นางจับมือของแม่นมซุยไว้แน่น แล้วถามว่า “เอ้อร์เหนียง ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรดี……”
แม่นมซุยพูดให้กำลังใจว่า “เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อนไป หมอคนนี้รักษาไม่ได้ มันก็ต้องมีหมอคนต่อไปที่สามารถรักษาได้……ตามสภาพการณ์ขององค์หญิง จะมีชีวิตอยู่ได้กี่วัน เจ้าอย่าเพิ่งกังวล ต้องมีคนสามารถรักษาองค์หญิงได้แน่นอน”
“ต้องมีคนมาช่วยได้แน่นอน……” อวี้เยี่ยนพูดพึมพำ ใบหน้าสีขาวซีดของเธอหันไปมองที่แม่นมซุย “ข้ารู้ว่าใครจะสามารถช่วยได้……เขาต้องช่วยได้แน่นอน วิชาการแพทย์ของเขานั้นเก่งมาก เมื่อก่อนก็สามารถช่วยรักษาองค์หญิงได้……เอ้อร์เหนียง ข้าขอร้องท่านหล่ะ ไปตามใต้เท้าซูมารักษาได้หรือไม่?”
แม่นมซุยเงียบ แล้วพูดขึ้นว่า “ข้าไหนเลยจะไม่อยากไปตามใต้เท้าซูมา เพียงแต่ว่าเวลานี้ ต้องหลีกเลี่ยงที่จะฝ่าฝืนถ้าเกิดมีคนมาเห็นเข้า ไม่เพียงแต่องค์หญิงจะไม่รอด แม้แต่ใต้เท้าก็ไม่สามารถมีชีวิตต่อไปได้”
“แต่ว่า……องค์หญิงใกล้สิ้นพระชนม์แล้วนะ!”
“อวี้เยี่ยน เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อน” แม่นมซุยพูด “ข้าจะหาวิธีพาใต้เท้ามาให้ได้ ตอนนี้เจ้าดูแลรักษาตัวเองให้ดีก่อน ถึงจะสามารถไปดูองค์หญิงได้”
อวี้เยี่ยนถูกใช้อำนาจบีบบังคับลากออกจากจวนตระกูลเฮ่อไป จากหน้าประตูที่วุ่นวายก็สงบเงียบ ผู้คนที่เข้ามามุงดูอย่างสนใจก็ต่างแยกย้ายกันออกไป
แต่คำพูดของอวี้เยี่ยนนั้นเฮ่อเซียงได้ยินหมดแล้ว
เฮ่อโยวสวมเสื้อชุดคลุม กำลังจะออกจากจวน แต่ถูกเฮ่อเซียงดักไว้ก่อน
เฮ่อเซียงถาม “เจ้าจะออกไปไหน?”
เฮ่อโยวตอบ “พระราชวัง”
สีหน้าของเฮ่อเซียงเปลี่ยนไปแล้วพูดว่า “เมื่อครู่คำพูดของสาวใช้ที่อยู่ด้านหน้าจวนมันหมายความว่าอย่างไร?”
เฮ่อโยวชำเลืองมองไปยังเฮ่อเซียง ในขณะที่สบัดชายเสื้อไปมาอย่างสบายใจ แล้วพูดว่า “คำพูดของสาวใช้ที่บ้าคลั่งคนนั้นท่านก็เชื่อด้วย?”
เฮ่อเซียงรู้สึกโกรธแล้วพูดขึ้นว่า “ถ้ามันไม่มีอะไรจริง สาวใช้คนนั้นก็คงไม่วิ่งมาที่นี่อย่างไร้เหตุผลหรอก ?แล้วอีกอย่าง เมื่อวานเจ้ากลับมาอย่างจิตใจไม่สงบอย่างหวาดกลัว เจ้าไปไหนกันมาแน่?!”
เฮ่อโยวเงียบไปสักครู่ แล้วพูดว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน”
พูดจบเฮ่อโยวก็เดินจากไป เฮ่อเซียงที่อยู่ด้านหลังพูดขึ้นอย่างวิตกกังวลอย่างมาก“เฮ่อโยว ทำไมตอนนี้เจ้าเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้!”
เฮ่อโยวพูดอยู่ด้านหลังว่า “ท่านไม่ได้ชอบลูกชายคนที่ทำประโยชน์อย่างเฮ่อฟั่งรึ ข้าก็เพียงแค่เดินตามรอยเขาเท่านั้น”
“ข้าต้องการให้เจ้าเติบโต!แต่ไม่ได้ให้เจ้าเปลี่ยนไปเป็นคนเลว!เรื่องที่มีความผิดร้ายแรงเช่นนี้เจ้ายังกล้าทำ!แม้ว่าปกติท่านแม่ทัพฉินกับพวกเราจะไม่ค่อยสนิทสนมกันมากเท่าไหร แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็เคยช่วยเจ้าไว้ แล้วทำไมเจ้ายังเป็นคนที่เหยียบย่ำคนอื่นในเวลาที่เขาเดือดร้อนเช่นนี้!”
เฮ่อโยวหันหลังกลับมา พูดกับเฮ่อเซียงด้วยสายตาอย่างคนแปลกหน้า แล้วหัวเราะขึ้นมาอย่างเหยียดหยาม“ท่านบอกว่าข้าเป็นคนที่เหยียบย่ำคนอื่นในเวลาที่เขาเดือดร้อน ทำไมท่านถึงไม่มองตัวเองบ้าง?ท่านก็เป็นขุนนางเก่าที่จากมาราชวงศ์ก่อน ทำไมถึงไม่เห็นท่านมีความจงรักภักดีต่อจักรพรรดิเลย?เมื่อเทียบกันแล้วอย่างคร่าวๆข้าสู้ท่านไม่ได้หรอก แต่ข้ารู้ว่าข้าควรจงรักภักดีกับใคร ถ้าท่านยังไม่เคยชินกับการเหยียบย่ำผู้อื่นของข้า ทำไมไม่เห็นท่านไปให้ความช่วยเหลือสนับสนุนองค์หญิงจิ้งเสียนบ้างหล่ะ”
“เจ้า……เจ้า……” เฮ่อเซียงถูกความโกรธครอบงำ แม้แต่คำพูดก็พูดออกมาไม่เต็มคำ
เฮ่อโยวกำลังจะเดินออกจากจวน จึงเอ่ยขึ้นว่า“ท่านคงคิดว่า นางเป็นหญิงคงไม่มีความรู้ความสามารถอันใด เช่นนั้นข้าก็เพียงปล่อยนางไปตามแนวโน้มทั่วไปของเหตุการณ์ก็เท่านั้น พวกท่านไม่กล้าทำอะไร ตอนนี้ข้าเป็นคนลงมือทำแล้ว ข้าไม่ได้ยินคำขอบคุณแต่กลับเป็นการตำหนิติเตียนข้า องค์หญิงจิ้งเสียนสิ้นพระชนม์เมื่อไร พวกท่านขุนนางเก่าๆก็จะถึงคราวจบสิ้นลง”
“นายท่าน!นายท่าน!”
เฮ่อโยวเดินจากไป เฮ่อเซียงก็เป็นลมล้มลงไปตรงนั้น
เมื่อตอนที่เขาได้สติฟื้นขึ้นมาอย่างแผ่วเบา เฮ่อโยวก็ได้เข้าพระราชวังเพื่อไปเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิแล้ว
องค์จักรพรรดิรู้สึกพอใจกับเฮ่อโยวเป็นอย่างมาก ตอนแรกยังคิดสงสัยในความจงรักภักดีของเฮ่อโยว แต่ตอนนี้เมื่อมองแล้ว เขากล้าที่จะวางยาองค์หญิงจิ้งเสียน เขาเชื่อในความจงรักภักดีของเฮ่อโยวอย่างไม่มีข้อน่าสงสัยอันใด
องค์จักรพรรดิปลื้มปิติ ชื่นชมเฮ่อโยวอย่างมาก แล้วถามเขาว่าเขาวางยาชนิดไหนให้กับเฉินเสียน
เฮ่อโยวตอบ “ข้ากระหม่อมกลัวว่ามันจะชัดเจนเกินไปอาจจะทำให้ประชาชนวิพากวิจารณ์ได้ และอาจเกิดความหวั่นไหวทางอารมณ์ความรักของประชาชนได้ จึงเลือกใช้ยาพิษที่ออกฤทธิ์เรื้อรัง ยาพิษนี้จะเข้าสู่กระแสเลือด แล้วกระจายเข้าสู่ปอด ตรวจรักษาได้ยาก ทำให้ภายในขององค์หญิงเริ่มได้รับบาดเจ็บ หมอปกติทั่วไปก็จะรู้เพียงว่าอวัยวะภายในถูกทำลาย ก็จะรักษาโดยใช้ยาเกี่ยวกับรักษาอวัยวะภายใน ส่วนใหญ่ที่ใช้รักษาก็จะเป็นยาฤทธิ์ร้อน เพียงแต่ว่ามันจะไปกระทบกับฤทธิ์เย็นของยาพิษ ผลลัพธ์นั้นจะยิ่งกลับแย่ ได้ยินมาว่าที่จวนแม่ทัพวุ่นวายกับการหาหมอมารักษาอย่างมากมาย นั่นก็จะยิ่งทำให้องค์หญิงจิ้งเสียนตายเร็วขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
องค์จักรพรรดิคิดไม่ถึง เฮ่อโยวที่ยังเยาว์วัยนั้นจะมีความคิดละเอียดอ่อนรอบคอบเช่นนี้
ยาพิษเรื้อรังนั้นจะค่อยๆทำลายระบบเลือดของเฉินเสียนทำให้ยากต่อการสังเกตเห็น ถ้าอยากจะรู้ว่านางโดนยาพิษอะไรเข้าไปนั้นก็สายเกินไปแล้ว เมื่อไม่มีทางที่จะรู้ว่ายาพิษนั้นคืออะไร ก็สามารถที่จะปรุงยาถอนพิษได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เฉินเสียนต้องตายอย่างไม่มีข้อสงสัยอันใด
องค์จักรพรรดิถามอย่างไตร่ตรองว่า “ถ้าเป็นอย่างเจ้าว่า นางจะมีชีวิตได้อีกกี่วัน?”
เฮ่อโยวพูด“อย่างเร็วก็สามถึงห้าวัน ถ้าอย่างช้าสุดก็ไม่เกินสิบวันพ่ะย่ะค่ะ”
เฮ่อเซียงฟื้นขึ้นมา นอนพักอยู่บนเตียง หมอได้ได้กำชับให้ระวังเรื่องที่เกี่ยวกับงาน แต่ก็ไม่มีเรื่องอะไรที่น่าเป็นห่วงมาก จากนั้นหมอจึงกลับไป
เฮ่อเซียงไม่มีทางเชื่อได้ว่า เฮ่อโยวจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเช่นนี้
เพียงแต่ คำพูดที่เฮ่อโยวได้พูดไว้ก่อนออกไปนั้น มันทำให้เขาไม่สามารถได้สติกลับมา
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นเขาเพื่อที่ต้องการจะหลีกเลี่ยงความวิบัติให้กับตนเอง จึงให้เคารพแก่องค์หญิงของราชวงศ์ก่อนหน้านั้นอย่างห่างเหิน ไม่เคยยุ่งเกี่ยวและก็ไม่เคยยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ
เขาคิดเพียงว่าแค่คล้อยตามสถานการณ์ที่เป็นไป มันจะสามารถปกป้องตัวเองและรวมไปถึงครอบครัวของเขาได้
เมื่อราชวงศ์ก่อนสูญสิ้น ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักไม่น้อยที่ได้รับความหายนะไปทั้งครอบครัว เขาเห็นมากับตาตัวเอง ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้นแต่ยังมีขุนนางชั้นผู้ใหญ่คนอื่นๆของราชวงศ์ก่อน ทุกคนก็เลือกที่จะคล้อยตามสถานการณ์ไป
แต่เมื่อครู่นี้ คำพูดของเฮ่อโยวนั้นได้มาสะกิดเตือนใจเขา
เมื่อองค์หญิงจิ้งเสียนตายไป องค์จักรพรรดิต้องดำเนินการล้างบางคนในราชสำนักอย่างแน่นอน เพื่อที่จะต้องการถอนรากถอนโคนออกให้หมดสิ้น เมื่อก่อนที่ราชสำนักช่วยเหลือเหล่าขุนนางเก่า เพียงเพราะว่าการบริหารของราชสำนักยังไม่มั่นคง และพวกเขายังประโยชน์อยู่
แต่ว่าตอนนี้ องค์จักรพรรดิบริหารปกครองอย่างมั่นคงมาหลายปี ถ้าพวกเขายังคงช่วยให้เหล่าขุนนางยังดำรงตำแหน่งอยู่นั้น ไม่ช้าก็เร็วก็คงถูกจำกัดออก และเมื่อองค์หญิงจิ้งเสียนสิ้นพระชนม์นั้น ก็จะเป็นโอกาสที่เหมาะสม
ในบางครั้งก็ไม่ใช่ว่าเหล่าขุนนางจะควบคุมการบริหารปกครอง แต่ถ้าพวกเขาปล่อยมือจากการบริหาร เกรงกว่าคงจะถูกจำกัดไปนานแล้ว
ไม่กี่ปีมานี้องค์จักรพรรดิได้สอดแทรกหาตำแหน่งให้กับคนของตัวเองเข้ามาดำรงตำแหน่งอย่างไม่หยุด แต่ในราชสำนักนั้นสลับสับซ้อนอย่างมาก ยากที่คนอื่นจะเข้าใจได้ ขุนนางเก่าของราชวงศ์ก่อนกับขุนนางใหม่ขององค์จักรพรรดิ เมื่อเวลาผ่านไป ก็ยังแทรกซึมซึ่งกันและกันตราบใดที่ยังมีผลประโยชน์ร่วมกันอยู่
เวลาต่อมาเฮ่อเซียงก็ได้ตระหนักว่า ไม่สามารถที่จะให้องค์จักรพรรดิดำเนินล้างบางการบริหารปกครองบ้านเมืองได้ มิฉะนั้นจะเป็นอย่างที่เฮ่อโยวพูดทั้งหมด เหล่าขุนนางเก่าอย่างพวกเขาก็หมดสิ้นไป
เวลานี้เฮ่อเซียงไม่สามารถที่จะมาสนใจดูแลร่างกายตัวเองอยู่ได้ รีบสั่งให้พ่อบ้านคนสนิทไปเชิญขุนนางเก่าของราชวงค์ก่อนที่รู้จักกันเป็นส่วนตัวมา สั่งให้พวกเขารวมกลุ่มกันในสถานที่แห่งหนึ่ง เพื่อที่จะปรึกษาหารือวางแผนรับมือกัน
ในยามราตรีนั้น ซูเจ๋อที่นั่งอยู่ในบ้านที่เงียบสงัด กับแสงไฟที่เลือนลาง แม้แต่เงาคนก็มองไม่เห็นได้
ห้องตำราก็ยังคงสว่างไสวอยู่