ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 416 ไม่อยากรบกวนพระองค์

เฮ่อฟั่งชะงักงันภายในใจ

สรุปแล้วเขาไม่ได้มีประสบการณ์มากมายอย่างผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่ที่เป็นขุนนางเก่าแก่มาหลายปี

ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่กล่าวว่า “แม่ทัพฉินเป็นตัวอย่าง องค์จักรพรรดิไม่ได้ผิด ผิดชั่วกาลนานคือขุนนาง วันข้างหน้าหากอาณาประชาราษฎร์ด้านนอกตำหนิ ว่าใต้เท้าเฮ่อเหี้ยมโหดอย่างมาก ใส่ร้ายบุคคลที่ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ท่านว่าองค์จักรพรรดิจะว่าอย่างไร? มีแม่ทัพฉินเป็นบทเรียนผู้หนึ่งแล้ว ข้าคิดว่าใจของใต้เท้าเฮ่อเข้าใจดีนะ”

คำพูดของผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่นั้นปลุกให้คนตื่นจากฝัน แน่นอนว่าเฮ่อฟั่งเข้าใจ

เมื่อถึงเวลานั้น เขาไม่สามารถพูดได้ว่าองค์จักรพรรดิสั่งให้เขาทำเช่นนี้ เขาทำได้เพียงแบกไว้บนบ่าตัวเอง และองค์จักรพรรดิก็จะทำกับเขาแบบที่ทำกับฉินหรูเหลียง ละทิ้งเขา

เมื่อก่อนเฮ่อฟั่งไม่เคยคิดสิ่งเหล่านี้เลย และวันนี้ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่ดึงสติแล้ว เขาไม่คิดไม่ได้แล้วแหละ

เดิมเฮ่อฟั่งคิดว่าหลังจากออกไปจากศาลยุติธรรมต้าหลี่แล้ว จะไปกล่าวหาผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่อย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าองค์จักรพรรดิสักหน่อย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ไม่ควรจะทำเช่นนั้น

เช่นนั้นจะสามารถพัวพันถึงเฮ่อเซียงที่อยู่เบื้องหลังได้ ตระกูลเฮ่อคือครอบครัวของเขา เฮ่อเซียงพัวพันเข้าไปแล้ว ไม่มีผลดีต่อเขาเลย

เฮ่อเซียงเป็นอัครเสนาบดีในราชสำนักไปพลางๆอยู่ หากเขาล้มแล้ว เฮ่อฟั่งก็อยู่ในสถานการณ์ที่ไร้ผู้สนับสนุนด้วย อนาคตเขาก็ทำได้เพียงอยู่ข้างกายพึ่งพิงองค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิใช้งานได้ก็ใช้เขา หากไม่ได้ใช้ก็ถีบทิ้งเหมือนกับฉินหรูเหลียง ใช้ขาข้างเดียวถีบเหยียบย่ำเขา

มือทั้งสองข้างของผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่สอดเขาในแขนเสื้อกว้าง ยืนอยู่ที่ประตูคุก เพื่อส่งเฮ่อฟั่งออกไป ยังกล่าวอยู่ทางด้านหลังเขาว่า “ใต้เท้าเฮ่อเป็นผู้ที่รู้เหตุรู้ผล ควรที่จะมีการเก็บทางหนีทีไล่เพื่อตนเองนะ”

เขามองตามร่างของเฮ่อฟั่งที่ไม่นานก็เดินไปได้ไกลแล้ว ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่ได้สติกลับมา อดไม่ได้ที่จะทอดถอนหายใจออกมา คำพูดนี้มุ่งตรงพูดเขาไปในใจของเฮ่อฟั่ง องค์หญิงวางแผนความคิดได้เหนือชั้นมาก

ไม่เพียงแต่ทำลายความเสี่ยงที่เฮ่อฟั่งจะไปกล่าวหากับองค์จักรพรรดิให้หมดสิ้นไป ยังรักษาช่องห่างความสัมพันธ์สนิทไว้ใจของเขากับองค์จักรพรรดิด้วย

อนาคตเฮ่อฟั่งทำภารกิจ คาดว่าจะไม่ได้หลงระเริงเช่นนี้แล้ว ทุกเรื่องก็รู้ว่าควรที่จะมีการเก็บทางหนีทีไล่ไว้ให้ตัวเอง

ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่หวนกลับมาอีก เห็นซูเจ๋อถูกขังในห้องขังอีกครั้ง ชุดสีคราบอาบด้วยเลือด ในภาพแห่งความทรงจำของเขา น้อยมากที่ตกระกำลำบากเช่นนี้

แต่ถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ พวกเขาก็จนปัญญาไม่มีทางเลือก ช่วยได้เพียงเท่านี้แล้ว

ซูเจ๋อยังมีสติดี ปล่อยปากที่กัดเอาไว้ก็อดไม่ได้ที่จะไอแหบแห้งออกมาหลายครั้ง กล่าวผ่านที่กั้นประตูว่า “เมื่อครู่นี้ขอบคุณใต้เท้าที่กรุณาช่วยเหลือ”

ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่กล่าวว่า “ใต้เท้าซูไม่จำเป็นต้องเกรงใจ ข้าเพียงแค่เอากฎเกณฑ์มาพูด”

จอนผมดกดำหล่นลงมา ปกคลุมใบหน้าของซูเจ๋อ เหลือไว้เพียงคางและริมฝีปากข้างหนึ่งที่จืดชืด ใต้แสงที่สาดส่องเข้ามาจากหน้าต่างบานเล็ก ความซีดเผือดชัดเจนอย่างมาก

ซูเจ๋อกล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “แต่ในวิธีนี้ ใต้เท้าล่วงเกินผิดใจองค์จักรพรรดิเพื่อข้า ได้ไม่คุ้มเสียเลยนะ”

มันได้ไม่คุ้มเสียจริง ที่ขุนนางเก่าเหล่านี้มาเสี่ยงอันตราย

ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ไม่สามารถปิดบังได้อย่างแท้จริง ข้าก็ได้รับคำฝากฝังขององค์หญิงและเฮ่อเซียง องค์หญิงเป็นห่วงว่าใต้เท้าอยู่ในคุกจะรับการลงโทษที่โหดร้ายไม่ได้ ถึงได้อ้อมมาหาข้าที่นี่ มีเฮ่อเซียงเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย อีกทั้งมีคำชี้แนะขององค์หญิง เฮ่อฟั่งไม่มีทางนำเรื่องนี้ไปพูดต่อหน้าองค์จักรพรรดิหรอก”

ซูเจ๋อบีบเปลือกตาแคบลง มุมปากกระตุก บนใบหน้าซีดเผือด ราวกับหิมะบนยอดภูเขา ถึงแม้ว่าความอบอุ่นจะน้อยอยู่บ้าง แต่ทว่ามีการหักเหของแสงยกเสมอลำตัวมีความหล่อเหลวเป็นอย่างมาก

ศีรษะของเขาพิงที่กำแพง คางเงยขึ้นเล็กน้อย แววตามีรอยยิ้ม กล่าวขึ้นว่า “ใช่หรือ อย่างนี้ก็ดีมาก”

ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่รู้ว่าซูเจ๋อนิสัยสงบเงียบ ตอนนี้อยู่ในคุกชีวิตล่อแหลมระหว่างความเป็นความตาย แต่ทว่ายังสามารถยิ้มออกมาได้

เขาน่าจะไม่เข้าใจความคิดของซูเจ๋อเลย และไม่เข้าใจความสุขภายในใจของเขาตอนนี้

เขานึกขึ้นได้พรวดพราด วัยเด็กสอนเฉินเสียนหัดเดิน เธอเดินขากะเผลกตามตัวเอง และวันนี้ ครั้งแรกที่เฉินเสียนติดต่อกับราชสำนัก ราวกับเขาเห็นเธอกับตอนวัยเด็กที่ล้มลุกคลุกคลาน

แม้ว่าลำบาก แต่เธอพยายามเดินไปข้างหน้า

ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่ไม่เข้าใจซูเจ๋อ แต่ทว่าซูเจ๋อเข้าใจเขาเป็นอย่างมาก ยิ่งเข้าใจเหล่าขุนนางเก่ากลัวนำความหายนะมาสู่ หากไม่มีคนเชิญพวกเขาออกหน้า เกรงว่าพวกเขาไม่มีทางเป็นฝ่ายทำเองเช่นนี้ ยิ่งเวลานี้ไม่มีทางช่วยเขาลดการลงโทษและล่วงเกินผิดใจองค์จักรพรรดิ

เมื่อครู่ซูเจ๋อเพียงแค่ใช้กลอุบายเอ่ยออกมาโดยไม่ต้องคิด ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่ก็บรรยายเรื่องราวออกมาเป็นขั้นเป็นตอนแล้ว รู้ว่ามีเฉินเสียนชักมือ ผลลัพธ์อย่างนี้สอดคล้องกับจิตใจของเขา

“ขอบคุณใต้เท้าที่แจ้งให้ทราบ ข้าซาบซึ้งในบุญคุณอย่างสุดซึ้ง”

ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่โบกมือพัลวัน กล่าวว่า “ข้าทำได้เพียงสิ่งเหล่านี้ ไม่มีค่าพอที่จะกล่าวถึงหรอก ใต้เท้าซูทำตัวให้ดีๆเถิด หากมีวิธีใดที่สามารถช่วยใต้เท้าซูได้ หรือมีคำพูดใดที่อยากจะฝากบอกองค์หญิง ข้าสามารถปฏิบัติแทนได้นะ”

ซูเจ๋อส่ายศีรษะ รอยยิ้มบริเวณมุมปากไม่ได้จางหายไป เขาก้มศีรษะแล้วลูบแขนเสื้อตามแต่ใจประสงค์ แล้วกล่าวขึ้นว่า “ไม่มีหรอก ข้าไม่อยากเอาความคิดเห็นไปรบกวนองค์หญิง”

หากไม่สามารถช่วยเขาได้ อนาคตอาเสียนของเขาจะเอาสิ่งใดไปรักษาต้าฉู่ให้รอดพ้นล่ะ?

เขาเชื่อ เธอสามารถทำได้

ไม่นาน เฮ่อฟั่งก็ได้ส่งคนมา เฝ้าดูคุกเข้มงวดมากขึ้น ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่ก็จนปัญญา พูดกับซูเจ๋อมากกล้วว่าจะไปเข้าหูเฮ่อฟั่ง ก็เลิกคุยแล้วพาคนติดตามออกไปจากคุก

ที่สวนสระวสันตฤดู เฉินเสียนยังคงนอนหมดสติอยู่ แม่นมซุยรีบไปเชื้อเชิญหมอมา อวี้เยี่ยนไร้หนทาง เลยไปเรียกฉินหรูเหลียงมา

ตั้งแต่เมื่อวานหลังจากรู้ว่าเกิดเรื่องกับซูเจ๋อ เฉินเสียนไม่ได้หยุดพักผ่อนและกินอาหารเป็นกิจจะลักษณะเลย และก็ไม่ได้นอนหลับอย่างสบาย

ผู้อื่นเกลี้ยกล่อมเธอก็ไม่หยุด สุขภาพร่างกายที่ป่วยหนักเพิ่งจะกลับมาสภาพเดิม จะสามารถทรมานให้เจ็บปวดได้อย่างไร?

เธอทำเพื่อซูเจ๋อ เลยพยายามออกแรงทรมานร่างกายตัวเอง

นี่เพิ่งจะเช้าตรู่ เธอก็เป็นลมไปแล้ว

ฉินหรูเหลียงเป็นชายผู้หนึ่ง จะดูแลชีวิตประจำวันของเฉินเสียนได้ที่ไหนกัน เขามาก็เพียงแค่มือไม้อ่อนทำอะไรไม่ถูก

เห็นสีหน้าของเฉินเสียนแปลกประหลาด ฉินหรูเหลียงก็โมโหมาก กล่าวกับอวี้เยี่ยนอย่างเย็นชาว่า “เป็นลมไปได้อย่างไร?เจ้าเป็นสาวใช้ข้างกายเฉินเสียน ไม่ว่านางนอนหรือว่าเป็นลม เจ้าต้องจับตาดูตลอดเวลาสิ!”

อวี้เยี่ยนน้ำตาร่วงกล่าวว่า “บ่าวทำหน้าที่ดูแล ตลอดทั้งคืนไม่กล้าปิดตานอนเลยนะเจ้าคะ”

“นางหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

อวี้เยี่ยนเศร้าสลดใจกล่าวว่า “ไม่รู้ว่าเป็นลมนับว่านอนหลับไปหรือไม่……….”

ฉินหรูเหลียงชะงักงัน สีหน้าเย็นชากล่าวว่า “นางไม่ได้นอนทั้งคืนหรือ?”

อวี้เยี่ยนเริ่มร้องไห้ กล่าวว่า “นั่งหน้าโต๊ะค่อนคืน บ่าวเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็มิยอม ฟ้าสางองค์หญิงเพิ่งจะลุกขึ้นก็เป็นลมวูบไปแล้วเจ้าค่ะ……..”

ฉินหรูเหลียงนั่งข้างเตียงเฉินเสียน หากเวลานี้เฉินเสียนตื่นมา เขาต้องชี้นิ้วด่าเฉินเสียนอย่างแน่นอน

แต่นั่นเพียงโมโห เขามองใบหน้าซูบเซียวของนาง ครู่ใหญ่ๆได้ยกมือลูบอย่างบางเบา มือสัมผัสเยือกเย็น เขายิ่งเจ็บปวดใจมากขึ้น

ฉินหรูเหลียงพบว่านางตัวเย็นมาก มือเท้าคล้ายดั่งน้ำแข็งอัดแน่น

ฉินหรูเหลียงขมวดคิ้ว กล่าวว่า “เหตุใดถึงเย็นเยี่ยงนี้เล่า?”

เขารีบนำเฉินเสียนตัวเย็นเฉียบในผ้าห่มเข้ามาสวมกอด ฝ่ามือแนบที่แผ่นหลังของเฉินเสียนเพื่อส่งมอบพลังลมปราณชี่แท้ และสั่งอวี้เยี่ยนว่า “ไปหยิบเตาผิงมาเยอะๆ นางหนาวตัวเย็นมาก ภายในห้องต้องมีความอบอุ่นเพียงพอถึงจะได้”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset