องค์จักรพรรดิครุ่นคิด “ฉินอ้ายชิง เจ้ามีอะไรจะพูดไหม?”
ฉินหรูเหลียงคุกเข่าลงภายในท้องพระโรง และกล่าวออกมาอย่างดัง “หม่อมฉันมีความผิด ทำให้ต้าฉู่ได้รับความเสียหาย ทำให้ทหารต้องจบชีวิตลง หม่อมฉันละอายใจในความรักความเมตตาที่พระองค์มีต่อหม่อมฉัน และละอายใจต่อตำแหน่งท่าแม่ทัพใหญ่”
ขณะที่เขาพูด เขายกมือขึ้นสูง ในมือเขาถือตราประทับท่านแม่ทัพใหญ่แห่งต้าฉู่ แต่เป็นเพราะเส้นเอ็นที่มือทนไม่ไหว และไม่สามารถยับยั้งการสั่นไหวได้ ดูเหมือนว่าจะพยายามอย่างหนักเพื่อยกขึ้นแล้ว
ขุนนางและทหารต่างพากันเงียบสงบ
ใครก็ดูออก มือคู่นี้ จะยังคงถือตราประทับท่านแม่ทัพต่อไปได้อย่างไร
ไม่ว่าสิ่งที่เฮ่อฟังพูดจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ องค์จักรพรรดิก็คงมีทางให้ตัวเองไม่เสียหน้า องค์จักรพรรดิจะผิดพลาดไม่ได้ เพราะฉะนั้นคนที่ผิดมีเพียงแค่ฉินหรูเหลียงเท่านั้น
เขาไม่สามารถทำงานให้ราชสำนักได้อีกแล้ว
ในท้ายที่สุดองค์จักรพรรดิก็รับเอาตราประทับแม่ทัพใหญ่ไป และปลดฉินหรูเหลียงออกจากตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ แต่ก็ไม่พระราชทานตำแหน่งใหม่ให้กับเขา นี่ก็เท่ากับว่าปล่อยให้เขากลับไปเป็นสามัญชนคนธรรมดา
นับจากวันนี้ไป ชีวิตของเขาก็มีค่าพอ ๆ กับมด ที่จะบีบขยี้ให้ตายได้ตามใจชอบ
เพื่อเป็นการรำลึกถึงดวงวิญญาณที่เสียชีวิตไปของทหารที่ชายแดน จึงมีคำสั่งให้โบยฉินหรูเหลียงด้วยไม้กระบองนักรบห้าสิบที จึงทำให้เรื่องนี้จบลง
ผู้คนในจวนแม่ทัพยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ทหารจากราชสำนักก็มากันที่หน้าประตูหน้า และนำแผ่นป้ายที่มีคำว่า “จวนแม่ทัพ” ออกไป
เมื่อคืนเพิ่งจะโดนไม้เท้าเครื่องมือทรมาน วันนี้ยังต้องมาโดนโบยด้วยไม้กระบองนักรบอีกห้าสิบที
ไม่ต้องพูดถึงว่าก่อนหน้านี้เขาจะถูกทุบตีจนเลือดไหล แต่ตอนนี้ร่างกายของเขาไม่ดีเท่าเมื่อก่อน ฉินหรูเหลียงถูกหามกลับมา
เขาถูกถอดชุดขุนนางออก ทั้งร่างกายเหลือเพียงเสื้อผ้าสีขาวที่เปื้อนเลือด
เฉินเสียนผลักผู้คนที่มายืนมุงออก เมื่อเธอมาถึงข้างหน้าเพื่อมาดู เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาซีดขาวอย่างน่าประหลาด และเลือดบนเสื้อผ้าก็ช่างบีบคั้นสายตาเหลือเกิน
เฉินเสียนเข้าไปในเรือนหลักและไม่ออกมาอีกเลย เธอทำแผลให้ฉินหรูเหลียง และให้อวี้เยี่ยนต้มยาอยู่ที่หน้าประตู โดยไม่ได้หยุดพักผ่อน
บรรดาคนใช้ในจวนต่างมองว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนทั้งสองยังทะเลาะกันอย่างหนัก แต่ตอนนี้เมื่อคนหนึ่งล้มลง อีกคนหนึ่งก็เฝ้าดูแลทั้งวันวันคืน
ต่อให้ผู้สอดแนมในจวนได้มาเห็นภาพนี้ ก็คงไม่มีอะไรให้รายงาน เพราะทั้งเมืองหลวงต่างก็ทราบตั้งแต่แรกว่าองค์หญิงจิ้งเสียนรักใคร่กันกับท่านแม่ทัพ
แต่ตอนนี้ฉินหรูเหลียงไม่ได้เป็นท่านแม่ทัพอีกต่อไป
ในระหว่างนั้น เฮ่อโยวให้คนส่งจดหมายมาเพื่อจะนัดพบเฉินเสียน แต่เพราะเฉินเสียนต้องดูแลบาดแผลของฉินหรูเหลียง ทำให้เธอไม่สามารถปลีกตัวไปไหนได้
รอให้อาการบาดเจ็บของฉินหรูเหลียงดีขึ้นเมื่อไหร่ เฉินเสียนก็รู้สึกว่านานแล้วที่ไม่ได้พบหน้ากับเฮ่อโยว
ได้ยินมาว่าเฮ่อโยวไปเข้ารับตำแหน่งที่ฝ่ายพิธีการ เฉินเสียนยังไม่อยากทำให้เขาลำบากไปด้วย เลยไม่ได้ไปพบเจอเขา
ตอนนี้เฮ่อโยวเป็นฝ่ายนัดพบเธอก่อน เธอคิดว่าหากเฮ่อโยวไม่ได้มีเรื่องสำคัญ คงจะไม่เสี่ยงที่จะนัดพบเธอ
เพราะว่าตอนนี้ไม่มีใครที่มาเกี่ยวข้องกับเธอ ล้วนแล้วต่างก็โชคร้ายเดือดร้อนกันทุกคน
ในวันนี้เฉินเสียนเดินออกมาจากเรือนหลัก เพื่อไม่ให้เป็นที่จับตามองของอวี้เยี่ยนและแม่นมซุย เธอค่อย ๆ แอบออกไปทางประตูด้านข้าง
เดิมทีเธอคิดว่าเมื่อเธอออกมา จะยังคงถูกจับตามอง
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อเธอมาถึงถนน และเดินออกมาไกลระยะหนึ่ง ก็ไม่พบว่ามีใครติดตามเธอข้างหลัง
น่าแปลก พวกคนที่คอยติดตามเธอ วันนี้จะแอบอู้ไปกันหมดแล้วงั้นหรือ?
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครติดตามก็ถือเป็นเรื่องดี เฉินเสียนจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินอ้อมเพื่อกำจัดพวกเขา
ไม่นานเธอก็มาถึงหอสุราที่คุ้นเคย และเดินตรงขึ้นไปที่ชั้นสอง เมื่อถึงหน้าห้องส่วนตัวก็ผลักประตูเข้าไป
ที่นี่คือที่ที่เธอและเฮ่อโยวนัดพบเพื่อกินดื่มกันในนครหลวงแห่งนี้ เพียงแค่เฮ่อโยวพูดว่าสถานที่เดิม เธอก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นที่นี่
ทันทีที่เงยหน้าขึ้น เห็นเฮ่อโยวนั่งอยู่ในห้อง โต๊ะข้าง ๆ มีชาและเหล้าจัดเตรียมอยู่
เฮ่อโยวกล่าว “ตอนนี้จะนัดพบท่านได้แต่ละครั้งช่างยากลำบาก รีบมานั่งสิ”
เขาหยิบจอกเหล้าส่งไป เพื่อจะให้เฉินเสียนดื่มให้ร่างกายอบอุ่น แต่เฉินเสียนกลับหยิบถ้วยชาดื่ม
เฮ่อโยวดื่มเหล้าลงท้องของตัวเอง มองดูเธอและกล่าวว่า “ข้าลืมไปแล้ว ตอนนี้บัณฑิตไม่อยู่ ท่านอยู่ข้างนอกก็ไม่ดื่มเหล้าแล้ว”
เฉินเสียนหัวเราะ และกล่าวว่า “ช่วยไม่ได้ หลังจากดื่มเหล้าแล้วโชคร้ายไปสองครั้ง ก็ไม่กล้าดื่มเยอะอีกเลย”
แม้ว่าเฉินเสียนไม่พูดชัดเจน แต่นั่งลงคุยไม่กี่คำก็รู้สึกว่าเฮ่อโยวเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้
หากจะพูดว่าเขาดูเป็นผู้ใหญ่ แต่บุคลิกนิสัยเรียบง่าย แต่มาวันนี้กลับไม่เจอความรู้สึกบริสุทธิ์สดใสบนร่างกายของเขาอีกแล้ว
ดูเหมือนว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปโดยสิ้นเชิง แทบไม่เหลือเงาในอดีตเลย
พวกเขาทุกคนต่างก็มีเรื่องที่แอบซ่อนปิดบังไว้ นี่อาจจะเป็นวิธีอำพรางและปกป้องตัวเองอย่างหนึ่ง
เฉินเสียนถาม “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ได้ยินว่าเจ้าเป็นขุนนางแล้ว ราบรื่นดีไหม?”
เฮ่อโยวกล่าว “ทุกอย่างราบรื่นดี เมื่อก่อนข้าไม่เคยรู้สึกว่าที่แท้การได้เป็นขุนนางจะรู้สึกดีเช่นนี้ แม้ว่าตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็ถูกเฮ่อฟังกดขี่ แต่หากคิดว่าต่อไปวันข้างหน้าข้าจะได้กดขี่คนอื่นบ้าง ในใจก็ไม่รู้สึกว่าเหนื่อย”
เขาเดินไปเรียกคนใช้ยกอาหารขึ้นมาเสิร์ฟ
เธอรู้ว่าเฮ่อโยวต้องการกลับมาแก้แค้น แต่ถ้าไปจัดการกับศัตรูโดยไม่คำนึงถึงความเสียหาย แม้ว่าจะสำเร็จตามเป้าหมาย แต่ท้ายที่สุดจะเหลืออะไร?
เฮ่อโยวเติมน้ำชาให้เฉินเสียนและกล่าวว่า “ท่านไม่ต้องเป็นกังวลข้า ข้าสบายดี ข้าจะตั้งใจอย่างสุดความสามารถ วางใจเถอะ ข้าจะไม่ทำเรื่องโง่ ๆ อย่างในอดีตอีกแล้ว”
เฉินเสียนกล่าว “งั้นวันนี้เจ้านัดพบข้ามาทำไม? มีเรื่องสำคัญ?”
“ข้ารู้มาว่าแม่ทัพฉินถูกปลด ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง?” เฮ่อโยวถาม
เฉินเสียนยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “จะเป็นยังไงได้ ยังสลบอยู่ ยังไม่ฟื้น”
เธอคิดว่าครั้งนี้เพียงแค่เธอยอมรับผิดด้วยตัวเองทุกอย่าง องค์จักรพรรดิจะปล่อยเขาไป แต่ไม่คาดคิดเลยว่า ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
เมื่อองค์จักรพรรดิเห็นว่าเขาไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว ก็จะให้เขาประสบกับชะตากรรมเช่นนี้ หัวใจที่เย็นชาที่สุดขององค์จักรพรรดิก็ไม่มีอะไรนอกเหนือจากสิ่งนี้
เฉินเสียนคิดว่า องค์จักรพรรดิจะยังนึกถึงความดีความชอบของฉินหรูเหลียงที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาเพื่ออาณาจักรแผ่นดิน นั่นถือเป็นมิตรภาพที่พร้อมจะเป็นหรือตายในสนามรบ ควรจะมีน้ำหนักอยู่บ้าง
แต่เธอประเมินไว้สูงเกินไป เป็นความคิดที่ผิดและโง่เขลาที่สุดที่จะพูดเรื่องไมตรีจิตกับกษัตริย์
เฉินเสียนยังคงรู้สึกว่าเหตุผลส่วนใหญ่เกิดจากตัวเธอเอง
หากไม่ใช้เป็นเพราะเธอ ถึงแม้ฉินหรูเหลียงจะไม่ได้เป็นแม่ทัพใหญ่ อย่างน้อยก็ควรจะจบลงดีกว่านี้
แต่เขาในตอนนี้ ชื่อเสียงและความมั่งคั่ง ไม่มีเหลืออะไรอีกแล้ว แถมยังบาดเจ็บหนักไม่ฟื้น
เฮ่อโยวกล่าว “ท่านอย่าได้คิดมากไป อย่างนี้ก็ยังดีกว่าถูกเนรเทศเยอะเลย เป็นแม่ทัพใหญ่มาจนชิน มาลองเป็นประชาชนคนธรรมดาดูบ้างไม่เห็นจะเป็นไร”
เฉินเสียนมองไปที่เขาและกล่าว “เฮ่อโยว เจ้าเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมจริง ๆ”
เฮ่อโยวหัวเราะและกล่าว “ช่างโชคร้าย ตั้งแต่กลับมานครหลวง ข้าก็มีเรื่องที่ต้องทำ หลังจากนี้คงจะมีโอกาสน้อยมากที่พวกเราจะนัดพบ”
เฉินเสียนขมวดคิ้ว อยากถามแต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร
เฮ่อโยวหยิบขี้ผึ้งออกจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้เฉินเสียน และกล่าวว่า “อันนี้ให้ฉินหรูเหลียงรักษาบาดแผลภายนอก น่าจะมีประโยชน์มาก”