รอหลังจากที่นางสนมกลับไป เฉินเสียนกับฉินหรูเหลียงก็ได้กินอาหารกันตามสบาย
ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า “นางบอกว่าคือเจียงหนาน หมายถึงผู้พิทักษ์เมืองคนก่อนหน้าของเจียงหนานใช่หรือไม่?”
“ประมาณนั้นแหละ”เฉินเสียนกล่าวว่า “หากผู้พิทักษ์เมืองผู้นั้นกับในเมืองหลวงไม่มีการติดต่อกัน จะมีความกล้ามากเช่นนี้ที่ไหนกันล่ะ แต่คิดไม่ถึงว่า คนในเมืองหลวงผู้นั้นคือเฮ่อฟั่ง”
“ก่อนที่เฮ่อฟั่งจะเข้าดำรงตำแหน่งขุนนางระดับสี่ชั้นเอกศาลยุติธรรมต้าหลี่ เขาดำรงตำแหน่งอยู่ฝ่ายโยธาธิการ หลังจากที่ผู้พิทักษ์เมืองเจียงหนานเกิดเรื่อง เขาก็เลยย้ายมาที่ศาลยุติธรรมต้าหลี่”ฉินหรูเหลียงกล่าวเตือนสติ
“มิน่าเล่า เหตุผลที่ชัดแจ้งคือใช้ตำแหน่งแสวงหาประโยชน์เข้าตัว รอหลังจากที่การกระทำขัดต่อกฎหมายเปิดโปงแล้ว ก็เลยเร่งรีบย้ายรัง”
ปากเฉินเสียนพูดอย่างนี้ แต่ทว่าในใจมีความรู้สึกหนึ่ง ราวกับว่าซูเจ๋อรู้จุดนี้แล้ว เขาเลี้ยงปลาตัวนี้ เพื่อรับปลามันเติบใหญ่ทั้งตุ้ยนุ้ย แล้วค่อยสังหารมัน
แต่กลัวว่าไม่เพียงแต่เฮ่อฟั่ง ที่พัวพันในเรื่องนี้ ไม่แน่ว่ายังจะลากกลุ่มขุนนางที่กินสินบนออกมาได้ด้วย
ออกมาจากหอสุรา เวลายังไม่มืดค่ำ เฉินเสียนกับฉินหรูเหลียงก็ไปที่โรงน้ำชาฟังการเล่าเรื่องอยู่สักพักหนึ่ง
ตอนที่กลับไป เฉินเสียนเข้าสวนสระวสันตฤดู หันกลับไปเห็นฉินหรูเหลียงเดินตามเข้ามา จึงกล่าวว่า “ข้ากลับมาเรือนแล้ว ท่านก็กลับไปได้แล้ว”
ฉินหรูเหลียงเดินบุ่มบ่ามผ่านเธอไป กล่าวขึ้นว่า “ข้าก็กลับมาที่เรือนของข้าแล้ว”
เฉินเสียนกล่าวว่า “นี่เป็นเรือนข้า ท่านอยู่ในเรือนนี้ยังหลงลืมทิศทางหรือ?”
ฉินหรูเหลียงยืนอยู่ที่หน้าห้องว่างไม่มีคนพักมาโดยตลอด หันกลับมาชำเลืองมองแล้วกล่าวกับเฉินเสียนว่า“อ้อ วันนี้ข้าเพิ่งจะตัดสินใจย้ายมา”
“ผู้ใดอนุญาต?”เฉินเสียนหรี่ตามอง
“ข้าเคยถามท่านแล้ว ท่านไม่เปล่งเสียงพูดออกมาก็บอกเป็นนัยแล้ว ผู้ใดให้ท่านเป็นลมแล้วไม่ตื่นเล่า ไม่ควรที่จะกล่าวโทษข้า”
“…………”
พูดแล้วฉินหรูเหลียงก็เปิดประตูห้องเข้าไป ทิ้งเฉินเสียนยืนอยู่ในเรือนคนเดียว เธอรู้สึกว่าคนผู้นี้เรือนหลักทั้งกว้างทั้งสบายกลับไม่พัก ดึงดันจะมาเบียดเสียดในเรือนที่ไม่ใหญ่กับเธอให้ได้ ราวกับสมองนี้บ้าไปแล้ว
ข่าวลือวิพากษ์วิจารณ์ของต้าฉู่นับว่าอิสระเสรีมาโดยตลอด
บุรุษนักเล่าในโรงน้ำชาที่ขายสุราด้วย พูดส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงของต้าฉู่ ก่อนหน้าพักหนึ่งเฉินเสียนกลายเป็นหัวข้อหลักของการสนาทนาพูดคุยกัน ต่อมากลายเป็นซูเจ๋อ วันนี้ก็ควรเปลี่ยนนักแสดงนำแล้ว
วันต่อมาเนื้อหาการเล่าเรื่องในโรงน้ำชาที่ขายสุราด้วยได้เปลี่ยนไป เล่าถึงขุนนางที่กินสินบนในราชสำนัก ตอนนี้ขุนนางระดับสี่ชั้นเอกของศาลยุติธรรมต้าหลี่เฮ่อฟั่งเป็นหนังหน้าไฟ
ไม่นาน บนถนนซอกซอยล้วนเล่าต่อๆกัน บอกว่าเฮ่อฟั่งโลภจนไร้ขอบเขต ไม่เพียงแต่ใช้อำนาจแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน ยังทุจริตรับสินบนรายการใช้จ่ายที่ได้รับจัดสรรมา เขากับผู้พิทักษ์เมืองคนก่อนหน้านั้นของเจียงหนานเป็นคนที่มีลักษณะเดียวกันอยู่ด้วยกัน ยักยอกตำลึงจีนที่ราชสำนักจัดสรรให้ซ่อมแซมเขื่อนโดยเฉพาะเป็นของส่วนตัว
เจียงหนานซ่อมแซมเขื่อนพันลี้ เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้าทางเรือไปๆมาๆปกป้องกิจการทุกอย่างให้พัฒนาได้อย่างปกติ ยิ่งเพื่อตอนอาณาประชาราษฎร์เกิดภัยน้ำท่วมตอนน้ำท่วมขุดลอกแห้งแล้งทำให้เก็บน้ำรดพืชใช้ทั้งหมดได้ แต่ทว่าคิดไม่ถึง ปีนี้ช่วงเริ่มสารทฤดูน้ำท่วมโจมตี ผลสรุปเขื่อนพันลี้ที่มองแล้วเหมือนแข็งแกร่งไม่สามารถตีแตกได้ ชั่วเวลาประเดี๋ยวเดียวถูกทะลวงราวกับกากเต้าหู้
พอเขื่อนแตก น้ำท่วมไหลล้นกว้างขวาง ทำให้อาณาประชาราษฎร์จำนวนนับไม่ถ้วนพลัดจากที่อยู่ไปอย่างคนสิ้นเนื้อประดาตัว ผู้อพยพกลายเป็นทุกข์ยาก ตายและบาดเจ็บจำนวนนับไม่ถ้วน
ในสมัยนั้นเขื่อน โครงการทำโดยฝ่ายโยธาธิการส่งผู้ทำงานไปปฏิบัติงานยังหน่วยงานเบื้องล่าง เนื่องจากผู้พิทักษ์เมืองรับผิดชอบซ่อมแซมเขื่อน วันนี้พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเหล่าอาณาประชาราษฎร์ล้วนไม่พอใจอย่างมาก
เป็นขุนนางทุจริตนั่นแน่ที่ไม่สนใจชีวิตเหล่าอาณาประชาราษฎร์ แต่สนใจยักยอกตั๋วเงินมาซึ่งผลประโยชน์ของตัวเอง ถึงได้มีคนตายเยอะเช่นนี้
ตอนนี้ในเมืองหลวงคือเสียงตำหนิซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ใจของเฮ่อฟั่งโผเข้าหาคดีของซูเจ๋อ พอเข้าพระราชวังช่วงเช้าตรู่ ก็รู้สึกว่าขุนนางทั้งหลายมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด ต่อมาเขารู้จากปากผู้อื่น วันนี้ในเมืองหลวงวิพากษ์วิจารณ์เขาจนอึกทึกครึกโครม
องค์จักรพรรดิได้ยินข่าวลือเหล่านี้ กริ้วโกรธเป็นอย่างมาก สั่งคนไปตรวจสอบข่าวว่าผู้ใดเป็นผู้ที่ปล่อยออกไป ผลสรุปตรวจสอบได้ถึงเพียงโรงน้ำชา เบาะแสก็ขาด
มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักเดินออกมา กล่าวขึ้นว่า “องค์จักรพรรดิ เหล่าอาณาประชาราษฎร์ตำหนิใต้เท้าเฮ่อทุจริตรับสินบน กระหม่อมคิดว่าควรจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้ละเอียด หากมีเรื่องนี้จริง ควรจะให้คำอธิบายกับอาณาประชาราษฎร์ หากไม่มีเรื่องนี้ ควรจะคืนความบริสุทธิ์แก่ใต้เท้าเฮ่อพ่ะย่ะค่ะ”
เวลานั้นเฮ่อฟั่งคุกเข่าอยู่บนท้องพระโรง ใบหน้าซีดเผือด เขาคว่ำหน้าที่พื้น น้อมคำนับแล้วกล่าวว่า “องค์จักรพรรดิ กระหม่อมได้รับความไม่เป็นธรรมพ่ะย่ะค่ะ!เสียงนินทาซุบซิบด้านนอกนั้น เป็นการเจตนาร้ายทำให้กระหม่อมเสื่อมเสียชื่อเสียง!กระหม่อมวิงวอนองค์จักรพรรดิ จับผู้กระทำความผิดกระจายข่าวลือ แล้วคืนความบริสุทธิ์แก่กระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ!”
องค์จักรพรรดินั่งบนเก้าอี้มังกรสูงสง่า มองเฮ่อฟั่งอยู่บนพื้นราวกับมดที่เป็นบุคคลต่ำต้อย สีหน้าอึมครึมอย่างมาก
เวลาคับขันนี้ เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น ทำให้องค์จักรพรรดิเกิดความรู้สึกไม่พอใจเขาเป็นอย่างมาก
เฮ่อโยวถือแผ่นว่าราชการ ยืนอยู่ตรงกลางเหล่าขุนนางอย่างสงบ มองเฮ่อฟั่งที่สั่นเทาตัวโยนอยู่บนท้องพระโรงด้วยสีหน้าเย็นชา
ไม่เช้าก็เร็วเฮ่อฟั่งต้องเกิดเรื่อง เขายังไม่ได้เริ่มลงมือ ก็มีคนในเมืองหลวงพัดกระพือช่วยแล้ว
มีเสียงอาณาประชาราษฎร์ร่วมช่วย เขาสามารถทำเรื่องนี้ให้ยิ่งวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ได้มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของราชสำนักยืนก้าวมา กล่าวขึ้นว่า “หรือว่าใต้เท้าเฮ่อขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง ?มิเช่นนั้นจะวิงวอนองค์จักรพรรดิให้ไปตรวจสอบหาผู้ที่กระจายข่าวลือได้อย่างไร และทำเรื่องถูกต้อง ตัวจะไม่สั่นเทาประพฤติซื่อตรงไม่มีสิ่งใดต้องกลัว วิงวอนให้องค์จักรพรรดิไปตรวจสอบข่าวลือเรื่องนี้อย่างละเอียด?”
ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของราชสำนักหันไปคารวะองค์จักรพรรดิ แล้วกล่าวอีกว่า “เรื่องอุทกภัยเจียงหนานทะลวงพังทลายเขื่อน มีอาณาประชาราษฎร์พลัดจากที่อยู่ไปอย่างคนที่สิ้นเนื้อประดาตัวจำนวนนับไม่ถ้วนจริง อาจจะป่วยหรือไม่ก็ตาย หากเรื่องนี้ไม่ตรวจสอบให้ละเอียด เกรงว่ายากที่จะสงบความคับแค้นและกล่าวตำหนิของอาณาประชาราษฎร์ ขอให้องค์จักรพรรดิคิดทบทวนด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เพียงแค่มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของราชสำนักยืนออกมาเรียกแถวกัน ด้านหลังก็มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของราชสำนักต่างทยอยเห็นพ้องตามกัน
ขุนนางชั้นผู้ใหญ่เหล่านั้นที่เห็นพ้องตามกัน ไม่ใช่กลุ่มเดียวกันทั้งหมด มีผู้ที่ปกติไม่ชอบท่าทางเฮ่อฟั่งที่ปฏิบัติหน้าที่ และก็มีเห็นอกเห็นใจเหล่าอาณาประชาราษฎร์ อยากจะนำความผิดชั่วร้ายที่ปกปิดไว้ปรากฏออกมาอย่างเด่นชัดและคำอธิบายแก่อาณาประชาราษฎร์
เฮ่อฟั่งฟังคำกราบทูลเหล่านั้น คนทั้งคนราวกับอกสั่นขวัญหาย
เขาคิดไม่ถึง สองวันก่อนหน้าผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่เพิ่งจะเตือนสติเขา ทุกเรื่องต้องเก็บทางหนีทีไล่ให้ตัวเอง คิดไม่ถึงเร็วเช่นนี้ ก็ถูกทำให้เกิดความหายนะแล้ว
เขาป้องกันไม่ได้
องค์จักรพรรดิยังรับสั่งให้เขาพยายามรีบทำหลักฐานมาตัดสินคดีความของซูเจ๋อ คิดไม่ถึงว่าเฮ่อฟั่งทำตัวเองเหม็นฉาวโฉ่อย่างนี้ แม้ว่าองค์จักรพรรดิมีใจปกป้องเขา ก็ไม่สามารถที่จะไม่สนใจความคิดเห็นของเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของราชสำนักกับเสียงเรียกร้องอาณาประชาราษฎร์ด้านนอกได้
ปีนี้บรรจบสะสมกันกับมีผู้อพยพที่เจียงหนานจำนวนมากยากที่จะนับ จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้แก้ปัญหาอย่างถึงที่สุดเลย
ภัยอันใหญ่หลวงยังไม่ได้ขจัดออกเลย หากผู้อพยพก่อความวุ่นวายอีก นั่นก็คือการเติมเชื้อเพลิงในกองไฟแล้วและยุ่งยากมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้หลังจากแบกไว้บนบ่าสองวัน ในที่สุดองค์จักรพรรดิก็ได้มีรับสั่งให้กรมอาญาตรวจสอบเรื่องนี้
ผู้พิทักษ์เมืองคนก่อนหน้าก็ตายไปนานแล้ว ตายแล้วไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ ส่วนมากกรมอาญาก็ไม่สามารถตรวจสอบอะไรออกมาได้
อย่างไรก็ตามเรื่องยังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
มีหลักฐานเฮ่อฟั่งทุจริตรับสินบนมาอย่างต่อเนื่องถูกเปิดเผยออกมาทีละชั้นอย่างไม่ขาดสาย ขนาดกรมอาญาไม่อยากประทับตรารับพิจารณาคดีนั้นยังยากเลย
ทันทีหลังจากนั้นกรมอาญาพาคนเดินทางมุ่งตรงไปที่เรือนของเฮ่อฟั่ง เมื่อรื้อค้นในห้องลับเจอทรัพย์สมบัติของมีค่า ปริมาณจนทำให้คนพูดไม่ออก บวกกับจดหมายที่เฮ่อฟั่งเขียนไปมาหาสู่กันกับขุนนางแต่ละที่ หลักฐานแน่นอน ซื่อสัตย์อย่างตรงไปตรงมา
เมื่อสมัยนั้นตำลึงจีนซ่อมแซมเขื่อนขนาดใหญ่เจียงหนาน โดยภาพรวมล้วนเข้ากระเป๋าของขุนนางที่ทุจริต
ตอนที่เฮ่อฟั่งถูกรื้อค้นเรือน เฉินเสียนกับฉินหรูเหลียงยืนอยู่ในมุมไกลๆมองดู สีหน้าเธอสงบมาก ราวกับยืนดูการซื้อผักกาดขาวที่ตลาดสด