ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 455 เจ้าต้องเชื่อฟังเขา รู้ไหม?

องค์จักรพรรดิไม่เคยพบเห็นเด็กอายุหนึ่งขวบสองขวบที่ทำเรื่องช่างน่าปวดหัวเช่นนี้มาก่อน ขนาดสถานที่อันเป็นฝันร้ายสำหรับเด็กคนอื่น ๆ อย่างพระตำหนักไท่เหอ ยังทำให้เจ้าน่องน้อยเล่นได้อย่างราบรื่นสนุกสนาน

หากปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไป เกรงว่าจระเข้เหล่านั้นคงฟังคำพูดของเขาทั้งหมด

องค์จักรพรรดิยังคิดอีกว่า หากไม่สั่งสอนควบคุมความประพฤติเจ้าน่องน้อย ต่อไปเมื่อโตขึ้นจะขนาดไหน? แน่นอนว่า เขาจะสามารถเติบโตขึ้นได้อย่างราบรื่นไหมนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ตอนนี้ไม่สามารถปล่อยให้เขาเป็นอิสระและทำตามอำเภอใจได้ต่อไปแล้ว

องค์จักรพรรดินึกวิธีที่จะจัดการได้สองวิธี ฆ่าจระเข้ที่พระตำหนักไท่เหอทิ้งทั้งหมด หรือส่งเจ้าน่องน้อยไปเข้าเรียนที่โรงเรียนไท่เพื่อฝึกระเบียบวินัย

ตอนแรกที่เลี้ยงจระเข้เหล่านี้ไว้องค์จักรพรรดิก็ลำบากเหลือ หากจะต้องฆ่าทั้งหมดก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย อีกทั้งหากยังเลี้ยงพวกมันต่อ ก็ยังมีประโยชน์เหมือนคราวที่มีนักฆ่าลอบเข้ามา

เมื่อเฮ่อฟังไม่ได้อยู่รับใช้เคียงข้างองค์จักรพรรดิ แต่ก็ยังมีเฮ่อโยวอยู่รับใช้ข้างกาย

หลังจากที่เฮ่อโยววางยาพิษเพื่อจะทำร้ายเฉินเสียนคราวก่อน องค์จักรพรรดิก็ไม่ได้สงสัยในตัวเขาอีกเลย

เมื่อพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ องค์จักรพรรดิมักจะตรัสถามผู้คนรอบตัว และตั้งใจเงยหน้าขึ้นมองไปยังเฮ่อโยว

เฮ่อโยวก้าวไปข้างหน้าและกล่าวว่า “จระเข้ที่พระตำหนักไท่เหอและบริเวณโดยรอบทะเลสาบ ทำให้สถานที่อย่างพระตำหนักไท่เหอดูอันตราย หม่อมฉันคิดว่าถึงแม้จะอันตรายไปบ้าง แต่เป็นสิ่งจำเป็นมากในการควบคุมและเฝ้าติดตามองค์หญิงจิ้งเสียนและพระโอรส”

เฮ่อโยวกล่าว “หม่อมฉันคิดว่าควรที่จะส่งเด็กคนนั้นไปที่โรงเรียนไท่”

องค์จักรพรรดิสงสัย “โอ้? เจ้ามีเหตุผลอย่างไร?”

เฮ่อโยวกล่าว “นี่ไม่เพียงแค่ได้ควบคุมฝึกระเบียบวินัยให้เขา แต่ยังทำให้เขาหมกมุ่นอยู่กับตำราเรียนจนไม่มีเวลาไปสัมผัสเล่นกับสิ่งที่อยู่ในน้ำ และข้อสององค์จักรพรรดิเป็นกังวลว่าองค์หญิงจิ้งเสียนและบัณฑิตมีความลับอะไรต่อกัน แต่ก็ไม่มีหลักฐาน นี่เลยเป็นโอกาสที่ดี”

องค์จักรพรรดิไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้มาก่อน

เฮ่อโยวกล่าวอีกว่า “หากว่าพวกเขาทั้งสองคนเกี่ยวข้องกันจริง จะต้องใช้เด็กคนนี้ในการส่งข่าวไปมาหากันแน่นอน องค์จักรพรรดิเพียงแต่ส่งคนไปติดตามอย่างใกล้ชิด หากพบว่าความผิดปกติสงสัย ก็สามารถมีหลักฐานเอาผิดได้”

องค์จักรพรรดิครุ่นคิดครู่หนึ่งด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าและตรัสว่า “เฮ่ออ้ายชิงช่างรู้ใจข้ายิ่งนัก”

ดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงทรงโปรดอนุญาต นับตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าน่องน้อยสามารถไปเรียนที่โรงเรียนไท่เหมือนกับองค์หญิงและองค์ชาย แต่จะต้องปฏิบัติตนตามกฏระเบียบของโรงเรียนไท่อย่างเคร่งครัด มิเช่นนั้นจะต้องถูกลงโทษตามกฏระเบียบ

เท่ากับว่าความพยายามในหลายวันมานี้ไม่สูญเปล่า ตอนนี้องค์จักรพรรดิไม่ส่งเจ้าน่องน้อยไปโรงเรียนไท่ไม่ได้แล้ว

ให้เจ้าน่องน้อยไปเรียนที่โรงเรียนเพื่อให้ซูเจ๋อสั่งสอนและให้ความกระจ่างในภูมิปัญญาของเขา หรือจะยอมให้องค์หญิงองค์ชายในวังทั้งหลายไม่มีความสงบสุขในการเรียน

หลังจากขันทีประกาศราชโองการจบก็เดินออกไป เฉินเสียงยิ้มหัวเราะและมองไปยังเจ้าน่องน้อย และก้มไปข้าง ๆ หูของเขาพร้อมกับกระซิบว่า “ลูกแม่ พรุ่งนี้ไปโรงเรียนไท่ต้องเชื่อฟังหน่อยนะ ราชครูแก่ชรา พวกที่คำพูดเต็มไปด้วยวลีวรรณกรรมยังไงเจ้าก็ฟังไม่รู้เรื่อง เจ้าเฝ้าติดตามอาจารย์คนที่เด็กที่สุดหน้าตาดีที่สุดในโรงเรียนไท่ก็พอ เจ้าต้องเชื่อฟังเขา รู้ไหม?”

เจ้าน่องน้อยพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ ใบหน้าเล็ก ๆ ดูเหมือนกำลังยิ้มอย่างมีความสุข และพูดออกมา “ข้ารู้แล้ว”

เฉินเสียนเลิกคิ้วขึ้น และจับไปที่คาง จ้องมองไปที่เจ้าน่องน้อยและพึมพำ “นี่ขนาดไม่ได้เป็นพ่อลูกกัน ทำไมข้าถึงรู้สึกแบบนั้นขึ้นมา…”

เฉินเสียนคิดว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ถึงแม้จะไม่ใช่พ่อแท้ ๆ แต่ก็ทำให้มีพ่อและลูก ต่อไปพ่อเลี้ยงและลูกเลี้ยงอาจจะเข้ากันได้ดีในอนาคต

วันต่อมาเฉินเสียนจัดเตรียมชุดให้เจ้าน่องน้อยอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และให้เสี่ยวเฮอไปส่งที่โรงเรียนไท่

พระตำหนักไท่เหอในวันที่ไม่มีเจ้าน่องน้อยนั่งเล่นกับจระเข้ทั้งวันในที่สุดก็สงบลง แม้แต่จระเข้ที่นอนอยู่ข้างน้ำก็ยังรู้สึกเบื่อหน่าย ทุกตัวต่างก็แหวกว่ายแยกย้ายกันไป ไปที่ https://th.readeraz.com เพื่ออ่านเนื้อหาใหม่ล่าสุดทุกคน! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเดินผ่านถนนเส้นนี้เพื่อไปโรงเรียนไท่ องค์จักรพรรดิเสด็จไปดูอาการของเขาครั้งหนึ่ง เขาร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเด็กทารก แถมยังถูกองค์จักรพรรดิดุว่าขี้ขลาดเหมือนหนู ไม่ได้ความ

พระสนมฉีรู้สึกแค้นเคือง โดยในใจคิดว่าลูกชายของเธอจะไม่กลัวเช่นนี้หากพระตำหนักไท่เหอไม่ได้ทำตัวเป็นปีศาจ

แต่มาวันนี้ ลูกชายของเธอไปโรงเรียนไม่ได้ แต่กลับทำให้เจ้าเด็กป่าเถื่อนนั่นได้ไปเรียนที่โรงเรียนไท่

พระสนมฉีต้องการให้องค์จักรพรรดิลงโทษเจ้าน่องน้อยอย่างรุนแรง แต่เหตุการณ์ในวันนี้ทุกคนต่างก็เห็นว่าจระเข้คลานออกมาเอง หากไม่ใช่เพราะเจ้าน่องน้อยปรากฏตัวทันเวลา และลากมันกลับไปด้วยความกล้าหาญ เกรงว่าองค์ชายห้าคงจะถูกจระเข้กัดกินไปแล้ว

หากมองอีกมุมหนึ่ง เจ้าน่องน้อยได้ช่วยชีวิตองค์ชายห้าเอาไว้

ไปที่ https://th.readeraz.com เพื่ออ่านเนื้อหาใหม่ล่าสุดทุกคน! ในช่วงนี้เขาไม่ต้องการที่จะพูดเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับองค์หญิงจิ้งเสียน

ทุก ๆ วันเจ้าน่องน้อยจะสะพายกระเป๋าใบเล็กไป และสะพายกลับมา ดูออกว่าเขามีความสุขในทุก ๆ วัน

ในห้องเรียนมีโต๊ะและเก้าอี้ขนาดเล็กซึ่งจัดเตรียมไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะ

เด็กคนอื่น ๆ มีอายุมากกว่าเขา และเขาอาจไม่เข้าใจบทเรียนที่อาจารย์สอน แต่ดวงตาของเขามองตามซูเจ๋อเสมอ แทบจะตามไปเกาะติดที่เขา

เสี่ยวเฮอบอกว่า ชุดขุนนางที่บัณฑิตใส่ แขนเสื้อที่สะท้านกับสายลม ม้วนหนังสือที่อยู่ในมือ เปรียบเสมือนวิวทิวทัศน์ภายในโรงเรียนไท่

นี่คือเรื่องจริง

ซูเจ๋อยกมือขึ้นและเหลือบมองดูเจ้าน่องน้อยเป็นครั้งคราว และมีความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้

ในตอนนี้เจ้าน่องน้อยก็เริ่มรู้จักปรับตัว รู้ว่าฟันน้ำนมของเขายังขึ้นมาได้ไม่เต็มที่ บ่อยครั้งที่มักจะน้ำลายย้อย เขาจึงบีบแขนเสื้อขึ้นและเช็ดน้ำลายจากมุมปากของเขา

แม้ว่าพฤติกรรมนี้จะนุ่มนวลและอ่อนโยน แต่ก็มีความสงบตามธรรมชาติที่ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างในการกระทำ

ในขณะที่นักเรียนคนอื่น ๆ กำลังทบทวนการบ้านของพวกเขา ซูเจ๋อเดินไปที่เจ้าน่องน้อย และเริ่มสอนให้เขาอ่าน โดยเริ่มจากพื้นฐานที่สุด

คำพูดที่ออกมาจากปากของซูเจ๋อ ทุกคำเรียบง่ายและฟังดูอ่อนโยน

ซูเจ๋อสอนให้เจ้าน่องน้อยจับพู่กัน มือที่และใหญ่เรียวยาวสีขาวอยู่บนมือเล็ก ๆ ของเจ้าน่องน้อย ค่อย ๆ วาดที่ละเส้น องค์หญิงและองค์ชายต่างพากันอ่านหนังสือ เขาพูดกับเจ้าน่องน้อยเบา ๆ “แม่ของเจ้า สบายดีไหม?”

เจ้าน่องน้อยตอบอย่างคล่องแคล่ว “แม่สบายดี”

ซูเจ๋อกล่าวอย่างนุ่มนวล “แล้วแม่ของเจ้าสอนอะไรเจ้าบ้าง?”

เจ้าน่องน้อยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และกล่าวว่า “ข่มเหงรังแกคนที่อ่อนแอกว่า”

ซูเจ๋อเลิกคิ้วขึ้น

เจ้าน่องน้อยกล่าวอีกว่า “ตกปลา”

“พระตำหนักไท่เหอมีปลาซะที่ไหนล่ะ”

เจ้าน่องน้อยกล่าว “ไม่มีปลาธรรมดา แต่เป็นจระเข้”

ซูเจ๋อหัวเราะชอบใจ และรู้ได้ทันที “แม่เจ้าสอนมาไม่มีผิด”

หลังเลิกเรียน เสี่ยวเฮอมีหน้าที่มารับเจ้าน่องน้อยกลับจากโรงเรียน เมื่อกลับไปถึงพระตำหนักไท่เหอ โดยปกติจะมีนางกำนัลมาคอยตรวจสอบภายในกระเป๋าของเจ้าน่องน้อย

นางกำนัลตรวจค้นตัวของเขา เขาก็ยินยอมให้ตรวจค้นโดยดี

หลังจากกลับมาถึงพระตำหนักไท่เหอ เฉินเสียนก็นำกระเป๋าของเขาส่งไปให้แม่นมซุยหรืออวี้เยี่ยน และจูงมือเขากลับเข้าห้องไป

เฉินเสียนถาม “วันนี้เขาสอนอะไรลูกบ้าง?”

“สอนให้รู้จักตัวอักษร”

“อืม แล้วเขายังพูดอะไรกับลูกอีกไหม?” เฉินเสียนตั้งใจถามอย่างไม่คิดอะไร

เจ้าน่องน้อยกล่าวว่า “เขาถาม แม่ของเจ้าสอนอะไรเจ้าบ้าง”

“แล้วเจ้าตอบเขาไปว่าอย่างไร?”

“ข่มเหงรังแกคนที่อ่อนแอกว่า”

เฉินเสียนใบหน้าบูดบึ้ง “แม่สอนให้เจ้าข่มเหงรังแกคนที่อ่อนแอกว่าตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ตกจระเข้”

เปลือกตาของเฉินเสียนกระตุก “เจ้าไม่พูดสิ่งดี ๆ เลยหรือ? เช่นแม่สอนเจ้าหัดเดินหัดพูด ทำให้เจ้าดูสะอาดและเรียบร้อยแบบนี้ ทำไมเจ้าไม่พูดล่ะ?”

เจ้าน่องน้อยตอบอย่างตกใจ “ไม่ได้คิดเยอะขนาดนั้น”

เฉินเสียนถอนหายใจ และกล่าวด้วยน้ำเสียงซึมเศร้า “อย่างไรเสียแม่ก็เพิ่งจะเป็นแม่คนครั้งแรก ไม่มีประสบการณ์ ช่างมันเถอะ แต่คราวหน้าจำไว้นะลูกต้องพูดถึงแต่สิ่งดีดี”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset