เวลานั้นเอง องค์จักรพรรดินีก็ทรงรับสั่งให้นางกำนัลรีบนำเรื่องนี้ไปทูลกับองค์จักรพรรดิโดยทันที พร้อมทั้งอธิบายต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง
เมื่อทางฝั่งองค์จักรพรรดิทรงได้ทราบเรื่องว่าราชทูตของอาณาจักรเป่ยเซี่ยจะมาถึงเมืองหลวงอย่างช้าที่สุดคือวันพรุ่งนี้ เวลาเช่นนี้ พระราชวังที่กำลังเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกลับไม่มีใครรายงานเรื่องนี้กับเขาเลย
เมื่อองค์จักรพรรดิทรงเสด็จมาถึงที่พระตำหนักไท่เหอ ก็เห็นทหารเวรยามที่กำลังช่วยกันมัดบันไดยาวเชื่อมไปยังฝั่งตรงข้าม และได้มีทหารหลายนายกำลังปีนอยู่บนบันไดแล้ว
สีพระพักตร์ขององค์จักรพรรดิก็เย็นยะเยือกไปในทันที พระองค์ทรงตรัสด้วยพระสุรเสียงที่เย็นชาว่า : “พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน!”
เมื่อสมเด็จพระราชชนนี
ทรงทอดพระเนตรเห็นพระองค์ ก็ทรงรีบตรัสขึ้นมาว่า : “ฝ่าบาท ทรงมาได้ทันการพอดี จิ้งเสียนนางได้ต่อต้านและขัดคำสั่งของข้า วันนี้ข้าจะลงโทษให้นางสำนึกผิดให้ได้”
องค์จักรพรรดิจึงทรงถามขึ้นว่า : “สรุปแล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
พระสนมฉีจึงตีสีใส่ไข่เล่าเหตุการณ์ใหม่อีกรอบ
เมื่อองค์จักรพรรดิได้ทรงทราบเรื่องแล้ว ก็ทรงครุ่นคิดอยู่ในใจ จากนั้นก็ทรงให้นางกำนัลของพระตำหนักไท่เหอออกมาเล่าเหตุการณ์ใหม่อีกรอบ
เสี่ยวเฮอและอวี้เยี่ยนออกมาพร้อมกับขันทีสองคน และได้พูดไปตามความสัตย์จริง
ทั้งสองฝ่ายเล่าออกมาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง องค์จักรพรรดิจึงมีรับสั่งให้นำตัวนางกำนัลและขันทีของทั้งสองฝ่ายลงมาสอบสวนอย่างเข้มงวดอีกครั้ง ในขณะที่ทหารเวรยามกำลังจะเข้ามาเบิกตัวนั้น จู่ๆ นางกำนัลคนสนิทของพระสนมฉีก็รีบคุกเข่าวิงวอนด้วยอาการสั่นเทา หลุดปากชี้ปมไปที่พระสนมฉีทันที
นางเล่าว่าพระสนมฉียืนยันจะพาองค์ชายห้ามายังพระตำหนักไท่เหอ ตั้งใจจะให้องค์ชายห้านั้นมารังแกลูกชายขององค์หญิงจิ้งเสียน โดยการให้องค์ชายห้าผลักเจ้าน่องน้อยลงไปในทะเลสาบ จากนั้นก็ทิ้งให้องค์ชายห้าเล่นกับเจ้าน่องน้อยอยู่ในห้องตำราตามลำพัง แต่องค์ชายห้าเล่นไม่ระวังจึงกระแทกโดนหัวเข้า พระสนมฉีจึงโกรธแค้นและบาดหมางกับพระตำหนักไท่เหอ
พระสนมฉีนึกไม่ถึงเลยว่าจะถูกนางกำนัลคนสนิทหักหลัง อยู่ในวังหลังมานานนับหลายปี จึงรู้ดีว่ามันเป็นอย่างไร นางหมุนตัวกลับไปตบหน้าของนางกำนัลคนนั้นอย่างเต็มแรง เผยนิสัยใจคอที่ดุร้ายเหี้ยมโหด นางพูดขึ้นด้วยคำพูดที่หยาบคายว่า: “นังบ่าวชั้นต่ำ! ในปากมีแต่คำพูดพล่อยๆ บังอาจให้ร้ายใส่ความข้า! ข้าจะฉีกปากของเจ้าให้ขาดคามือคอยดู! พูดมา! ใครเป็นคนส่งเจ้ามากันแน่? นางชั้นต่ำคนไหนเป็นคนส่งเจ้าเข้ามา?”
พูดจบก็ลงมือทุบตีนางกำนัลคนนั้นอย่างโหดเหี้ยม
ลงมือต่อหน้าพระพักตร์องค์จักรพรรดิและสมเด็จพระราชชนนี ปกติแล้วพระสนมฉีแสดงแต่ทัศนคติที่อ่อนน้อมถ่อมตนและมีคุณธรรม แต่วันนี้นางกลับเผยให้เห็นถึงความเกรี้ยวกราดและชั่วร้าย
นางกำนัลคนนี้เป็นนางกำนัลคนสนิทที่อยู่ปรนนิบัติรับใช้ข้างกายพระสนมฉีมานมนาน ไม่ว่าอย่างไรก็ยังมีความเชื่อใจไม่น้อย บวกกับปฏิกิริยาที่โกรธจัดของพระสนมฉี ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจ ว่าพระสนมฉีเป็นคนก่อเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างแน่นอน
เมื่อสมเด็จพระราชชนนีทรงเห็นเหตุการณ์แล้ว ก็รู้สึกเอือมระอาเป็นอย่างมาก ทรงตรัสกับองค์จักรพรรดิว่า : “ข้าเหลืออดเต็มที เรื่องนี้ฝ่าบาททรงจัดการเองก็แล้วกันสงสารก็แต่พระราชนัดดาของข้า”
พระสนมฉีเห็นว่าสมเด็จพระราชชนนีจะเสด็จออกไป ก็รีบบีบน้ำตาร้องไห้ขึ้นมาทันที: “สมเด็จพระราชชนนี สมเด็จพระราชชนนีโปรดช่วยหม่อมฉันทวงความยุติธรรมให้กับเรื่องนี้ด้วยเพคะ! พวกเขาต่างล้วนพากันใส่ร้ายป้ายสีหม่อมฉันทั้งนั้น!”
องค์จักรพรรดิทรงทอดพระเนตรไปยังพระสนมฉีร้องไห้จนไม่เป็นผู้ไม่เป็นคน จากนั้นพระสนมฉีก็หันหน้ามาเพื่อจะไปอ้อนวอนกับองค์จักรพรรดิต่อ แต่องค์จักรพรรดิทรงรับสั่งขึ้นก่อนว่า : “ใครก็ได้ พาพระสนมฉีกลับไปที ปิดประตูสำนึก ห้ามออกจากประตูตำหนักแม้เพียงครึ่งก้าว”
การลงโทษเช่นนี้ถือว่าเบามากแล้ว
เมื่อพระสนมฉีถูกพาตัวออกไปแล้ว องค์จักรพรรดิจึงค่อยทอดพระเนตรไปยังพระตำหนักไท่เหอ สีพระพักตร์มืดมน
หากไม่ใช่เพราะราชทูตของอาณาจักรเป่ยเซี่ยกำลังจะเดินทางมาถึงแล้ว เขาจะไม่ยอมให้เฉินเสียนสองแม่ลูกนั่นโอหังถึงเพียงนี้อย่างเด็ดขาด บังอาจตัดสะพานไม้จนขาด และยังสร้างความวุ่นวายและความร้าวฉานให้กับวังหลังของเขาถึงเพียงนี้ ไปที่ https://th.readeraz.com เพื่ออ่านเนื้อหาใหม่ล่าสุดทุกคน! และไม่ได้ลงมือจัดการอะไรกับเฉินเสียน พระองค์ทรงสะบัดแขนเสื้อแล้วออกจากฝั่งตรงข้ามไป
เมื่อองค์จักรพรรดิเสด็จมาจนถึงห้องตำราแล้ว ก็ทรงรับสั่งเรียกตัวเฮ่อโยวเข้าเฝ้า
พรุ่งนี้ราชทูตของอาณาจักรเป่ยเซี่ยจะเดินทางมาถึงยังเมืองหลวง เฮ่อโยวมีตำแหน่งหน้าที่เป็นขุนนางฝ่ายพิธีการ องค์จักรพรรดิจึงมอบหมายให้เฮ่อโยวรับหน้าที่ไปต้อนรับขับสู้ราชทูตและจัดเตรียมงานเลี้ยงเพื่อสานสัมพันธ์ในพระราชวัง
งานเลี้ยงในพระราชวังถูกจัดขึ้นในอุทยานอวี้ฮัว ในเวลาเดียวกัน ก็จัดการเตรียมพระตำหนักรับรองที่ตั้งอยู่นอกเขตใกล้กับพระราชวังที่ใช้เพื่อรองรับแขกผู้ทรงเกียรติจากพระราชวังอื่นๆ ให้ราชทูตเข้าพักโดยเฉพาะ
พึ่งทรงรับสั่งเสร็จ ก็มีข้าหลวงคนหนึ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก และได้ทูลว่าพึ่งได้รับสารจากราชทูตของอาณาจักรเย่เหลียง ว่าราชทูตเย่เหลียงจะเดินทางมาถึงวังหลวงในคืนพรุ่งนี้
ราชทูตของอาณาจักรเป่ยเซี่ยและอาณาจักรเย่เหลียงมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย และจะเดินทางมาถึงในวันเดียวกัน
พรุ่งนี้ทางพระราชวังจะต้องรีบเตรียมเป็นการด่วน ราชทูตทั้งสองอาณาจักรจะมาถึงที่นี่ในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าใครก็มัวชักช้าไม่ได้
เมื่อเฮ่อโยวรับพระบัญชาแล้ว องค์จักรพรรดิก็ทรงหันไปถามกงกงที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยพระสุรเสียงที่เข้มขรึมว่า : “เฮ่อฟั่งถูกขังไว้ที่กรมอาญานานแค่ไหนแล้ว?”
กงกงจึงตอบกลับไปว่า : “ใกล้จะครบสองเดือนแล้ว ก่อนหน้านี้กระหม่อมได้ไปเยี่ยมดูใต้เท้าเฮ่อที่กรมอาญาตามพระบัญชาของฝ่าบาท ใต้เท้าเฮ่อนั้นร่างกายทรุดโทรมและผ่ายผอม โรคภัยรุมเร้า คาดว่าน่าจะเป็นเพราะในคุกลำบากและทุกข์ทรมานพ่ะย่ะค่ะ”
องค์จักรพรรดิทรงตรัสขึ้นว่า : “ข้าว่าเวลาจองจำก็พอสมควรแล้ว ความลำบากในครั้งนี้ก็ถือเสียว่าเป็นบทเรียนแก่เขาก็แล้วกัน”
กงกงจึงพูดขึ้นว่า : “ครั้งนี้ถือโอกาสที่ราชทูตของทั้งสองอาณาจักรเดินทางมายังเมืองหลวงของเรา พอดีกับช่วงใกล้ปีใหม่ ฉลองยิ่งใหญ่ ฝ่าบาทสามารถใช้โอกาสนี้ในการนิรโทษกรรม ให้ใต้เท้าเฮ่อพ้นจากโทษจำคุกได้พ่ะย่ะค่ะ”
องค์จักรพรรดิทรงพยักพระพักตร์เบาๆ แล้วจึงตรัสขึ้นว่า : “หลังงานเลี้ยงฉลองค่อยว่ากัน” แล้วจึงค่อยหันไปทอดพระเนตรเฮ่อโยว : “เฮ่อฟั่งมีหัวคิดที่ดี เจ้ามีวิธีการที่เยี่ยม มีพี่น้องทั้งสองอย่างพวกเจ้าร่วมด้วยช่วยกัน ข้าก็วางใจแล้ว”
เฮ่อโยวจึงตอบกลับไปว่า : “มันเป็นหน้าที่ของกระหม่อม ที่จะต้องแบ่งเบาปัญหาและความกังวลพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
“เอาล่ะ เจ้ารีบไปเตรียมการเถิด เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด ทั้งวันนี้และวันพรุ่งนี้คงจะยุ่งพอตัว”
งานเลี้ยงฉลองและการต้อนรับคณะต่างอาณาจักรของที่ผ่านมาต่างก็เป็นขุนนางฝ่ายพิธีการจัดการมาโดยตลอด เฮ่อโยวเองก็ได้เตรียมใจไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เฮ่อฟั่งถูกขังอยู่ในคุกเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น องค์จักรพรรดิก็รีบร้อนจะปล่อยเขาออกมาเสียแล้ว
พรุ่งนี้เหล่าราชทูตจะเข้ามาในงานเลี้ยงในพระราชวัง ก็ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ดี
ตอนที่เฮ่อฟั่งยังอยู่ในคุก เฮ่อโยวทำอะไรเขาไม่ได้ แต่หากว่าเขาถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว เป็นไปได้หรือว่าเขาจะแตะเฮ่อฟั่งไม่ได้?
ไม่ใช่เพียงองค์จักรพรรดิที่รอสบโอกาส เฮ่อโยวเองก็รอโอกาสนี้มานานแล้ว
เข้าสู่ยามค่ำคืน องค์จักรพรรดิได้ทรงรับสั่งให้สร้างสะพานไม้ของพระตำหนักไท่เหอใหม่ให้เสร็จภายในค่ำคืนนี้ ไม่อย่างงั้นหากวันพรุ่งนี้ราชทูตของอาณาจักรเป่ยเซี่ยมาเห็นเข้า จะนึกว่าวังหลวงปฏิบัติต่อเฉินเสียนไม่ดีเอาได้
แม้ว่าองค์จักรพรรดิจะรู้สึกขุ่นเคืองในพระทัยเป็นอย่างมาก แต่พระองค์ก็จะต้องทำทุกอย่างออกมาให้เต็มที่
อวี้เยี่ยนและเสี่ยวเฮอไปสำรวจข่าวคราวข้างนอกอยู่ครึ่งค่อนวัน เมื่อได้ยินความเคลื่อนไหว ก็รีบกลับมาด้วยความดีอกดีใจ นางพูดกับเฉินเสียนว่า : “หม่อมฉันได้ยินมาว่าพวกเขาจะสร้างสะพานใหม่ จึงถามไปสองสามคำ เลยได้ยินมาว่าราชทูตของอาณาจักรเป่ยเซี่ยและอาณาจักรเย่เหลียงจะเดินทางมาถึงในวันพรุ่งนี้เพคะ”
เมื่อสะพานถูกสร้างจนเสร็จแล้ว ก็มีคนจากกองพระภูษาส่งชุดมาให้เฉินเสียนภายในค่ำคืนนั้นเลย การต้อนรับของวันพรุ่งนี้เธอจะต้องออกรับหน้าด้วย จึงจำเป็นต้องแต่งให้ดูเหมาะสมเป็นธรรมดา
มันคือชุดกงซั่งกระโจมอกของวังหลวง สีน้ำเงินทั้งชุด แขนเสื้อกว้างกระโปรงยาวเอวรัดแน่น แขนเสื้อถูกปักลวดลายด้วยไหมสีทอง ดูแล้วประณีตและสวยงามเป็นอย่างยิ่ง
คนจากกองพระภูษาไม่ได้รีบกลับไปในทันที ได้เชิญเฉินเสียนลองชุดก่อน หากมีส่วนที่ยังไม่พอดีกับรูปร่าง ก็จะยังแก้ได้ทัน
เพียงแต่ว่ารูปร่างของเฉินเสียนผอมบางจึงสวมชุดกงซั่งได้อย่างพอดิบพอดี จึงไม่ต้องเย็บแก้อะไรอีก
เมื่อคนจากกองพระภูษาจากไปแล้ว อวี้เยี่ยนกำลังช่วยปลดชุดของเฉินเสียน พลางพูดขึ้นอย่างสบายใจว่า : “ราชทูตของอาณาจักรเป่ยเซี่ยมาแล้ว ก็คงจะไม่มีใครกล้ามารังแกองค์หญิงกับเจ้าน่องน้อย วันนี้พระสนมฉีโอหังขนาดนั้น สุดท้ายแล้วก็ยังไม่ทันได้ทำอะไร แต่กลับถูกกักบริเวณเป็นที่เรียบร้อย”
เฉินเสียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย : “ราชทูตมาได้ แต่สุดท้ายก็ต้องกลับไปอยู่ดี”
เมื่อราชทูตของอาณาจักรเป่ยเซี่ยกลับไปแล้ว องค์จักรพรรดิอาจจะทรงยังให้นางมีชีวิตอยู่ต่อ แต่คงจะไม่ยอมให้นางอยู่อย่างเป็นสุขแน่นอน
อวี้เยี่ยนจู่ๆ ก็เป็นกังวลขึ้นมาจับใจ จึงพูดขึ้นว่า : “ทำอย่างไรดี? หากราชทูตกลับไปแล้ว แล้วพระสนมฉีหาเรื่องขึ้นมาอีก เราจะรับมืออย่างไรกันดีเพคะ?”