เด็กสาวผู้นั้นบอกว่ารอยแผลบนใบหน้าของเธอลึกเกินไป ถึงแม้จะหายเป็นปกติแต่ก็จะทิ้งรอยแผลเป็นที่เด่นชัดเอาไว้
เช้าตรู่วันนั้นที่ถนนด้านนอกเต็มไปด้วยความคึกคัก มีเสียงฆ้องเสียงกล้องดังขึ้นไม่ขาดสาย
เด็กสาววิ่งออกไปดูภาพแห่งความรื่นเริงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวิ่ง ถอนหายใจและพูดว่า “ไม่รู้ว่าบ้านไหนจัดงานฉลองมงคลสมรส จัดเสียใหญ่โตหรูหราเชียว!”
เด็กสาวยังกล่าวอีกว่า “ชาวบ้านบนถนนเดินตามขบวนกลองไปดูเจ้าบ่าวเจ้าสาวกันใหญ่!”
ฮึๆ จะเป็นใครไปได้ ต้องเป็นการแต่งงานครั้งที่สองของฉินหรูเหลียงแน่นอน เธอแค่นับวันดูก็รู้
ในเวลานี้มีเสียงพูดคุยดังขึ้นอยู่ด้านนอก หลังจากพูดคุยกับหมอที่อยู่ที่โถงด้านหน้าแล้ว เสียงนั้นก็ดังขึ้นที่ลานหลังบ้าน
เด็กสาวซึ่งกำลังเขี่ยถ่านในเตาลุกขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่าง หลังจากนั้นก็หันมายิ้มและบอกว่า “พี่สาว คุณชายที่มาส่งท่านกลับมาแล้ว”
เฉินเสียนเงยหน้าและต้องหรี่มองเพราะมีแสงส่องผ่านประตูเข้ามา
ร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาช้าๆ
คนผู้นี้สวมชุดผ้าไหมที่ดูมีราคา ผมยาวถูกรวบสูง ดูแล้วรู้สึกมีชีวิตชีวา ใบหน้างดงามราวกับมงกุฎหยก หล่อเหลาและดูดี
เฉินเสียนอดคิดไม่ได้ นางยอมแขวนคอตายบนลำคอที่บิดเบี้ยวของฉินหรูเหลียง สละคาน สละแผ่นไม้และวัสดุดีๆ ชิ้นนี้! สมองของนางมีแต่หนองหรือเปล่านะ?
เขาเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อนด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและให้เกียรติ พร้อมกันนั้นก็ประสานมือคารวะเฉินเสียน “อาการบาดเจ็บขององค์หญิงดีขึ้นบ้างแล้วใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านรู้ว่าข้าเป็นองค์หญิง?” เฉินเสียนถาม “ท่านเป็นใคร”
“กระหม่อมเหลียนชิงโจว เคยรู้จักกับองค์หญิงตอนที่ยังทรงพระเยาว์พ่ะย่ะค่ะ”
แค่เพียงประโยคนี้ก็อธิบายได้แล้วว่าทำไมเหลียนชิงโจวถึงต้องการช่วยเธอ
เขายังเอ่ยอย่างคล่องแคล่วต่อว่าทำไมเขาจึงมาที่นี่วันนี้
หลังจากเด็กสาวออกไป เฉินเสียนก็เริ่มแกะผ้าพันแผลออกราวกับไม่มีใครอยู่ที่นั่นด้วย เหลียนชิงโจวที่ยืนอยู่ข้างๆ รวบมืออย่างสุภาพและเอ่ยว่า “วันนี้แม่ทัพฉินมีความสุขมาก กระหม่อมมาเพื่อพาองค์หญิงไปดื่มฉลองในงานแต่ง”
เหลียนชิงโจวแสดงออกอย่างเคารพ เฉินเสียนคุ้นเคยกับการเป็นคนโดดเด่นและพอใจกับท่าทีของเขามาก
เฉินเสียนม้วนผ้าพันแผลไว้รอบๆ มือจนมือของเธอแทบจะกลมเหมือนบ๊ะจ่าง เธอยิ้มและกล่าวว่า “ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง การล่มงานแต่งของผู้อื่นเป็นสิ่งที่ไร้คุณธรรม ข้าละชอบทำที่สุด”
หลังจากแกะผ้าพันแผลออกจนหมด ในที่สุดเฉินเสียนก็มองเห็นใบหน้าที่เสียโฉม
อาการบวมบนใบหน้าหายไปแล้ว แต่รอยแผลที่ลากยาวจากหางตาไปจนถึงมุมปากแทบจะเจาะทะลุใบหน้าของเธอ ดูน่าสยองขวัญอย่างร้ายกาจ
เธอสะดุ้งตกใจ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะเอื้อมมือไปปิดประจกหรือปิดหน้าตัวเองดี จากนั้นจึงกระทืบเท้าแล้วสบถออกมา “บ้าเอ๊ย นี่มันทำร้ายจิตใจผู้หญิงที่สุด!”
