาย เขาได้นำขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของราชสำนักเพื่อไปสวามิภักดิ์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการทรยศต่อองค์หญิง”
“เรื่องนี้ข้าก็รู้เหมือนกัน ในตอนนั้นถ้าหากเขาไม่ทำเช่นนั้น ทั้งเขาและขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของราชสำนักก็จะจบลงอย่างน่าอนาถ”
อวี้เยี่ยนพูดอย่างตกตะลึง “เห็นได้ชัดว่า ก่อนหน้านั้นองค์หญิงก็ได้เกลียดเขามาเป็นเวลานาน”
เฉินเสียนพูดอย่างแผ่วเบา “เจ้ารู้แค่พวกนี้ แต่มีอีกมากมายที่เจ้าไม่รู้ ชายผู้นั้นไม่กลัวอะไรเพียงเพราะข้า เขาเคยเสียเลือดเสียเนื้อ ได้รับบาดเจ็บมากมาย และร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น
เขาหวังอยากให้ข้าอยู่ใต้แสดงแดด โดยไม่สนใจตัวเองเดินในทางมืด เขาหวังอยากให้ข้ามีชีวิตที่ดี และไม่สนว่าตัวเองจะแบกรับความอับอายหรือไม่
ดังนั้นทำไมข้าถึงต้องสนใจว่าก่อนหน้านั้นเขาเป็นใคร ก่อนหน้านั้นเขาเคยทำอะไร?”
“ผู้ชายแบบนี้ บนโลกใบนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่รักเขา ข้าเองก็ไม่ยกเว้น”
“ตอนนี้ข้าคาดหวังทั้งหมด ไม่ใช่ว่าเขาสามารถทำอะไรให้ข้ามากน้อยเพียงใด แต่ข้าหวังว่าเขาไม่ต้องได้รับบาดเจ็บ ไม่ต้องได้รับความอันตรายใดๆ อีก มีอายุที่ยืนยาวไร้ความกังวล ปลอดภัยร้อยปี”
อวี้เยี่ยนรู้สึกสับสนอยู่นาน ยังคงมองหาเหตุผลที่จะพยายามเกลี้ยกล่อมเฉินเสียน “แล้วองค์ชายล่ะเพคะ? บ่าวรู้สึกว่าชายผู้นี้เป็นผู้ที่มีความคิดที่ลึกซึ้ง ใจไม้ไส้ระกำ ไม่แน่ทำดีกำองค์หญิงเป็นเพียงผิวเผิน องค์หญิงมองเขายังไม่ชัด ทั้งหมดนี้คิดเพื่อองค์ชายนะเพคะ”
นายและสาวใช้ทั้งสองเหมือนเป็นพี่น้องกัน กระซิบกระซาบพูดคุยกันในเรื่องนี้อย่างละเอียด
เฉินเสียนพูดว่า “ทำไมข้าจะไม่คิดเพื่อองค์ชายล่ะ? ชื่อก็ได้ตั้งแล้ว อีกทั้งเป็นเขาที่ตั้งให้”
อวี้เยี่ยนพูดด้วยปากปูด “นั่นก็เพื่อทำให้ท่านพอใจและทำให้ท่านสับสน! ต่อหน้าแสดงออกแกล้งทำเป็นชอบองค์ชายมาก เพื่อที่ท่านจะได้ยอมรับเขาอย่างมีความสุข!”
เฉินเสียนพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ชอบองค์ชาย?”
อวี้เยี่ยนพูดว่า “องค์ชายไม่ใช่ลูกของเขาเอง เขาจะชอบได้อย่างไร และยังช่วยเลี้ยงลูกคนอื่น? องค์หญิง บ่าวรู้เพคะว่าเขาไม่ชอบองค์ชายอย่างแน่นอน!”
“เจ้ารู้มาจากไหน?”
“ท่านคิดดูว่า ในอนาคตเขาจะเป็นพ่อเลี้ยงขององค์ชายจริงๆ นั่นคือพ่อเลี้ยง! จะมีพ่อเลี้ยงสักกี่คนที่จะจริงใจต่อลูกของคนอื่น? ต่อมาเป็นเรื่องที่พ่อเลี้ยงทำร้ายลูกเลี้ยงซะมากกว่า! เขาแกล้งทำกับองค์ชาย เมื่อท่านไม่อยู่ ก็จะทารุณเขา บางทีในอนาคตอาจจะต้องทอดทิ้งเขาไป! แบบนี้องค์ชายก็น่าสงสารมากสิเพคะ!”
เฉินเสียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ท่านแม่ทัพก็ดีมากรึ? ท่านแม่ทัพก็ไม่ใช่พ่อจริงๆ ขององค์ชาย”
อวี้เยี่ยนรู้สึกหดหู่อยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “บ่าวก็ไม่ได้สนับสนุนแต่แม่ทัพอยู่ตลอดนะเพคะ อย่างไรก็ตามจะหาพ่อเลี้ยงให้องค์ชาย บ่าวยังคิดว่าควรระวังไว้หน่อยก็ดี บ่าวไม่ชอบใต้เท้าซูเลยเพคะ”
เฉินเสียนลูบคางและพูดว่า “ดังนั้นตามที่เจ้าเล่ามาแล้ว ชีวิตครึ่งหลังข้าจะแต่งงานอีกครั้งก็เป็นเรื่องยากแล้วสิ?”