คนให้อาหารที่อยู่ในน้ำยังคงกระพือปีกดิ้นรนอยู่ในน้ำ ความสูงผิวน้ำและบนฝั่งต่างกันค่อนข้างสูง ผนังก็ลื่น ไม่ต้องพูดถึงว่าจระเข้จะปีนขึ้นไปไม่ได้ เขาคนเดียวก็ยิ่งปีนขึ้นไปไม่ได้
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! รีบมาช่วยข้าด้วย!”
องครักษ์คนก่อนหน้าที่เดินหลบกลิ่นเหม็นเน่าออกไปเมื่อได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ก็รีบวิ่งไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ปรากฏว่าเห็นคนให้อาหารไปเกาะติดอยู่ที่มุมขอบ และรอบ ๆ ตัวเขาก็มีจระเข้รุมล้อมกันเข้ามาอย่างน่าตกใจ
เมื่อองครักษ์เห็นเข้าก็รู้สึกตกตะลึง
คนให้อาหารพยายามข่มอารมณ์ให้สงบลง เขายื่นมือออกมาให้องครักษ์คว้ามือเขาไว้ แต่เพราะระยะห่างที่สูงเกินไป องครักษ์จึงชักด้ามมีดออกมาเพื่อให้เขาจับไว้
เขาไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวมากนัก เพราะเขารู้อารมณ์ร้ายของจระเข้เหล่านี้ดี ก่อนหน้านี้เขาเรียกยังไงก็ไม่ว่ายมา ตอนนี้กลับรุมล้อมกันเข้ามา เขาที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่เจ้านายของพวกมัน แต่เป็นเพียงแค่เนื้อสดชิ้นใหญ่เท่านั้น ตอนนี้เพียงแค่เขาขยับตัว จระเข้เหล่านี้จะรุมกันเข้ามาแย่งชิงกัดกินกันทันที
มือที่เปียกของคนให้อาหารจับกระชับที่ด้ามมีดและสั่นไม่หยุด หลังจากนั้นเขาก็ตะโกนบอกองครักษ์ “เร็ว! รีบดึงข้าขึ้นไปตอนนี้เลย!”
องครักษ์รีบออกแรงดึงเขาขึ้นมาทันที และเกือบในเวลาเดียวกัน จระเข้ทั้งหมดก็รุมล้อมเข้ามาประชิด
มีจระเข้ตัวหนึ่งว่ายมาเหยียบบนจระเข้อีกตัว ในขณะที่คนให้อาหารถูกดึงขึ้นไปนั้น ทันใดนั้นมันก็อ้าปากกว้างและกัดลงไปทันที
ทะเลสาบกลายเป็นคลื่นสีขาวปนสีเลือดแดง คนให้อาหารกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
เขาถูกองครักษ์สองคนดึงขึ้นมา และเขาก็นิ่งลงที่พื้นแล้วพบว่าขาข้างหนึ่งของเขาถูกจระเข้กัดขาดไปแล้ว
จระเข้ที่อยู่ในน้ำกำลังแย่งชิงขาของเขาอย่างบ้าคลั่ง
องครักษ์ไม่รอช้ารีบไปตามหมอหลวง และรีบรายงานเรื่องนี้ไปยังองค์จักรพรรดิในทันที
ตั้งแต่ที่พระตำหนักไท่เหอเลี้ยงจระเข้ไว้ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น องค์จักรพรรดิก็ได้ยินเป็นครั้งแรกจระเข้เกือบจะกัดกินคนให้อาหารไปแล้ว ฟังแล้วรู้สึกตกใจเล็กน้อย
หลังจากสอบถามอย่างละเอียดแล้ว ได้ความว่าเพราะเจ้าน่องน้อยได้ให้อาหารจระเข้ที่พระตำหนักไท่เหอทุกวัน จึงทำให้จระเข้เหล่านั้นไม่เชื่อฟังคำสั่งของคนให้อาหาร จึงนำไปสู่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
องค์จักรพรรดิจึงมีคำสั่งให้เรียกเสี่ยวเฮอพี่เลี้ยงคนใกล้ชิดเจ้าน่องน้อยมาเข้าเฝ้า และตรัสด้วยความโมโห “เขาอายุเพียงแค่หนึ่งขวบกว่า ๆ ใครสั่งสอนให้เขาให้อาหารจระเข้!”
เสี่ยวเฮอตัวสั่นด้วยความตกใจ และน้ำตาก็ไหลออกมาและกล่าวว่า “กราบบังคมทูลฝ่าบาท เป็นเพราะพระตำหนักไท่เหอไม่มีที่ให้ท่านชายน้อยได้วิ่งเล่นซุกซน จึงทำให้ท่านชายน้อยนั่งดูจระเข้อยู่ที่ริมขอบฝั่งทั้งวัน องค์หญิงเห็นว่าเขาดูเบื่อหน่ายเลยหยิบเนื้อออกมา…”
“บังอาจ! ประกาศคำสั่งของข้าออกไป ห้ามให้ใครก็ตามเอาเนื้อไปให้เขานำไปให้อาหารจระเข้!”
มีข่าวลือในวังหลวงว่าองค์หญิงจิ้งเสียนรักลูกชายของเธอมาก ตามใจให้ลูกชายเอาเนื้อสดให้จระเข้กินและถูกสั่งห้ามโดยองค์จักรพรรดิแล้ว เธอก็ตามใจลูกชายให้เขาใช้แท่งไม้ไผ่กวนน้ำที่ริมทะเลสาบ ทำให้ทะเลสาบกระเพื่อมเป็นคลื่นอยู่พักหนึ่ง
เมื่อจระเข้ไม่มีอะไรกินก็ชอบหามุมสงบ ๆ พักผ่อน เมื่อเจ้าน่องน้อยเอาไม้ไผ่แกว่งลงไปที่น้ำ จระเข้ก็ต่างตะกายแหวกว่ายไปอีกฝั่งหนึ่ง และขึ้นไปพักผ่อนบนฝั่งริมทะเลสาบ
ทุกวันที่โรงเรียนไท่เปิดเรียน องค์หญิงและองค์ชายทั้งหลายต่างก็ต้องเดินผ่านฝั่งตรงข้าม เพื่อไปเรียนที่โรงเรียนไท่ ไปที่ https://th.readeraz.com เพื่ออ่านเนื้อหาใหม่ล่าสุดทุกคน! ดวงตากำลังจับจ้อง ราวกับกำลังรอกินเหยื่อ และมีสีหน้าที่ดุร้ายน่ากลัว
องค์หญิงและองค์ชายทั้งหลายต่างก็ตกใจกลัวจนร้องไห้ออกมา นางกำนัลและขันทีที่มีหน้าที่คอยไปส่งพวกเขาไปโรงเรียนไท่ก็ตกใจไม่น้อย ถึงขนาดที่ขาทั้งสองข้างไม่มีเรี่ยวแรงจะเดินต่อ
องค์หญิงและองค์ชายทั้งหลายต่างก็ไม่กล้าที่จะเดินผ่านถนนเส้นนี้อยู่หลายวัน และต้องไปใช้เส้นทางอื่นในการไปโรงเรียนไท่แทน จึงทำให้ต้องเดินอ้อมไกลออกไป
ดังนั้นในช่วงสองสามวันเหล่านั้น โรงเรียนไท่จึงดูเหมือนร้างเปล่าอย่างยิ่ง ซูเจ๋อก็ดูว่างขึ้นเช่นกัน
ในตอนเช้าหลังจากที่มาถึงโรงเรียนไท่ได้ไม่นาน ผู้คนจากในวังหลวงมาที่โรงเรียนไท่อย่างต่อเนื่องเพื่อบอกกับซูเจ๋อว่า องค์ชายคนนี้ องค์หญิงคนนี้วันนี้ก็ไม่มาเรียน
ซูเจ๋อพลั้งปากซักถาม คนในวังถอนหายใจกล่าว “ใต้เท้าไม่รู้อะไร ถนนที่พระตำหนักไท่เหอถูกปิดกั้นแล้ว จระเข้ทั้งหลายต่างก็ว่ายน้ำขึ้นมานอนบนฝั่ง ไม่มีใครกล้าเดินผ่านเส้นทางนั้น ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ จระเข้ได้กัดขาของคนที่เลี้ยงพวกมันขาดไปข้างหนึ่ง”
ซูเจ๋อกล่าว “จระเข้ที่พระตำหนักไท่เหอก็ไม่ได้เพิ่งจะมีเมื่อไม่กี่วัน ก็อยู่ในความสงบปกติมาโดยตลอด”
“แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้องค์หญิงจิ้งเสียนและลูกชายของนาง นำเนื้อสัตว์ออกมาให้อาหารจระเข้เป็นการส่วนตัว และหลังจากนั้นก็นำแท่งไม้ไผ่ไปแกว่งกวนเล่นในน้ำ แกว่งจนจระเข้ถูกรบกวน จึงทำให้พวกมันพากันมาขึ้นฝั่งที่ฝั่งตรงข้าม”
ซูเจ๋อเลิกคิ้วขึ้นและปล่อยลงอย่างสบายใจ “เป็นเช่นนี้นี่เอง แต่ปล่อยไว้อย่างนี้ได้ยังไง จะทำให้การเรียนขององค์หญิงและองค์ชายล่าช้าไปได้”
หลังจากที่องค์จักรพรรดิทราบเรื่องที่เกิดขึ้น จึงรู้ว่าเด็กคนนั้นว่างมากไม่มีอะไรทำ เรื่องต่าง ๆ ในราชสำนักก็มากพอ องค์จักรพรรดิไม่มีเวลาว่างมาสั่งสอนเขาหรอก อีกทั้งทูตของเป่ยเซียก็กำลังเดินทางมา ทำให้ตอนนี้เขายังไม่สามารถจัดการกับจิ้งเสียนสองแม่ลูกคู่นี้ได้
ดังนั้นจึงทำได้เพียงออกคำสั่งยึดไม้ไผ่ทั้งหมดที่พระตำหนักไท่เหอ และห้ามให้เจ้าน่องน้อยเข้าใกล้บริเวณริมทะเลสาบเพื่อก่อกวนจระเข้ในน้ำ
แม้ว่าจระเข้จะน่ากลัว แต่มันก็แค่นอนอยู่ริมน้ำโดยไม่โจมตี ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันก็ไม่ได้เข้ามาบนฝั่งเลย
องค์หญิงและองค์ชายขององค์จักรพรรดิมีความกล้าหาญเพียงน้อยนิด เมื่อเทียบกับเด็กอายุหนึ่งขวบสองขวบ ถ้าแผ่ออกไปคงน่าขำน่าดู
ดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงออกคำสั่งอีกว่า องค์หญิงและองค์ชายทั้งหลายจะต้องเดินผ่านเส้นทางนี้เพื่อไปโรงเรียนไท่เหอ ใครก็ห้ามปฏิเสธ
ในเวลากลางคืน พระตำหนักไท่เหอกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ถึงอย่างไรฝั่งตรงข้ามก็มีองครักษ์คอยเฝ้าเวรยามดูแลความเรียบร้อยอยู่ คืนที่หนาวเหน็บค่อย ๆ ผ่านไปอย่างเชื่องช้า คนในวังต่างก็พากันกลับไปนอนพักผ่อน จึงไม่จำเป็นต้องเฝ้ายามกลางคืน
เหลือไว้เพียงโคมไฟในวังเพียงไม่กี่อันที่อยู่ใต้ชายคา มีแสงสลัวเล็กน้อย
เฉินเสียนไม่มีทีท่าจะง่วงนอน เจ้าน่องน้อยก็ดูยังมีสดชื่นมีชีวิตชีวาอยู่
ถึงแม้ว่าพระตำหนักไท่เหอจะไม่มีไม้ไผ่ที่ยาวพอ แต่ในครัวก็มีแท่งฟืนที่แข็งแรงพอ
เฉินเสียนสั่งให้แม่นมซุยไปหยิบแท่งฟืนมาที่ห้อง และหาเชือกป่านมา ขั้นแรกให้เจาะรูร่องเล็กๆ ที่แท่งฟืน แล้วใส่เชือกป่านลงในร่องเพื่อไม่ให้เชือกป่านหลุดออกมาได้ง่าย
เจ้าน่องน้อยนั่งอยู่บนพรม จ้องมองเฉินเสียนที่กำลังทำงานฝีมือ
เฉินเสียนมัดปมอีกด้านหนึ่งของเชือกป่านไว้ และทำให้เจ้าน่องน้อยดู เธอดึงเชือกออกไปอย่างแรง และปมจะถูกหยุดชะงักทันที
เจ้าน่องน้อยหรี่ตามองด้วยความสนอกสนใจ
ไม่รู้ว่าทำไม กิริยาท่าทางที่เขาแสดงออก ทำให้เฉินเสียนนึกถึงซูเจ๋อขึ้นมา
เมื่อซูเจอแสดงท่าทางเกียจคร้าน ดวงตาของเขาก็หรี่ลง และรูม่านตาที่ลึกดำ ไม่สามารถทำให้คนอื่นเดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
รูม่านตาของเจ้าน่องน้อยก็ดำมากเหมือนกัน มีความชัดเจนเฉพาะตัวของเด็ก เป็นเพราะว่าเมื่อก่อนเธอไม่เคยสังเกตเห็นการแสดงออกที่ละเอียดอ่อนของเจ้าน่องน้อยเช่นนี้
เจ้าน่องน้อยดึงแขนเสื้อของเฉินเสียน เฉินเสียนจึงดึงสติกลับมาได้ และไม่ได้คิดเรื่องนั้นต่อ ค่อย ๆ แก้ปมเชือกออก และผูกกลับเข้าไปใหม่และกล่าวว่า “องค์จักรพรรดิไม่อนุญาตให้เจ้าเล่นกับจระเข้ และไม่อนุญาตให้เจ้าเล่นน้ำ พรุ่งนี้พวกองค์หญิงและองค์ชายก็ต้องมาเดินผ่านที่ของพวกเราเพื่อไปโรงเรียนไท่”
เจ้าน่องน้อยหลับตาฟัง “อืม”
สองแม่ลูกเริ่มสื่อสารกันง่ายขึ้นในแต่ละวัน
เฉินเสียนมองมาที่เขาและพูดอย่างโน้มน้าวใจ “องค์หญิงและองค์ชายกลัวจระเข้ที่อยู่ในทะเลสาบ และจำเป็นต้องเดินผ่านถนนเส้นนี้เพื่อไปโรงเรียนไท่ ยังไงก็ต้องมีผู้นำทางอยู่ข้างหน้าถูกไหม? เวลานี้ใครเดินอยู่หน้าสุด คนนั้นก็คือผู้กล้าหาญ ถึงจะได้รับความรักและคำชมเชยจากองค์จักรพรรดิ”