เฉินเสียนก็พูดเรื่องเรื่อยเปื่อยกับทหารอารักขาสองคนขึ้นมา สอบถามเหล่าเรื่องจุกจิกในพระราชวัง เริ่มแรกทหารอารักขาตอบอย่างไม่เปะปะเลยแม้แต่น้อย พบคำพูดของเฉินเสียนยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ พูดคุยสนุกกับเธอต่อไปเหมือนจะไม่เหมาะสมกับกฎเกณฑ์
รอจนทหารอารักขาได้สติกลับมาพบว่า เฮ้ย เหตุใดมีองค์หญิงจิ้งเสียนผู้เดียวล่ะ?เด็กน้อยนั่นล่ะ?
ช่วงเวลาสั้นๆความฉลาดหลักแหลมของเจ้าน่องน้อยถือโอกาสช่วงที่เฉินเสียนดึงดูดความสนใจของทหารอารักขา ตัวเองเลยได้ผ่าทะลวงแนวต้านทาน โยกย้ายกวัดแกว่งไปอยู่ทางด้านหลังทหารอารักขาแล้ว
เขามองไปที่ทิวทัศน์ของฝั่งตรงข้าม เมื่อก่อนตอนที่เสี่ยวเฮอดูแลเขา ตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยเดินข้ามสะพานไม้ไปถึงฝั่งตรงข้ามเลย ตอนนี้ท่านแม่ของเขาครอบคลุมบังอยู่ เขาจะกลัวอะไร
เฉินเสียนกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “อ้อ ไม่ได้สนใจชั่วขณะ ให้เจ้าตัวน้อยไปแล้วข้าอยู่ก่อน”
เห็นสถานการณ์ว่าทหารอารักขาต้องการไปจับเจ้าน่องน้อยกลับมา เฉินเสียนโกรธทันทีกล่าวขึ้นว่า “พวกเจ้าจะรังแกเด็กน้อยหรือ? ผู้ใดแตะต้องลูกข้า ข้าจะสู้กับเขาอย่างสุดชีวิต!”
ทหารอารักขาจับก็ไม่ได้ ไม่จับก็ไม่ได้
เฉินเสียนสะบัดปลายกระโปรง กล่าวอย่างราบเรียบว่า “ช่างเถิด คำพูดองค์จักรพรรดิยังไม่ได้รับสั่งลงมา ข้าจะไปจับลูกข้ากลับมาเอง”
พูดแล้วเฉินเสียนก็เดินผ่านข้างกายทหารอารักขาไป เดินสบายๆบนถนนเส้นเล็กๆที่มีหิมะโปรยปรายอยู่ ราวกับจะยิ้มก็ไม่ยิ้มมองเจ้าน่องน้อยที่เดินโซซัดโซเซไปด้านหน้า
เธอจะไปจับลูกกลับมาที่ไหนกันเล่า ชัดเจนว่านี่ฉวยโอกาสพาลูกชายเดินเล่นบริเวณรอบๆอยู่หลาบรอบ
ทหารอารักขามองแม่ลูกคู่นั้นเดินไปเดินมา เข้ากันได้ดีจนยากที่จะพูด ตอนนี้รู้สึกลำบากใจอย่างมาก
โชคดีที่ไม่นานทหารอารักขาที่ไปกราบทูลองค์จักรพรรดิได้กลับมา ได้รับคำพูดขององค์จักรพรรดิ สามารถให้องค์หญิงจิ้งเสียนพาลูกชายเดินเล่นในสวนดอกไม้ได้ ทหารอารักขาที่อยู่สะพานไม้ถึงได้ทอดถอนหายใจอย่างโล่งอก
ตอนนี้แต่ละสถานที่ของต้าฉู่ กำลังวุ่นวายประสบกับหิมะตกหนักก่อตัวเป็นภัยพิบัติอาณาประชาราษฎร์อดอยาก จะถึงปลายปีแล้วเรื่องงานในราชสำนักขั้นตอนยิ่งซับซ้อนมากขึ้น องค์จักรพรรดิยุ่งจนกดดัน จะมีความสบายใจไร้กังวลไปสนใจเฉินเสียนกับลูกชายที่ไหนกัน
ถึงอย่างไรเข้ามาในพระราชวังแล้ว ก็เลิกคิดที่จะออกไปการให้สองแม่ลูกนั้นเล่นอยู่ในสวนดอกไม้ก็ไม่เห็นเป็นไร หลีกเลี่ยงการพูดไร้สาระขึ้นมาว่าองค์จักรพรรดินำองค์หญิงจิ้งเสียนกับลูกมากักบริเวณไว้
ทูตของเป่ยเซี่ยเข้ามาอาณานิคมต้าฉู่ ก่อนปีใหม่ก็น่าจะเดินทางมาถึงเมืองหลวง องค์จักรพรรดิกักบริเวณเฉินเสียนหากทำชัดเจนเกินไป จะทำให้เป่ยเซี่ยมีเรื่องพูดได้
คล้ายกับว่าเจ้าน่องน้อยไม่ได้สนใจการเล่นหิมะ เขามุ่งตรงไปตามทางเล็กๆ เฉินเสียนเดินตามด้านหลังของเขาไม่ใกล้และไม่ไกล
เฉินเสียนหยิบหิมะก้อนกลมโยนใส่เขา เขาก็ไม่ตอบโต้ สั่นสะบัดหิมะออกจากชุดของเขาเงียบๆ แล้วเดินอย่างต่อเนื่อง
เฉินเสียนกล่าวถามว่า “เจ้าจะไปที่ใดกัน?”
เจ้าน่องน้อยเอียงเท้า สะดุดล้มบนพื้น เขานั่งลงบนพื้นหันกลับมาแววตาคู่นั้นมองที่เฉินเสียน
เฉินเสียนก็เลยเดินไปดึงมือน้อยๆของเขา สองแม่ลูกเดินผ่านทางเล็กๆใต้ป่าต้นสน เดินไปด้านหน้าอีกก็เป็นป่าต้นอู๋ถง
เทศกาลนี้ ป่าต้นอู๋ถงนี้ไม่เหลือใบแล้ว กิ่งไม้โบร่วงโรยแยกเขี้ยวยิงฟันอยู่ ถูกหิมะหล่นใส่จนเป็นเงารูปร่าง
ช่วงเช้าที่จิตใจไม่ว้าวุ่น เสียงท่องตำราเลือนรางจากสถานที่ไม่ไกลดังมาพักหนึ่ง
เฉินเสียนใจเต้นรัว มองเจ้าน่องน้อยแล้วกล่าวถามว่า “เจ้าหาที่นี่เจอได้อย่างไร?”
เจ้าน่องน้อยไม่พูดไม่จา ราวกับเคลิบเคลิ้มหลงใหลในเสียงท่องตำรานั้น เสียงท่องตำรานุ่มนวลและอีกทั้งยังเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
เจ้าน่องน้อยยังอยากยื่นเท้าก้าวเดินไปข้างหน้า เลยถูกเฉินเสียนดึงรั้งร่างกายน้อยๆไว้แล้วอุ้มเขาขึ้น
บนใบหน้าของเฉินเสียนราวกับจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม สายตามองยืดยาวจนถึงเส้นทางต้นอู๋ถง แล้วหมุนตัวกลับไปเส้นทางที่เดดินมา กล่าวขึ้นว่า “เจ้าน่องน้อยชอบฟังเสียงท่องตำรานั่นหรือ?แต่ว่านานกว่าเจ้าจะได้เข้าสำนัก วันนี้เดินมาไกลพอแล้ว พวกเรากลับกันนะ”
เดินไปทางด้านหน้าอีก ที่นั่นก็คือโรงเรียนไท่ คือสถานที่ที่แต่ก่อนซูเจ๋อสอนตำราในพระราชวัง
เฉินเสียนไม่รู้ว่าซูเจ๋ออยู่ในโรงเรียนไท่นั้นหรือไม่ ใจเธอคิดว่าบาดแผลเขายังไม่หายดี น่าจะไม่อยู่ แต่ไม่ว่าเขาจะอยู่หรือไม่ เธอก็ไม่ควรพาเจ้าน่องน้อยมาสถานที่แห่งนี้
กลับถึงพระตำหนักไท่เหอ แม่นมซุยกับอวี้เยี่ยนร้อนใจเป็นอย่างมาก ทั้งสองคนจะคิดได้ที่ไหนว่าเฉินเสียนกับเจ้าน่องน้อยจะออกไปนอนพระตำหนักไท่เหอ พอไม่จับตาดูคนก็ไม่เจอแล้ว
โชคดีที่สองแม่ลูกปลอดภัยกลับมา
อีกด้านเฉินเสียนป้อนโจ๊กเจ้าน่องน้อย อีกด้านถามเสี่ยวเฮอที่อยู่ข้างกายว่า “เมื่อก่อนเจ้าเคยพาเจ้าน่องน้อยเดินในสวนดอกไม้หรือไม่?เหมือนเขารู้เส้นทาง?”
เสี่ยวเฮอส่ายศีรษะ กล่าวขึ้นว่า “ไม่เลยเพคะ วันนี้ท่านชายน้อยเดินไปที่ใดกันเพคะ?”
“เขาไปโรงเรียนไท่”
เสี่ยวเฮอกล่าวว่า“โรงเรียนไท่ห่างจากที่นี่ของพวกเราไม่ไกล ทุกวันตอนเช้าตรู่เหล่าพระราชบุตรและองค์หญิงจะมาจากวังหลังถึงโรงเรียนไท่ ล้วนต้องผ่านที่นี่ ”นางนึกอะไรออก แล้วกล่าวขึ้นอีกว่า“อ้อใช่แล้ว แต่ก่อนตอนพระราชบุตรและองค์หญิงไปโรงเรียนไท่ผ่านฝั่งตรงข้าม ท่านชายน้อยจะยืนหน้าพระตำหนักมองเหล่าพระราชบุตรและองค์หญิงเพคะ ไม่แน่อาจจะตอนนั้น ที่ท่านชายน้อยจำทิศทางของโรงเรียนไท่เพคะ”
เสี่ยวเฮอยิ้มตาหยี แล้วกล่าวขึ้นว่า “ท่านชายน้อยอายุยังน้อย หรือว่าอยากเข้าสำนักแล้วเพคะ?เมื่อก่อนบ่าวเห็นพระราชบุตรและองค์หญิงพระองค์อื่นทุกวันจะต้องไปโรงเรียนไท่ ล้วนร้องไห้เศร้าโศกเพคะ”
แต่น่าเสียดาย เจ้าน่องน้อยเรียนดีตั้งใจ จะเข้าเรียนที่โรงเรียนไท่ได้ที่ไหนกันล่ะ ตอนนี้เขากับเฉินเสียนล้วนถูกกักบริเวณ
เสี่ยวเฮอปรากฏความห่วงใยออกมาให้เห็น ทอดถอนหายใจแล้วกล่าวขึ้นว่า “ราชครูในโรงเรียนไท่ล้วนเป็นผู้เก่งกาจมีความสามารถ ได้ยินว่าบัณฑิตท่านนั้นยิ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ลึกซึ้งหลายแขนงน้อยที่มีผู้เทียบเท่าได้ เพียงแต่เป็นที่โปรดปราณของพระราชบุตรกับองค์หญิง ล้วนเชื่อฟังเขาให้ความรู้ระดับที่สูงขึ้น หากท่านชายน้อยมีเขาอบรมสั่งสอนบ้าง อย่างนั้นก็ดีเพคะ”
เฉินเสียนปิดปากเงียบ เจ้าน่องน้อยก็กินโจ๊กอย่างว่าง่าย
แน่นอนว่าอวี้เยี่ยนรู้ที่เสี่ยวเฮอพูดนั้นคือผู้ใด เลยสามารถพูดคุยกันกับนางได้ แล้วกล่าวขึ้นว่า “แต่ด้านนอกล้วนเป็นที่รู้กันทั่วว่าบัณฑิตท่านนั้นเมื่อไม่นานมานี้ถูกตรวจสอบแล้วไม่ใช่หรือ องค์จักรพรรดิยังให้เขามาสอนตำราอยู่หรือ?”
เสี่ยวเฮอกล่าวว่า “ต่อมาเขาก็ถูกพิสูจน์ยืนยันว่าเป็นการได้รับโทษทั้งที่ไม่ได้ทำผิด ได้ยินมาว่าหลักฐานเหล่านั้นล้วนเป็นการปลอมแปลง ในเรือนของบัณฑิตสุจริตบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก”
เฉินเสียนกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “พวกเจ้าถกเรื่องในราชสำนักกันเช่นนี้ ไม่เกรงว่าด้านนอกฝาผนังจะมีคนแอบฟัง หลังจากนั้นก็ถูกตัดลิ้นหรือ?”
เสี่ยวเฮอกับอวี้เยี่ยนสบตากันแล้วยิ้ม แลบลิ้นปลิ้นตากัน
คิดไม่ถึงตอนที่เพิ่งจะมา อวี้เยี่ยนยังมีความคิดเห็นไม่พอใจต่อเสี่ยวเฮออย่างมาก วันนี้นางกับเสี่ยวเฮอใกล้ชิดกันแล้ว
นี่ก็เป็นความหมายของเฉินเสียน เด็กสาวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันพอตอนที่อยู่อาศัยคบหากันค่อนข้างร่วมมือกันได้ และก็พูดคุยกันง่าย
ในพระราชวังคนมากมายหลายปาก ขนาดเสี่ยวเฮอยังรู้เรื่องเหล่านี้ คาดว่าก็ไม่ใช่ความลับอะไรหรอก เหล่านางกำนัลเวลารวมตัวกันอยู่เป็นการเฉพาะตัว ผู้ใดไม่พูดเรื่องสอดรู้สอดเห็นเล่า
ตั้งแต่หลังจากที่เสี่ยวเฮอรู้ว่าเจ้าน่องน้อยโหยหาโรงเรียนไท่เป็นอย่างมาก มีภารกิจหรือไม่มีภารกิจเสี่ยวเฮอล้วนสนใจเรื่องของโรงเรียนไท่เป็นพิเศษ วันรุ่งขึ้นก็มาบอกกล่าวกับเฉินเสียนว่า “ได้ยินมาว่าวันนี้บัณฑิตมาสอนตำราที่โรงเรียนไท่เพคะ”
เฉินเสียนใจสั่นสะท้าน มือที่เคลื่อนไหวชะงักงัน ใบหน้าเย็นชาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นสวมใส่ชุดให้เจ้าน่องน้อยอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้ว่าเจ้าน่องน้อยฟังเข้าใจหรือไม่ เริ่มไม่สงบอยู่ในอ้อมกอดของเธอ และยื่นขาสั้นสองข้างอยากจะลงมาที่พื้น
เฉินเสียนฉวยคว้าขาของเขากลับมา สวมใส่กางกางต่อ
แม่นมซุยพึงพอใจอยู่ด้านแล้วกล่าวถามขึ้นว่า “บัณฑิตไม่ใช่ออกจากศาลยุติธรรมต้าหลี่แล้วก็กลับไปพักฟื้นที่เรือนหรือ เหตุใดถึงได้เข้าพระราชวังมาสอนตำราเร็วเช่นนี้?”