ภาพลักษณ์ที่เคยสวยสดงดงามของเธอหายไปไหน แม้แต่กล้องที่ถ่ายออกมาแล้วดูดียังช่วยอะไรใบหน้านี้ไม่ได้
และนี่คือสิ่งที่ฉินหรูเหลียงกับหลิ่วเหมยอู่มอบให้เธอ
แม้ว่าเฉินเสียนคนก่อนจะตายไปแล้ว แต่นางก็ทิ้งความขุ่นเคืองและความคับข้องใจไว้ให้เธอมากมาย ถ้าเธอไม่เอาคืน องค์หญิงผู้โง่เขลาคนนี้คงจะจากไปอย่างไม่สบายใจนัก!
งานเฉลิมฉลองวันนี้ เธอจะไปร่วมฉลองด้วย!
ณ จวนแม่ทัพ บานประตูสีแดงถูกเปิดไว้ต้อนรับ ภายในประดับประดาไปด้วยผ้าแพรสีแดง ผู้คนที่อยู่ข้างนอกต่างได้ยินเสียงดังจอกแจกจอแจของแขกที่อยู่ด้านใน
เฉินเสียนมาปรากฏตัวอยู่ใต้บานประตูสีแดงที่คุ้นเคย เหลือบมองขึ้นไปที่ทับหลังของประตู จากนั้นจึงเดินเข้าไปด้วยท่าทีที่สง่างามท่ามกลางสายตาที่ทั้งประหลาดใจและสงสัยของทุกคน
ด้วยใบหน้านี้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนเธอก็ไปอย่างเปิดเผย
เธอกลับมาแล้ว เมื่อก่อนไม่ว่าจะเคาะประตูอย่างไร ประตูทุกบานก็ปิดสนิท ไม่มีใครตอบรับ แต่ตอนนี้เธอได้รับการตอบรับจากผู้มาเยือนทุกทิศทาง
จากแขกทุกคนที่อยู่รอบๆ ห้องจัดงาน
ฉินหรูเหลียงอยู่ในชุดมงคลสีแดงสด ทุกการเคลื่อนไหวของเขาทั้งดูดีและโดดเด่น เทียบกับกับท่าทีที่เย็นชาราวกับน้ำแข็งตอนที่แต่งงานกับเฉินเสียนเมื่อสามเดือนก่อน วันนี้เขาดูเหมือนผู้ชนะที่ได้สัมผัสกับความสุขในชีวิต
เจ้าสาวคนใหม่อย่างหลิ่วเหมยอู่ปรากฏตัวออกมาช้าๆ ท่ามกลางเสียงเรียกร้อง ท่าทางการเดินอ่อนช้อยและงดงาม ดูมีเสน่ห์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ยังไม่ทันจะเริ่มคำนับฟ้าดิน ผู้คนก็เริ่มชื่นชมแซ่ซ้องให้กับความเหมาะสมดั่งสวรรค์สร้างของบ่าวสาวคู่นี้
“ได้ฤกษ์แล้ว! บ่าวสาวเตรียมสักการะฟ้าดิน…”
ฉินหรูเหลียงและหลิ่วเหมยอู่จับผ้าแดงแล้วหันหน้าไปทางประตู
“หนึ่ง คำนับฟ้าดิน…”
ทั้งสองโค้งคำนับ
อย่างไรก็ตาม ขณะที่คำนับครั้งแรกบริเวณโดยรอบก็เงียบกริบจนได้ยินเสียงเข็มตก
จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงหายใจหอบถี่ แม้แต่เสียงของสี่ผัว(ผู้หญิงที่ดูแลเจ้าสาวในวันแต่งงาน)ยังชะงักและพูดติดๆ ขัดๆ ถึงสองครั้ง
เมื่อฉินหรูเหลียงยืดตัวขึ้น ทันใดนั้นเขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าตรงกลางประตูห้องจัดงาน เธอเอามือไพล่หลังอย่างทะนงตน
ฉินหรูเหลียงชะงักไปครู่หนึ่ง ทีแรกเขายังจำไม่ได้ว่านี่คือเฉินเสียน
รอยแผลบนในหน้าของเฉินเสียนนั้นน่าเกลียดน่ากลัว ราวกับใบหน้าถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ แล้วนำมาประกอบเข้าด้วยกันใหม่อย่างหยาบๆ
ไม่แปลกใจเลยมีเสียงหายใจหอบถี่ดังขึ้นดังขึ้นรอบๆ
เฉินเสียนคิดว่าเธอยิ้มให้ฉินหรูเหลียงอย่างเย็นชา เผยให้เห็นฟันที่ขาวสะอาด “ฉินหรูเหลียง ท่านช่างมีความสามารถเสียจริง เพิ่งจะแต่งงานกับข้าได้แค่สามเดือนก็แต่งอนุภรรยาเข้าบ้านแล้วหรือ”