ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 42 จิตสังหารในแววตาของเธอ

เฉินเสียนชำเลืองมองพวกบ่าวที่อยู่นอกโถงบุปผาและกล่าวว่า “ท่านคิดจะตบข้าต่อหน้าผู้คนจำนวนมากนี่น่ะหรือ ถึงองค์หญิงจะไม่ต้องการเกียรติยศศักดิ์ศรี แต่ราชสำนักยังต้องการอยู่นะฉินหรูเหลียง ข้าเป็นคนอาฆาต วันนี้ถ้าท่านตบข้า ข้าจะคิดบัญชีเป็นสิบเท่า ไม่ว่าจะเป็นท่านก็ดี เป็นเหมยอู่ก็ดี”

ฝ่ามือของฉินหรูเหลียงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นกำปั้น

สิ่งที่จักรพรรดิตรัสกับเขาในห้องตำราหลวงเมื่อเช้านี้ยังคงดังก้องอยู่ในหู

สุดท้ายฉินหรูเหลียงก็ดึงมือกลับ เขาสะบัดแขนเสื้อและเอามือไพล่หลังก่อนจะยิ้มและเอ่ยอย่างมีโทสะว่า “ข้าจะไม่ตบท่านโดยไม่มีเหตุผล แต่เมื่อทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ แม้แต่องค์ชายทำผิดยังต้องได้รับโทษโดยไม่มีข้อยกเว้น ในเมื่อท่านเป็นองค์หญิงอีกทั้งยังเป็นภรรยาของแม่ทัพ เมื่ออยู่ในจวนแม่ทัพก็ควรทำให้เป็นเยี่ยงอย่าง!”

ฉินหรูเหลียงหยุดไปนิดหนึ่ง เขาเหลือบมองเซียงซั่นที่กำลังจะถูกลงโทษด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า จากนั้นจึงหันกลับมามองเฉินเสียนอย่างเกลียดชังและกล่าวว่า “ข้าฟังท่านกับเซียงซั่นเถียงกันอยู่นาน เซียงซั่นพิสูจน์ไม่ได้ว่าท่านเป็นคนผลักเหมยอู่ลงไปในสระ ท่านเองก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าท่านบริสุทธิ์จริง เมื่อเป็นเช่นนี้ เพื่อความเป็นธรรม ในเมื่อเซียงซั่นถูกลงโทษ ท่านก็ควรได้รับการลงโทษเช่นกันจึงจะเท่าเทียม”

ฉินหรูเหลียงว่าแล้วก็หันไปมองพ่อบ้านอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พาองค์หญิงออกไป โบยนางสามสิบที!”

เซียงซั่นไม่สนใจสถานการณ์อันวิกฤตของตัวเอง เมื่อได้ยินฉินหรูเหลียงพูดเช่นนั้นนางก็หัวเราะขึ้นมาและเอ่ยอย่างโหดเหี้ยม “ท่านแม่ทัพช่างปราดเปรื่อง! ในเมื่อบ่าวกับองค์หญิงต่างไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ หากองค์หญิงได้รับโทษด้วย บ่าวก็ยินดีจะโดนโบยหนักๆ สามสิบทีเจ้าค่ะ!”

ฮ่าๆๆ นางรู้ดีว่าท่านแม่ทัพไม่มีทางปล่อยนังแพศยาผู้นี้ไปแน่!

ถ้าวันนี้นางต้องแลกด้วยครึ่งชีวิต นังแพศยาผู้นี้ก็คงจะไม่ดีไปกว่ากัน! ทันทีที่แผ่นกระดานโบยลงมาสามสิบครั้ง ลูกของนังแพศยาจะมีทางรอดได้อย่างไร บางทีอาจจะต้องสูญเสียทั้งแม่และลูกก็เป็นได้ ไม่มีทางต้านลิขิตสวรรค์ได้เลย!

แม่บ้านจ้าวกับอวี้เยี่ยนแข้งขาอ่อนและคุกเข่าลงทันทีเพื่ออ้อนวอน “ท่านแม่ทัพทำเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ! องค์หญิงทรงพระครรภ์ห้าเดือนแล้ว จะถูกทุบตีเช่นนี้ได้อย่างไร! ถ้าถึงตอนนั้นมันจะเป็นเรื่องของหนึ่งคนสองชีวิต! บ่าวยินดีรับโทษแทนองค์หญิงเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพโปรดเมตตาด้วย!”

โปรดเมตตา? เมื่อนางลงมืออย่างโหดเหี้ยมนางเคยคิดเมตตาใครบ้างไหม

ฉินหรูเหลียงเอ่ยอย่างเย็นชา “ในท้องของนางไม่ใช่เครื่องรางช่วยชีวิต ถ้าหากการตั้งครรภ์ช่วยให้ได้รับเว้นการลงโทษไปเสียทั้งหมดก็ไม่ต้องมีขื่อมีแปกันแล้ว! จะเป็นหรือตายขึ้นอยู่กับสวรรค์ ถ้าวันนี้เด็กไม่รอดนั่นก็เป็นเพราะเวรกรรมที่นางก่อไว้ อย่าได้ไปโทษผู้อื่น”

ความเย็นชาและความรังเกียจต่อองค์หญิงที่ท่านแม่ทัพสั่งสมมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็ปรากฏออกมาให้ข้ารับใช้ทุกผู้ทุกคนในจวนแม่ทัพได้เห็นอย่างหมดเปลือก

ฉินหรูเหลียงไร้ซึ่งความปรานีจนผู้คนเห็นแล้วรู้สึกผิดหวัง แม้แต่ลูกของตัวเองเขายังคิดจะฆ่าได้ลงคอ

ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นชีวิตชีวิตหนึ่งเลยนะ

พ่อบ้านก้าวไปข้างหน้าและเอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ท่านแม่ทัพขอรับ พระวรกายขององค์หญิงไม่มีทางทนรับการลงโทษเช่นนี้ได้ ถ้าทารกเสียชีวิตในพระครรภ์ชีวิตขององค์หญิงจะยิ่งน่าเป็นห่วง บ่าวขอวิงวอนต่อท่านแม่ทัพ ถ้าจะต้องโบยสามสิบครั้งจริงๆ โปรดรอจนองค์หญิงประสูติก่อนเถอะขอรับ”

ฉินหรูเหลียงเอ่ยว่า “ใครยังกล้าร้องขอความเมตตาอีก จะต้องถูกลงโทษไปด้วย”

เฉินเสียนถือไม้พลองไว้ในมือพลางพูดว่า “ฉินหรูเหลียง ท่านยกระดับความต่ำช้าของท่านอีกแล้วสินะ ข้าละเลื่อมใสจริงๆ วันนี้ท่านอยากจะตบข้า ท่านต้องถามด้วยนะว่าข้าจะยอมหรือไม่”

แม้ว่านี่จะเป็นคำสั่งของฉินหรูเหลียง แต่บ่าวคนไหนเล่าจะกล้าลงมือ? ทุกคนต่างก็กลัวว่าหากทำร้ายองค์หญิง ผลร้ายจะตกกลับมาบนหัวพวกเขา

ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงยืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับตุ๊กตาไม้และไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง

ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า “ถ้าพวกเจ้าไม่ทำ งั้นข้าก็คงต้องทำเอง”

ทันทีที่สิ้นเสียง ไม้พลองในมือของเฉินเสียนก็เคลื่อนไหวราวกับมังกรและจู่โจมไปที่ฉินหรูเหลียงทันควัน

ฉินหรูเหลียงรับการจู่โจมด้วยมือเปล่า แม้จะรู้ว่าเฉินเสียนพอจะมีทักษะ แต่เขาก็ไม่คิดว่าเธอจะปราดเปรียวเช่นนี้ เธอฟาดไปที่แขนของฉินหรูเหลียงทีละข้างๆ อย่างแรง

เพราะมีภาระอยู่ในท้อง ลมหายใจของเฉินเสียนจึงไม่สม่ำเสมอ ในไม่ช้าเธอก็ควบคุมร่างกายไม่ได้ดั่งใจ ไม่อย่างนั้นเธอคงจะฟาดไปที่แขนของฉินหรูเหลียงอีกสักสองสามที

ฉินหรูเหลียงโกรธจนหน้าเขียว แม้จะไม่ถึงกับเรียกว่าเจ็บปวดแต่เฉินเสียนก็ออกแรงเต็มที่ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่เจ็บเลย นอกเสียจากว่าผิวและกระดูกของเขาจะทำมาจากทองแดงและเหล็ก

ในที่สุดเฉินเสียนก็เสียท่า ฉินหรูเหลียงยึดไม้พลองไปได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว

แววตาของเฉินเสียนเป็นประกายกล้าอย่างโหดเหี้ยม ไม่เพียงแต่ไม่หยุดมือ แต่ในวินาทีต่อมาเธอยังดึงกริชขนาดยาวเท่าไม้บรรทัดออกมาจากแขนเสื้อและแทงออกไป

ชั่วขณะนั้นฉินหรูเหลียงมองเห็นจิตสังหารในแววตาของเธอ เขารู้สึกหนาวขึ้นมาจับใจ

ความเด็ดเดี่ยวของเธอมีไม่แพ้บุรุษหน้าไหนแน่นอน แม้ว่าเขาจะเคยชินกับการรบราฆ่าฟันในสนามรบ เขาก็จำต้องมองเธอใหม่เสียแล้ว

ฉินหรูเหลียงมองคมมีดที่แทงเข้ามา เขาเบี่ยงหลบในชั่วพริบตาแล้วคว้าข้อมือของเธอไว้อย่างง่ายดาย เฉินเสียนพลิกฝ่ามืออย่างรวดเร็วและใช้กริชฟันไปที่ข้อมือของฉินหรูเหลียง

ฉินหรูเหลียงปล่อยมืออย่างทันท่วงทีทำให้เฉินเสียนฟันพลาดไปโดนแขนเสื้อของเขา

ทุกคนที่อยู่นอกโถงบุปผาต่างพากันตกตะลึง

ฉินหรูเหลียงหมดความอดทนและขยับมือเร็วขึ้น ด้วยพละกำลังมหาศาลของเขา ในที่สุดเขาก็คว้าแขนของเฉินเสียนไว้ได้ด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างรวบเธอเข้ามาไว้แนบอกของเขา เขาจับมือข้างที่ถือกริชของเฉินเสียนเอาไว้และจ่อมันไปใกล้คอที่ขาวสะอาดของเธอ

แผ่นหลังของเฉินเสียนอยู่แนบกับแผงอกกว้าง ลมหายใจหอบกระชั้น

แค่เคลื่อนไหวเพียงนิดเดียวคมมีดก็จะกรีดคอของเธอทันที

ฉินหรูเหลียงค่อยๆ โน้มตัวไปข้างหน้าจนศีรษะแนบอยู่ที่ข้างหูของเธอ ลมหายใจเย็นๆ เป่ารดที่ข้างหู เขาเอ่ยอย่างดูแคลนว่า “อยากจะฆ่าข้าหรือ? มันก็ขึ้นอยู่กับว่าท่านมีฝีมือพอหรือเปล่า”

ในการเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่จังหวะนั้นฉินหรูเหลียงถูกกระตุ้นให้ตอบโต้ แต่อีกฝ่ายกลับเป็นผู้หญิงที่เขาเกลียดที่สุด

ดวงตาของเขาสบเข้ากับใบหูของเฉินเสียน เป็นครั้งแรกที่เขาสังเกตเห็นว่าใบหูของเธอทั้งเล็กและสวยงาม เส้นผมที่ระอยู่บริเวณนั้นดูเข้ากันพอดิบพอดี และอยู่ใกล้จนเห็นรอยเจาะรูที่ติ่งหูซึ่งถูกปล่อยทิ้งไว้โดยปราศจากต่างหู

เขามองเลยไปที่ใบหน้าด้านของเฉินเสียนอีกครั้ง ดูเหมือนเขาจะชินกับรอยแผลเป็นบนใบหน้านั้นแล้วและไม่รู้สึกสะอิดสะเอียนเหมือนตอนเห็นครั้งแรก

แต่เขายังคงเกลียดเธอมาก

ฉินหรูเหลียงรู้ว่าด้วยอุปนิสัยของเฉินเสียน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะยอมให้เขาโบยสามสิบครั้งง่ายๆ แต่จนถึงบัดนี้เหมยอู่ยังคงนอนบาดเจ็บอยู่บนเตียง เขาจะปล่อยเฉินเสียนไปได้อย่างไร

เขาจะต้องลงโทษเธอด้วยตัวเขาเอง

คราวนี้เฉินเสียนเป็นคนเริ่มก่อน แม้ว่าจักรพรรดิจะตำหนิเขาแต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิด

รอยยิ้มฉาบฉายอยู่ในดวงตาของเฉินเสียน เธอไม่มีท่าทีตื่นตระหนกและเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “ข้าไม่มีฝีมือและเอาชนะท่านแม่ทัพฉินไม่ได้ สมแล้วที่เป็นถึงแม่ทัพใหญ่อันดับหนึ่งแห่งต้าฉู่ จัดการกับข้าที่เป็นผู้หญิงได้ง่ายดาย”

แววตาของฉินหรูเหลียงเปลี่ยนไป เขาเอ่ยเรียบๆ ว่า “นี่ไม่ใช่เวลาร้องขอความเมตตาหรอกหรือ ยังจะกล้าพูดจาแดกดันได้อย่างฉะฉานอยู่อีกนะ”

เฉินเสียนหันไปชายตามองเขาแล้วพูดว่า “ข้าก็แค่ยั่วยุท่าน ท่านกล้าบั่นคอข้าด้วยกริชนี้ไหมล่ะ” ฉินหรูเหลียงต้องขยับกริชหนีเมื่อเธอหันศีรษะ

เธอยิ้มอย่างสงบและกล่าวว่า “ท่านไม่กล้าฆ่าข้าละสิแม่ทัพฉิน หากฆ่าองค์หญิงจิ้งเสียนแห่งต้าฉู่ ท่านจะกลายเป็นกบฏ”

ฉินหรูเหลียงขมวดคิ้วแน่นด้วยความเดือดดาล

เฉินเสียนกล่าวว่า “แต่ข้ากล้า ข้ามีอะไรต้องกลัวล่ะ ถึงอย่างไรข้าก็เป็นแค่คนที่ถูกทอดทิ้ง เป็นองค์หญิงผู้ตกต่ำที่ถูกแม่ทัพใหญ่กระทำอย่างโหดร้าย วันหนึ่งข้างหน้าเมื่อข้าสิ้นหวังและหมดหนทาง ก็เป็นไปได้ว่าข้าอาจจะคว้ามีดมาฆ่าพวกท่านยกครัว… บางทีท่านอาจจะช่วยเสด็จพี่ขจัดเสี้ยนหนามชิ้นใหญ่ของพระองค์ได้ก็เป็นได้ นับเป็นคุณูปการของท่านเลยนะ!”

แววตาของฉินหรูเหลียงมืดมนลง เขากำกริชในมือแน่นและพูดช้าๆ อย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “เฉินเสียน อย่ามั่นใจไปหน่อยเลย”

ทันใดนั้นก็มีเสียงเล็กแหลมดังขึ้นมาจากด้านนอก “พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ ดูคึกคักกันเสียจริง”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset