ตอนที่เฉินเสียนปรากฏตัวหน้าร้านแผงลอย เขากำลังทำนายดวงชะตาให้คนอยู่ เงยหน้ามาเห็นเธอ ดูได้ครึ่งหนึ่งก็ทิ้งแล้ว และได้สั่งให้ลูกศิษย์เขามารับช่วงต่อ
หลิวอีกว้าลากเฉินเสียนเข้ามาในห้อง กล่าวว่า “ข้าไม่ได้มองผิดใช่หรือไม่? เป็นท่านจริงๆ ท่านกลับมาแล้วหรือนี่?”
เฉินเสียนยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ไม่เจอกันเสียนาน สบายดีหรือไม่”
“กลับมาก็ดีแล้ว ”หลิวอีกว้าทอดถอนหายใจกล่าวว่า“ท่านไปนานเช่นนี้ คิดว่าท่านจะไม่กลับมาเสียแล้ว โชคดีที่คุณชายเหลียนตอนที่ออกจากเมืองหลวงได้สั่งข้าจับตาดูไว้ บอกว่าท่านอาจจะกลับมา”
เฉินเสียนยิ้มอย่างเรียบเฉย ตลอดทั้งปีหลิวอีกว้าปะปนที่ตลาด การสังเกตสีหน้าและคำพูดเขาเก่งกว่าใครเชียวล่ะ และก็ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเฉินเสียนแพร่กระจายอยู่ไม่น้อย รู้ว่าตอนนี้เฉินเสียนเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้วอยู่ไปวันๆไม่สง่าผ่าเผยอย่างแน่นอน
เฉินเสียนกล่าวว่า“เขาพูดถูกต้องแล้ว”
หลิวอีกว้าก็ไม่รีรอ กล่าวว่า“เรื่องไร้สาระเก็บไว้ต่อไปค่อยคุยกันช้าๆ ตอนนี้ข้าจะพาท่านไปพบผู้ดูแลบนเรือนี้”
ผู้ดูแลนี้ก็เป็นตอนเหลียนชิงโจวจะไปทิ้งไว้
ทั้งสองคนไม่ได้ออกจากร้าน แต่กลับมุ่งตรงผ่านประตูลับ ไปที่ชั้นอื่น
สมัยนั้นตอนที่พบว่าบนเรือมีประตูลับ เฉินเสียนยังขำเหลียนชิงโจวเลย บอกว่าเขาทำกิจการ ระมัดระวังรอบคอบเช่นนี้ หากประตูลับเหล่านี้ถูกเหล่าแขกเหรื่อพบเข้า ใช่ว่าจะไม่ออกความคิดที่ไม่ดี
เวลานั้นเหลียนชิงโจวพูดว่า คนธรรมดาไม่มีทางพบเจอหรอก ประตูลับเหล่านี้ผ่านสถานที่ที่ยึดมั่นคงไว้แล้ว เพียงแค่สถานที่นี้มีคนของตัวเองป้องกันเกาะติดอยู่ ก็ไม่มีคนล่วงรู้ได้หรอก
นี่เป็นการวางแผนกิจการการค้าของเขา การระมัดระวังไม่สะเพร่าขนาดขี่ม้านานจนถึงตลอดไปก็ปลอดภัยหายห่วง ประตูลับเหล่านี้มีไว้ก็ไม่ได้เสียหายหรือลำบากอะไร
วันนี้ดูเหมือนว่า ไม่ว่าเขาหรือว่าซูเจ๋อ ราวกับคาดเดาไว้นานแล้วว่าจะมีประโยชน์ได้ใช้สอยก็วันนี้
เข้าไปถึงห้องของผู้ดูแล
ห้องกับผู้ดูแล แม้ว่าเฉินเสียนไม่ได้เจอนานแล้ว แต่ก็ล้วนเป็นคนคุ้นหน้ากัน
ปีที่แล้ววันส่งท้ายปีเก่า เฉินเสียน ซูเจ๋อกับเหลียนชิงโจวทั้งสามคนคนกินอาหารที่ห้องแห่งนี้ และผู้ดูแลที่อยู่ตรงหน้านี้ ก็เคยเป็นพ่อบ้านที่เรือนของเหลียนชิงโจวด้วย
ผู้ดูแลเห็นเฉินเสียน รีบเดินมาข้างหน้าคารวะ แล้วกล่าวว่า “คารวะองค์หญิงจิ้งเสียนพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนเอามือรองเขาไว้ แล้วกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องมากพิธีหรอก”
ผู้ดูแลกล่าวว่า “องค์หญิงจิ้งเสียนกับคุณชายของกระหม่อมไม่เพียงแค่เป็นสหายกัน ยังมีความสัมพันธ์ที่ทำการค้าขายด้วยกัน คุณชายเคยมอบหมายไว้ หากพบว่าองค์หญิงกลับมาแล้ว ต้องรายงานที่บันทึกเก็บไว้ในบัญชีช่วงหนึ่งปีนี้ต่อหน้าองค์หญิงโดยทันทีพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนกระตุกริมฝีปาก กล่าวว่า “เหลียนชิงโจว รู้ใจข้าเสียจริง เขาต้องรู้ว่า หากข้าไม่ขาดตั๋วเงิน ก็ไม่มีทางมาสถานที่แห่งนี้ให้ทุกคนวุ่นวายหรอก”
ผู้ดูแลไปที่ช่องลับถือหีบละเอียดงดงามขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ออกมา และใช้กุญแจเปิดออก กล่าวขึ้นว่า “ทุกเดือนได้มีรายการบันทึกเก็บไว้ในบัญชีให้องค์หญิง กระหม่อมใส่ไว้ในหีบแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ขอเชิญองค์หญิงตรวจสอบดูได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
พอเปิดดูมีตั๋วเงินวางซ้อนกันเป็นระเบียบจำนวนหลายเท่า ราวกับดันเต็มหีบแล้ว
เฉินเสียนไม่ได้ไปนับอย่างละเอียดว่าในนั้นมีอยู่เท่าไหร่ แต่เธอรู้ เหลียนชิงโจวมีความสามารถทำการค้าขายล้ำเลิศ สามารถหาตั๋วเงินได้
เฉินเสียนรับหีบและกุญแจมา กล่าวว่า “ขอบใจผู้ดูแลมากนะ”
“นี่เป็นเรื่องที่อยู่ในหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบพ่ะย่ะค่ะ”
หลิวอีกว้าตามมาตรฐานแล้วไม่ใช่ผู้ที่สอดรู้สอดเห็น ดังนั้นหลังจากที่เขาพาเฉินเสียนมาแล้วก็ได้กลับออกไปร้านแผงลอยตัวเองก่อนแล้ว
เดิมคิดว่าเฉินเสียนทำภารกิจเสร็จก็จะกลับไป แต่ทว่าคิดไม่ถึงว่าจะกลับมาที่หน้าร้านแผงลอยเขา ในมือถือหีบ อีกทั้งนั่งลงตรงที่ที่หลิวอีกว้าเตรียมไว้ให้กับแขก และภายใต้สายตาข่มขู่ของหลิวอีกว้า เธอก็ยิ้มออกมาอย่างราบเรียบ แล้วกล่าวขึ้นว่า “มาทำนายดวงชะตาให้ข้าทีสิ”
เธอวางหีบลงบนพื้น เธอยกฝีเท้าเหยียบตามอำเภอใจ จึงเตะเข้าไปใต้โต๊ะที่มีผ้าปิดเท้าของหลิวอีกว้าอยู่ แล้วกล่าวว่า“ดูแม่นยำนี่ก็เป็นรางวาลตอบแทน”
หลิวอีกว้าพูดช้าอย่างระมัดระวังว่า “ท่านล้อเล่นอะไรกัน ชีวิตของผู้ร่ำรวยมีเกียรติยังต้องทำนายหรือ?”
เฉินเสียนกล่าวว่า “ช่วงนี้โชคไม่ดี อยากพลิกโชคชะตาให้ดีขึ้น”
หลิวอีกว้าจึงแกล้งทำท่าทางช่วยดูให้เธอ โบกสะพัดเสียงขึ้นไม่กี่ประโยคอยู่เป็นนิจ แต่ตอนที่ทั้งสองคนกำลังคึกครื้นโวยวายอยู่นั่น ก้มศีรษะคุยแลกเปลี่ยนกันกลับไม่มีผู้ได้ยิน
หลิวอีกว้าถามว่า “ท่านอยากจะพลิกอย่างไรล่ะ”
“เจ้าอยู่ปะปนนานกว่าข้า มนุษย์สัมพันธ์กว้างขวาง ข้าต้องการซื้อของ ในหีบนี้มีตั๋วเงิน เจ้าหาวิธีดูเถิด”
หลิวอีกว้ามองลายมือของเฉินเสียน นานมากไม่กล่าวออกมา
เฉินเสียนกล่าวอีกว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากทำความชั่วตามผู้อื่น ข้าเพียงแค่อยากขอให้เจ้าช่วยทำเรื่องนี้ ตั๋วเงินมีจำนวนมาก ที่เหลือนั้นเจ้าเอาไป”
หลิวอีกว้ามองเฉินเสียน แล้วกล่าวว่า“ถึงแม้ข้าเป็นชายที่ทำนายดวงชะตา แต่ก็มีหนังสือคำสอน ท่านดูถูกข้าว่าทำไม่ได้หรือ? พูดแล้วก็หัวเราะ กล่าวอีกว่า “ท่านเชื่อหรือไม่ว่าข้าดูลายมือเป็น?””
เฉินเสียนหัวเราะเช่นกัน กล่าวว่า“ข้าเชื่อ เช่นนั้นเจ้าดูให้ข้าสิ อนาคตดวงชะตาข้าเป็นอย่างไร? ”
หลิวอีกว้ากล่าวเสียงต่ำและสุขุมว่า “นกชนิดหนึ่งไม่ได้แย่ไปกว่าหงส์เลย สามารถกางปีกบินฉวัดเฉวียนได้สูงเช่นกัน ”
เฉินเสียนกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าพนันว่าข้าจะชนะหรือไม่?”
หลิวอีกว้าถามว่า “ท่านต้องการซื้อสิ่งใด?”
“อยากสังหารคน ”เฉินเสียนกล่าวอย่างสบายๆ อีกด้านก็หยิบพู่กันจีนบนโต๊ะ เขียนเวลาและสถานที่
“เช่นนั้นข้าจะไปช่วยท่านถามดู มีร้านไหนที่อยากจะรับการค้านี้หรือไม่”
“ต้องการที่เก่งกาจสักหน่อยนะ ถึงอย่างไรฝั่งตรงข้ามก็ไม่ง่ายที่จะยั่วยุได้ ทำสะอาดสักนิดหนึ่ง ช้าสุดส่งข่าวให้ข้าเย็นวันนี้นะ”
หลิวอีกว้าพูดพล่ามไม่รู้ว่าพูดอะไร นี่เพิ่งจะทำนายได้ครึ่งหนึ่ง ก็ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว ฉินหรูเหลียงกับอวี้เยี่ยนเพิ่งจะมาอย่างรีบร้อน
อวี้เยี่ยนพอคุยกับเฉินเสียนก็เริ่มน้ำตาคลอ กล่าวว่า “ภรรยาเอกไปไหนมา บ่าวนึกว่าภรรยาเอกหายไปแล้ว บ่าวตกใจแทบแย่! ภรรยาเอกทำสิ่งใดหรือ”
เฉินเสียนกล่าวว่า “ดูดวงชะตา”
หลิวอีกว้ากล่าวว่า “ดูรูปร่างหน้าตาของนายหญิงแล้ว ในระยะนี้คงจะไม่เหมาะออกไปด้านนอก กลัวว่าจะก่อเกิดภัยแห่งความตาย”
อวี้เยี่ยนจ้องเขาเขม็ง กล่าวว่า “นักเล่นแร่แปลธาตุพเนจร ทั้งปากเต็มไปด้วยคำพูดมั่วเชื่อถือไม่ได้”
ต่อมาเฉินเสียนถึงได้ออกมาจากที่นั่นด้วยกันกับฉินหรูเหลียงและอวี้เยี่ยน บนเรือไม่มีสิ่งใดน่าเที่ยวชมแล้ว จึงออกนำหน้ากลับจวน
พอพวกเขาถึงหน้าประตูจวน ผู้สอดแนมเลยได้นำเรื่องที่เฉินเสียนออกนอกจวนวันนี้รายงานไปในพระราชวัง
องค์จักรพรรดิหัวเราะเยือกเย็น กล่าวว่า “นางยังไปดูดวงชะตาหรือ? ชีวิตมีผู้กำหนดไม่ใช่สวรรค์ เกรงว่านางสามารถเป็นได้เพียงอย่างนี้แล้วแหละ”
ถึงศาลยุติธรรมต้าหลี่ เฮ่อฟั่งตรวจสอบสิ่งของที่รื้อค้นมาจากเรือนของซูเจ๋อเป็นอย่างๆ ถึงแม้ว่าจะเตรียมตัวนานละ แต่ผลก็ทำให้เขารู้สึกผิดหวัง
พ่อบ้านและบ่าวจำนวนหนึ่งเข้าไปในศาลยุติธรรมต้าหลี่ก็ถูกลากไปที่ห้องสอบสวนและทรมาน
ในห้องสอบสวนที่มีการใช้เครื่องทรมานมีเสียงร้องครวญครางทุกข์สาหัสดังออกมา
พ่อบ้านอายุมากแล้ว ยากที่จะทนต่อการลงโทษที่โหดร้ายนี้ ไม่กี่ครั้งก็เป็นลมล้มพับไป แต่สำหรับเรื่องที่เฮ่อฟั่งไต่ถามทั้งหมด บ่าวล้วนไม่รู้ทั้งสิ้น และก็ไม่ยอมรับทั้งหมดเลย
ชั่วครั้งชั่วคราวมีกลิ่นคาวเลือดลอยออกมาจากห้องสอบสวน
เฮ่อฟั่งเดินออกมาจากห้องสอบสวนอย่างสบายอกสบายใจ มาถึงหน้าประตูคุกของซูเจ๋อ
ควบคุมซูเจ๋อไว้นั่นเป็นห้องขังเดี่ยว ด้านนอกห้องขังยังมีห้องขังว่างที่กำหนดไว้เป็นพิเศษ วางโต๊ะยาวไว้หนึ่งตัว สะดวกให้ผู้พิพากษาไต่สวนรายละเอียดของคดี
เฮ่อฟั่งถลกเสื้อขุนนางขึ้น นั่งลงด้านข้างโต๊ะ
เวลานี้ซูเจ๋อนั่งอยู่ในคุก สีหน้าเรียบเฉย รูปร่างหน้าตาที่สะอาดบริสุทธิ์ของเขา กับห้องขังมืดมิดไม่สอดรับกันนี้ พอทำให้เฮ่อฟั่งเห็นแล้ว ก็อดไม่ได้ที่อยากจะฉีกความนิ่งสงบเยือกเย็นบนใบหน้านั้น