ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 490 มีแค่ท่านที่ยั่วข้าได้ แต่ข้ายั่วท่านไม่ได้หรืออย่างไร

เฉินเสียนควานหาเสื้อผ้าของตัวเองไปทั่วเตียง ซูเจ๋อจึงถามอย่างหวังดีว่า “ต้องการให้ข้าช่วยไหม”

เมื่อเงยหน้ามอง เฉินเสียนจึงพบว่าเขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ดูอิ่มเอิบและผ่องแผ้ว ไม่เหมือนหมาป่าที่ขย้ำเธอบนเตียงอย่างเอาแต่ใจเมื่อครู่นี้เลยจนนิดเดียว

เฉินเสียนหน้าแดงก่ำ ตอบไปว่า “ไม่ต้อง” เธอซ่อนตัวอยู่ในผ้าห่มและสวมชุดเงียบๆ แม้ว่าชุดนั้นจะยุ่งเหยิงมากก็ตามที

ซูเจ๋อไม่ได้ช่วยแก้อะไรให้เธอ เขาเพียงแต่ยิ้มจางๆ และหยิบเสื้อคลุมหนาๆ มาคลุมตัวเธอไว้อย่างมิดชิด จากนั้นจึงย่อตัวลงที่ข้างเตียง

เฉินเสียนถาม “ทำอะไรหรือ”

“ขึ้นมา ข้าจะแบกท่านไป”

เขาไม่มีทางปล่อยให้เธอเดินไปท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นข้างนอกนั่น เฉินเสียนไม่จำเป็นต้องสวมรองเท้าด้วยซ้ำ

เธอขึ้นไปบนหลังของซูเจ๋อ ซูเจ๋อแบกเธอไว้ ดับตะเกียงและออกไปจากห้อง เดินไปเพียงลำพังท่ามกลางความมืดมิดในยามค่ำ เฉินเสียนเข้าใจว่าที่ซูเจ๋อแบกเธอไว้บนหลังเช่นนี้ก็เพื่อปิดกั้นลมหนาวที่แสนจะหนาวเหน็บให้เธอ เพื่อให้เธอไม่ต้องรับรู้ว่ามันหนาวขนาดไหน

ซูเจ๋อใช้พลังที่เท้าเคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างรวดเร็วขณะที่ลงมาจากภูเขา เฉินเสียนคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ คอของเขา จากนั้นจึงพ่นลมหายใจอุ่นๆ เข้าไปในปกคอเสื้อตรงหน้า

เป็นผลให้ซูเจ๋อลื่นไถลจนทั้งสองคนเกือบจะกลิ้งลงมาจากภูเขาพร้อมกัน

ซูเจ๋อทรงตัวได้ทันท่วงที เมื่อความน่าหวาดเสียวจบลง เขาจึงบอกไปว่า “อย่าสร้างปัญหา”

เฉินเสียนบอกว่า “ข้ากลัวว่าท่านจะหนาว จึงทำให้ท่านอบอุ่น”

“ตอนนี้ข้าร้อนพอที่จะทำให้ท่านละลายได้เลย ท่านเชื่อหรือไม่”

เฉินเสียนซุกหน้าลงบนไหล่ของเขา เม้มริมฝีปากและหัวเราะเบาๆ จากนั้นจึงเอ่ยด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “ข้าเคยเตือนท่านแล้วว่าให้ท่านใส่เสื้อผ้าเพิ่มเสียหน่อยเวลาอากาศหนาวเช่นนี้ ทำไมท่านไม่ฟังข้าบ้าง”

ซูเจ๋อเอ่ยเรียบๆ ว่า “ข้าคิดว่าถ้าสวมมากเกินไป เวลาถอดออกจะลำบาก”

เฉินเสียน “…คนขี้โกง! ท่านเตรียมการไว้ตั้งแต่แรก!”

เฉินเสียนทั้งเคืองทั้งอาย เธอตื่นเต้นหวั่นไหวจนลืมไปว่าตนเองยังอยู่บนหลังของซูเจ๋อ

แขนของซูเจ๋อคอยประคองเธอไว้ที่ด้านหลัง เขากล่าวว่า “อาเสียน อย่าขยับมาก”

เฉินเสียนไม่ยอมเสียเชิงให้เขา เธอจึงขยับตัวอีกและกล่าวว่า “ทำไม ท่านจะโยนข้าลงหรืออย่างไร”

บ่อน้ำร้อนที่ซูเจ๋อพูดถึงอยู่ข้างหน้านี้แล้ว ในวันที่อากาศหนาวเช่นนี้ ไอร้อนที่พัดเข้ามาจึงทำให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายทั้งกายและใจ

ซูเจ๋อปล่อยเฉินเสียนลงบนพื้น ทันทีที่เท้าของเธอสัมผัสกับพื้น ขาของเธอก็อ่อนแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน แค่จะยืนให้มั่นคงยังทำไม่ได้

ซูเจ๋อโน้มตัวไปประคองเธอขึ้นมา เขาโอบเธอไว้แน่นในอ้อมแขน เอ่ยที่ข้างหูของเธอว่า “บอกแล้วว่าอย่าขยับ คิดว่าข้ากลัวท่านหรือ? ข้าแข็งแล้วละ”

ทันทีที่ยืนตัวตรง เฉินเสียนก็สัมผัสได้ถึงของเหลวอุ่นๆ ที่ไหลเข้าสู่ท้องน้อยไปก่อนหน้านี้ ซึ่งค่อยๆ ไหลออกมาจากหว่างขาของเธอ คำพูดของซูเจ๋อมีพลังมากพอที่จะรบกวนร่างกายและจิตใจของเธอและทำให้เธอหมดแรงต่อต้าน

เฉินเสียนจ้องมองเขาและเอ่ยอย่างแผ่วเบาว่า “ข้าไม่มีแรงแล้ว”

ในที่สุดซูเจ๋อก็เป็นฝ่ายถอดเสื้อผ้าให้เธอและอุ้มเธอลงไปในน้ำ เพียงแต่ว่าเฉินเสียนยังรู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินนัก จึงใช้สองมือป้องปกไว้ที่ด้านหน้าของตนเอง จากนั้นจึงหันหลังให้เพื่อชำระล้างร่างกาย

ทว่าเธอสนใจแต่มือจนลืมเท้าด้านล่าง เท้าทั้งสองข้างของเธอเหยียบไม่ถึงพื้น ไม่ทันไรร่างกายของเธอก็จมลงไปเล็กน้อย

ซูเจ๋อที่อยู่ด้านหลังดึงเธอขึ้นมาได้ทันเวลาและพูดว่า “ท่านหันหลังให้ข้าเช่นนี้ ไม่กลัวว่าจะอันตรายรึ”

เฉินเสียนเข้าใจความหมายอันลึกซึ้งที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขาทันที เธอรีบหันกลับมาอย่างรวดเร็วและขยับถอยไปจนแผ่นหลังชิดติดกับขอบของบ่อน้ำพุร้อน ทว่าสองขาของเธอก็ยังไร้เรี่ยวแรง ดังนั้นเธอจึงยังจมลงไปเล็กน้อย

ซูเจ๋อจึงต้องขยับเข้าไปใกล้และดึงเธอขึ้นมาอิงแอบไว้แนบกาย ใช้แขนทั้งสองข้างรองรับน้ำหนักตัวของเธอไว้ ลมหายใจของเขาอบอุ่น “ถ้ากลัวจมก็กอดข้าไว้เถิด”

เฉินเสียนได้ยินเขาหัวเราะ “ไม่ใช่ว่าแทบจะรอให้ข้าฉีกทึ้งท่านไม่ไหวหรอกหรือ เหตุใดจึงต้องระวังตัวเช่นนี้ เอาเถิด ข้ารู้ว่าท่านถึงขีดจำกัดแล้ว ดังนั้นข้าจะไม่ทำอะไรอีก”

“ใครบอกว่าข้าระวังตัวจากท่าน ข้าแค่ขอพักสักครู่…”

เธอชอบอุณหภูมิร่างกายของซูเจ๋อ ชอบให้เขาอยู่ใกล้ๆ ชอบอิงแอบเขา ในท้ายที่สุดเฉินเสียนจึงค่อยๆ ผ่อนคลายและทิ้งตัวเกาะเขาไว้

เฉินเสียนพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของทั้งเขาและตัวเองโดยกล่าวว่า “ท่านคุ้นเคยกับสถานที่แถบวัดฮู่กั๋วดีหรือ เหตุใดจึงรู้ว่ามีบ่อน้ำพุร้อนอยู่ที่นี่”

ซูเจ๋อตอบว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยมาสอบถามไว้แล้ว”

“ดูเหมือนจะวางแผนล่วงหน้าไว้แล้วจริงๆ สินะ” เธอถาม “ถ้าเช่นนั้นการที่ท่านทำให้ข้าได้มาอยู่ที่วัดฮู่กั๋วอย่างยากลำบาก ท่านมีแผนจะทำอย่างไรต่อ”

เฉินเสียนคิดว่าเขาคงจะวางแผนไว้หมดแล้ว

ซูเจ๋อหลุบตาลงมองเธอและกล่าวว่า “ข้าบอกไปแล้วว่าข้าจะคว้าโอกาสดีๆ เอาไว้เพื่ออธิบายให้ท่านฟัง ตอนนี้เป้าหมายของข้าบรรลุผลแล้ว”

เฉินเสียน “…แค่เพื่อสิ่งนี้น่ะหรือ”

“และเพื่อนอนกับท่านด้วย ไม่รู้ว่านี่จะนับเป็นเป้าหมายได้หรือไม่”

จิตใจของเธอรู้สึกว้าวุ่นอยู่ครู่หนึ่ง

เฉินเสียนรู้สึกได้อย่างชัดเจน แม้จะอยู่ในน้ำนานแล้วเขาก็ยังไม่ยอมอ่อนลงเลย

ต่อมาเฉินเสียนก็เหนี่ยวคอของเขาไว้และถามด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น “ผ่านไปนานแล้วนะ แต่ท่านยัง… อย่างนั้น จะไม่เป็นไรหรือ”

“ยังไหวอยู่”

ดูเหมือนการเบี่ยงเบนความสนใจจะล้มเหลว เฉินเสียนเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เธอก็ยกขาขึ้นมาแนบชิดเข้ากับเขาโดยไม่เหลือช่องว่างเอาไว้

ซูเจ๋อพูดไม่ออก เขาใช้มือข้างหนึ่งจับข้อเท้าของเฉินเสียนไว้ ครู่ใหญ่ๆ จึงเอ่ยออกมาว่า “อาเสียน ท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”

เฉินเสียนเงยหน้ามองเขา หลังจากนั้นจึงค่อยๆ ยืดตัวขึ้นและจูบลงไปที่ลูกกระเดือก อ้อยอิ่งอยู่ที่คางของเขาและเอ่ยอย่างแผ่วเบาว่า “ข้ารู้ว่าแต่ไหนแต่ไรท่านทนได้เสมอ แต่ตอนนี้ ชัดเจนแล้วว่าข้าอยู่ต่อหน้าท่าน เหตุใดท่านจึงต้องอดกลั้นอยู่อีก ถ้าท่านต้องการข้าท่านไม่จำเป็นต้องฝืน ข้ารู้จักร่างกายของตัวเองดีกว่าท่าน ข้ารับได้”

เธอรู้สึกได้ว่ามือของซูเจ๋อที่จับอยู่ที่ข้อเท้าของเธอกำแน่นขึ้นเล็กน้อย เธอกระซิบอยู่ที่ข้างคอของเขาว่า “ข้าเพียงแค่ยังเขินอายนิดหน่อย”

“คงจะเป็นเช่นนั้น”

ซูเจ๋อยกขาของเธอขึ้นมาและหาจุดกึ่งกลางหว่างขาจนพบ เขาปล่อยให้เธอจมลงไปช้าๆ ในขณะที่ยืดกายของตนเองขึ้นมาเล็กน้อย ปล่อยตัวไปตามกระแสของน้ำ จากนั้นจึงค่อยๆ รุกเข้าไปในร่างกายของเธออีกครั้งอย่างอ่อนโยน

ความรู้สึกอิ่มเอมและความรวดร้าวที่เกิดขึ้นทำให้เฉินเสียนสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ขาของเธอไม่มีที่ให้ตกลงไป เธอจึงทำได้เพียงโอบรอบเอวของเขาไว้ ทุกครั้งที่มีการขยับเข้าออกอย่างเต็มที่ ทุกเส้นประสาทของเฉินเสียนจะอ่อนไหวจนเธอแทบบ้า

แม้ว่าร่างกายจะเหนื่อยล้า แต่เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะให้ความร่วมมือกับเขา ลอยขึ้นและจมลงไปด้วยกัน

เฉินเสียนฟุบหน้าอยู่บนบ่าของเขาและอดไม่ได้ที่จะย้ำเตือน เธอทำอย่างที่ซูเจ๋อเคยทำ เผยอปากและขบไปที่ใบหูของเขา

ซูเจ๋อชะงักไปนิดหนึ่ง เขาหายใจหนักๆ หนึ่งทีและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปว่า “เฉินเสียน ท่าน… กำลังรนหาที่ตายรึ”

เฉินเสียนเปลี่ยนไปเป็นระบายความโกรธ เธอตอบกลับด้วยเสียงที่แหบพร่า “ท่านมันปีศาจ มีแค่ท่านที่ยั่วข้าได้ แต่ข้ายั่วท่านไม่ได้หรืออย่างไร” พูดจบเธอก็โลมเลียมและแทะเล็มที่ลำคอของเขาอย่างอ้อยอิ่ง

“ปีศาจ…” ซูเจ๋อสูดลมหายใจและรั้งเอวของเฉินเสียนซึ่งอยู่ใต้น้ำเข้าหาตัว “ใครเป็นปีศาจกันแน่? ท่านอาจจะยังไม่รู้ ในสถานการณ์เช่นนี้ ข้ายังมีสิ่งที่สงวนและเก็บงำเอาไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากมาก”

เขายังคงหัวเราะอย่างแผ่วเบา “ท่านไม่รู้จริงๆ ก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ข้าจะทำให้ท่านได้รู้เอง”

ซูเจ๋อพาเธอขึ้นฝั่ง เสียงน้ำใสดังกังวาน และเขาก็ดุร้ายยิ่งกว่าตอนที่อยู่ในห้อง

ตอนที่อยู่ในอาราม ซูเจ๋อพยายามยับยั้งอย่างเต็มที่เพราะเกรงว่าจะทำเสียงดังไปจนถึงนอกลานซึ่งอวี้เยี่ยนกำลังหลับสนิท แต่ตอนนี้ ที่บ่อน้ำพุแห่งนี้ บนผืนน้ำที่กว้างใหญ่ มีเพียงแค่เขาและเธอเท่านั้น

น้ำพุร้อนดูเหมือนจะไหล่ย้อนเข้าไปในร่างกายของเฉินเสียน ชะล้างไปทั่วสรรพางค์กายและทุกเส้นประสาทของเธอ เหลือไว้เพียงแค่ลมหายใจของซูเจ๋อและรอยประทับอันเร่าร้อนที่เขาฝากเอาไว้

เมื่อพายุหิมะสงบลง เฉินเสียนจึงเงยหน้าขึ้นมองดูท้องฟ้าที่อ้างว้างในยามราตรี และเหมือนจะเห็นดวงดาวพราวแสงระยิบระยับอยู่ไม่กี่ดวง

งดงามเหลือเกิน

เธอโอบศีรษะของเขาไว้ ผมที่สยายราวกับสาหร่ายเกี่ยวพันอยู่ตามซอกนิ้วของเธอ เธอเอ่ยอย่างเต็มตื้นในอารมณ์ว่า “ซูเจ๋อ ท่านคิดว่าการรักใครสักคนมันรู้สึกอย่างไรหรือ”

“รู้แค่ว่ากลัวว่าจะทำร้ายเธอ และอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนวิธีทรมานเธอ”

“ส่วนข้ารู้สึกว่า… ไม่ว่าจะทรมานด้วยวิธีไหน ข้าก็ยังตื่นเต้นและรักที่จะทำอยู่ดี…”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset