เฉินเสียนกระตุกคิ้ว แล้วกล่าวขึ้นว่า “อวี้เยี่ยนกับแม่นมซุยมาใหม่ ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับที่นี่ เจ้าอยู่ช่วยเหลือที่นี่ชั่วคราวเถิด”
เสี่ยวเฮอดีใจ ผงกโขกศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วกล่าวว่า “บ่าวขอบพระทัยองค์หญิงมากเพคะ”
เฉินเสียนคิดว่า เก็บเสี่ยวเฮอผู้นี้ไว้ข้างกายก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย องค์จักรพรรดิอยากจะเฝ้าติดตามเธออย่างใกล้ชิด เบื้องบนและเบื้องล่างพระตำหนักไท่เหอล้วนสามารถเป็นผู้สอดแนมขององค์จักรพรรดิได้ และเสี่ยวเฮอก็เป็นได้ด้วย
เก็บนางไว้ กลับกันจะสามารถรู้เข้าใจสถานการณ์พระตำหนักไท่เหอกับในวังหลัง เลี่ยงการที่ไม่รู้สิ่งใดเลย แล้วกลับจะทำให้วุ่นวาย
อีกทั้งช่วงนี้ที่เจ้าน่องน้อยอยู่ในพระราชวังเป็นนางที่ดูแล นางดูแลได้ไม่เลวจริงๆ
ด้วยเหตุนี้ก็เลยทำให้มีช่องว่างที่เจ้าน่องน้อยอยู่ข้างกายเฉินเสียน เสี่ยวเฮอพาแม่นมซุยและอวี้เยี่ยนเดินข้างหน้าและข้างหลังพระตำหนักไท่เหอหนึ่งรอบ เพื่อที่จะให้คุ้นชินกับสถานที่นี้ ทันใดหลังจากนี้ยังได้เรียกให้นางสองคนกับนางกำนัลในพระราชวังมาพบกันหน้าด้วย เหล่านางกำนัลพวกนั้นดูแลเรื่องไหน ล้วนจัดสรรอย่างชัดเจน
พระตำหนักไท่เหอไม่ใหญ่ ดังนั้นนางกำนัลก็ไม่ได้ใช้มากมาย บวกแล้วทั้งหมดมีเพียงแค่ขันทีสามคนนางกำนัลสามคน
เสี่ยวเฮอกำชับอย่างมาก ไม่มีเรื่องใดจักต้องไม่ไปเข้าใกล้ริมทะเลสาบ หลีกเลี่ยงการเกิดอันตราย
ตอนต้นอวี้เยี่ยนไม่เชื่อ รอหลังจากนางเข้าใกล้ริมทะเลสาบเห็นกับตาว่ามีจระเข้แหวกว่ายในน้ำ นางตกใจจนหน้าซีดเผือด
นางบ่นกับแม่นมซุยว่า “เหตุใดองค์หญิงต้องเก็บนางไว้ข้างกาย ถ้าหากนางไปรายงานความเคลื่อนไหวกับองค์จักรพรรดิจะทำอย่างไร?”
แม่นมซุยกล่าวขึ้นว่า“นางไม่ไป ก็มีผู้อื่นไป เจ้าว่านางไม่ใช่ว่าคุ้นเคยรู้ทุกซอกทุกมุมในพระราชวังนี้หรือ องค์หญิงเก็บนางไว้ต้องมีเหตุผลแหละ อยากจะรู้สิ่งใดเหมือนกันก็สามารถสืบหาจากปากนางได้ ก็ดีที่เมื่อครู่นางเตือนเจ้าว่าไม่ให้เข้าใกล้ริมทะเลสาบ เจ้าไม่เชื่อ ถูกทำให้ตกใจจริงๆแล้ว”
อวี้เยี่ยนเศร้าสลดใจ
แม่นมซุยกล่าวอีกว่า “ข้าว่าเจ้าน่องน้อยสามารถใกล้ชิดนางได้ ชัดเจนว่านิสัยนางก็ไม่ได้เลวร้าย ดูแลเจ้าน่องน้อยก็พยายามอย่างเต็มที่ เด็กน้อยจิตใจสะอาดไร้เดียงสาที่สุด สายตาดี ดูคนได้แม่นยำ”
หลังเข้ามาในพระราชวังสองวัน เฉินเสียนมิได้ออกไปจากพระตำหนักไท่เหอครึ่งก้าวเลย ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิมีพระราชโองการ บนพระราชองค์การประกาศให้โลกรู้ว่า องค์หญิงจิ้งเสียนกับราชบุตรเขยนิสัยเข้ากันยาก ทั้งสองได้หย่าร้างกัน
หน้าขององค์จักรพรรดิหรือฉินหรูเหลียงนั้นเฉินเสียนล้วนไม่ได้พบเจอ หลังจากที่ฉินหรูเหลียงได้รับพระราชโองการนี้แล้ว ได้มีนางกำนัลมาแจ้งให้เธอทราบ
พระราชโองการคือหนังสือการหย่าร้าง ไม่มีสิ่งใดเป็นทางการเท่าอันนั้นแล้ว
พระราชโองการว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอกับฉินหรูเหลียงได้ขาดจากการเป็นสามีภรรยากันแล้ว ต่างฝ่ายต่างล้วนมีอิสระ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โลกภายนอกก็ไม่ได้รู้สึกว่าการที่เฉินเสียนกับฉินหรูเหลียงแยกกันอยู่สองที่มีอะไรแล้ว ถึงอย่างไรเรื่องที่เมื่อก่อนพวกเขาทะเลาะเบาะแว้งถึงขั้นลงไม้ลงมือข้างถนนก็เคยบอกต่อกันอย่างอึกทึกคึกโครม ในใจท่านราชบุตรเขยมีหญิงที่รักอีกคนทั้งเมืองหลวงล้วนรู้เรื่องนี้
ยากที่จะเข้ากันเช่นนี้ จนถึงตอนสุดท้ายก็พูดแยกย้ายกันดีๆ และก็ไม่เสียหลายที่เป็นผลสุดท้ายที่ดี
หลังจากหย่าร้างกันแล้ว เฉินเสียนเป็นองค์หญิง ก็สามารถเข้ามาอยู่ในพระราชวังกับเจ้าน่องน้อยได้เลย
ครั้งนี้องค์จักรพรรดิไม่ได้สั่งคนไปที่จวนฉินอ่านพระราชโองการให้ประชาชนที่มาชุมนุมได้ยิน แต่กลับประกาศให้ฉินหรูเหลียงเข้ามาในพระราชวัง
เวลานั้นเขาคุกเข่าบนพื้น รอหลังจากอ่านพระราชโองการเสร็จ จำใจต้องเอามือทั้งสองข้างรองรับพระราชโองการ ขนาดหน้าของเฉินเสียนเขายังไม่ได้พบเจอ
สุดท้ายเขาโขกศีรษะแสดงความขอบคุณแล้วกล่าวขึ้นว่า “กระหม่อมรับพระราชโองการพ่ะย่ะค่ะ”
มีลางสังหรณ์ใจนานแล้ว ในที่สุดก็มาและมาไวกว่าที่จิตนาการไว้
ฉินหรูเหลียงคิด หากไม่ช้าก็เร็วเขากับเฉินเสียนนั้นบุพเพสันนิวาสสิ้นสุดลงละก็ องค์จักรพรรดิมอบพระราชโองการการหย่าร้าง มันดีกว่าเฉินเสียนเขียนหนังสือการหย่าร้างด้วยตัวเองมาก
องค์จักรพรรดิเดินลงมาจากบัลลังก์มังกร มาตรงหน้าของฉินหรูเหลียง ยืนตระหง่านชั่วประเดี๋ยวเดียว แล้วกล่าวขึ้นว่า “ฉินหรูเหลียง มิใช่ว่าข้าไร้ความปราณี กลับเป็นเจ้าที่รังสรรค์เช่นนี้”
“กระหม่อมเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ ตัวกระหม่อมต่ำต้อย มิได้คู่ควรกับองค์หญิง”
องค์จักรพรรดิหัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้วกล่าวขึ้นว่า “เรื่องถึงวันนี้ เจ้ายังคิดเพียงแต่ว่าคู่หรือไม่คู่ควรกับนาง โง่เขลาน่าตลกสิ้นดี เหตุใดเจ้าไม่คิด ว่าเหตุใดเจ้าถึงได้มีจุดจบอย่างวันนี้เล่า ”
“เพราะว่ากระหม่อมเป็นผู้พิการพ่ะย่ะค่ะ”
องค์จักรพรรดิกล่าวว่า “เพราะว่าเจ้าไม่เพียงแต่เป็นผู้พิการ เจ้ายังเป็นผู้พิการที่นอกใจด้วย เจ้าว่าข้าจะเก็บเจ้าไว้ทำสิ่งใด?”
องค์จักรพรรดิหายใจเข้าลึกๆ สะบัดชุดแล้วหมุนตัว กล่าวขึ้นว่า “หวนคิดปีนั้น เจ้าควบม้าที่สนามรบเพื่อข้า บุกยึดพื้นที่ พวกเราสังหารตั้งแต่ชายแดนใต้ถึงเมืองหลวง ยึดชิงอำนาจต้าฉู่ เจ้าเป็นบุคคลที่สร้างคุณูปการให้แก่บ้านเมืองของข้า เป็นผู้ช่วยข้า ไม่ว่าเวลาใด ข้าล้วนเชื่อใจเจ้าเป็นอย่างมาก”
“แต่ทว่าเจ้าละทิ้งข้า เจ้าต้องการให้ข้าเก็บชีวิตจิ้งเสียนไว้ ข้าเก็บนางไว้แล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อสมัยนั้นถึงได้ให้นางแต่งงานกับเจ้า เพราะว่าเจ้าเกลียดชังนางมากเพียงพอ เจ้าสามารถช่วยข้าดูนาง แต่ตอนนี้ เจ้าทำเพื่อนางละทิ้งมิตรภาพกับข้า ”
“ข้าหวนคิดขึ้นมา เมื่อสมัยนั้นสถานการณ์ตอนเจ้ากับจิ้งเสียนแกล้งรักกันมากต่อหน้าข้า ข้ารู้สึกถูกตาต้องใจเป็นที่สุด ตอนนี้รักกันมากจริงๆขึ้นมา ข้ากลับรู้สึกไม่เข้าตาเป็นอย่างมาก”
องค์จักรพรรดิหันกลับมา มองฉินหรูเหลียงด้วยสายตาเหยียดหยาม กล่าวอีกว่า “ในเมื่อเจ้าทรยศหักหลังข้าก่อน ข้าจะให้เจ้าสมใจปรารถนาได้อย่างไรเล่า ยิ่งเจ้ารักจิ้งเสียน ข้ายิ่งไม่มีทางให้เจ้ากับนางอยู่ด้วยกัน”
“ข้าไม่เพียงแต่ให้พวกเจ้าหย่าร้างกัน อนาคตอาจจะต้องการทำให้เจ้ามองนางแต่งงานกับผู้อื่นอีกครั้ง ให้นางแต่งครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ครั้งที่สี่ แต่งงานกับใครล้วนได้หมด จะทำให้เจ้าเสียใจเสียดายหลังชั่วชีวิต”
“ข้าสามารถนำเจ้ายกเจ้าขึ้นมาด้วยสองมือ ก็สามารถโยนเจ้าลงไปได้ ข้าสามารถทำให้เจ้าไม่มีสิ่งใดเลย เสียใจภายหลังน้ำตาเช็ดหัวเข่า นี่เป็นจุดจบของผู้ที่ทรยศข้า”
ผู้ที่อยู่ตรงหน้าเดิมควรเป็นขุนนางของพระองค์ สามารถใช้เขาได้ทุกอย่าง น่าเสียดายที่ขุนนางผู้นี้ดื้อรั้นไม่มั่นคง
วิธีทรมานคนทรยศถึงที่สุดไม่ใช่การที่ทำให้เขาตายทันที แต่กลับเป็นการที่ทำให้เขารับรู้ความเจ็บปวดที่สูญเสียเหมือนกัน สุดท้ายตายก็ตาไม่หลับ
ฉินหรูเหลียงฟังองค์จักรพรรดิพูดคำพูดเหล่านี้ หากเป็นแต่ก่อนยังมีการไม่ยอมบ้าง ตอนนี้ครึ่งหนึ่งก็ล้วนไม่มีแล้ว
เขาสงบอย่างมาก ชัดเจนความจิตใจคับแคบขององค์จักรพรรดิน่าขบขันอย่างนี้ อยู่ต่อหน้าเขาก็เหมือนกับคนบ้า
เขารักเฉินเสียนมาก ไม่อยากให้เธอได้รับอันตราย แต่ก่อนกลับมาเมืองหลวง เขาไม่ได้ทำเรื่องที่ผิดกับต้าฉู่ไม่ได้ทำผิดต่อองค์จักรพรรดิเลย
เขาคิดว่าตัวเองไม่ได้กระทำผิดต่อผู้อื่น
เป็นองค์จักรพรรดิที่นำเขาใช้เป็นประโยชน์ ไม่มีประโยชน์ก็ละทิ้ง ต้องการบีบบังคับเขาเป็นคนไร้ความรู้สึกวางแผนลอบสังหารภรรยาตัวเอง มิตรภาพที่สนามรบสงครามอะไรกัน จนถึงตอนสุดท้ายก็เป็นเพียงผลักดันผลประโยชน์
ฉินหรูเหลียงไม่เอื้อนเอ่ย หมอบอยู่ที่พื้นด้วยท่าทีระมัดระวัง
องค์จักรพรรดิพูดมากมายเช่นนี้ ก็ไม่เห็นเขามีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร พระองค์ก็ไม่สามารถที่จะมีปฏิกิริยาอะไร ยิ่งรู้สึกไร้เรื่องสนุกอย่างมาก กล่าวขึ้นว่า “เจ้าออกไปเถิด”
เรื่องการหย่าร้างองค์จักรพรรดิเพียงแค่สั่งขันทีมาบอกที่พระตำหนักไท่เหอ ก่อนเหตุการณ์นี้ก็ไม่ได้มีการถามเฉินเสียนเลย และทั้งสองคนยิ่งไม่มีโอกาสได้พบหน้ากัน
หลังจากที่ขันทีบอกเรียบร้อยแล้ว กล่าวเสียงแหลมว่า “ตั้งแต่วันนี้องค์หญิงจิ้งเสียนไม่มีท่านราชบุตรเขยอีกแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปองค์หญิงก็พักในพระตำหนักไท่เหอนี่เถิดพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนคิด อย่างนี้ก็ดี
เฉินเสียนเดินจูงเจ้าน่องน้อยเดินเล่นที่ใต้ระเบียงทางเดินด้วยสีหน้าเรียบเฉย การเดินของเจ้าน่องน้อยยิ่งชำนาญมากขึ้นเรื่อยๆ
อวี้เยี่ยนกับแม่นมซุยเฝ้าดูอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล อวี้เยี่ยนเสียใจกับเรื่องนี้ ข้างกายของเฉินเสียนขาดคนที่ดีกับเธอจริงๆไปแล้วหนึ่งคน