ถึงแม้เย่ซือเฉินจะรู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ว่าไม่ได้ยอมรับในตัวเขา ทั้งยังไม่เคยเรียกเขามาก่อน
แน่นอว่าเขาเองก็ไม่เคยเรียกเย่ซือเฉินมาก่อน
ในสถานการณ์แบบนั้น ไม่ถือว่าเป็นการยอมรับเป็นพ่อลูก อีกทั้งเย่ซือเฉินก็ไม่ชอบเขา เกรงว่าเย่ซือเฉินไม่อยากยอมรับเขาที่เป็นลูกชายคนนี้
แต่ว่า ตอนที่ถังจื่อโม่สบตากับดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวังของถังจื่อซี เขาไม่อยากทำให้น้องสาวต้องผิดหวัง เขาจึงพยักหน้าช้าๆ
อย่างน้อยเย่ซือเฉินก็รู้ถึงการมีอยู่ของเขา เขากับเย่ซือเฉินก็เจอหน้ากันแล้ว ถือว่ายอมรับเป็นพ่อลูกกันแล้ว
“ดีจังเลยค่ะ ดีจังเลย ในเมื่อพี่กับพ่อยอมรับเป็นพ่อลูกกันแล้ว ถ้าอย่างนั้นครอบครัวของเราก็อยู่ด้วยกันได้แล้ว” ถังจื่อซีเห็นพี่ชายพยักหน้ายอมรับ ร้องตะโกนด้วยความดีใจ เธอรอคอยสิ่งนี้มานาน รอมานาน
ถังจื่อโม่ได้ยินคำว่าครอบครัวของรา นัยน์ตาของเขาฉายแสงแวววับอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเล็กๆดูหม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้เย่ซือเฉินจะรู้ถึงการมีอยู่ของเขา แต่ว่าเย่ซือเฉินไม่ชอบเขา ดังนั้นครอบครัวของเราไม่ได้รวมเขาไปด้วย
“พอได้แล้ว ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว รีบนอนเถอะ” ถังจื่อโม่ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกแล้ว เพราะเรื่องนี้ทำให้เขาหงุดหงิด เขากลัวตัวเองจะทนไม่ไหว แล้วน้องจะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ
“ค่ะๆ” ถังจื่อซีพยักหน้าติดต่อกัน ตอบด้วยความว่านอนสอนง่าย ดึกมากอยู่แล้ว เธอรอพี่ชายกลับมา ไม่อย่างนั้นเข้านอนไปนานแล้ว
“หนูจะโทรหาคุณพ่อก่อน” ถังจื่อซีหมุนตัวหันหลัง แล้วหยุดลง เธอเกือบลืมเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่ง เธอจะโทรหาพ่อ ก่อนหน้านี้เพราะต้องปิดบังพี่ชาย เธอจึงไม่ค่อยได้โทรหาพ่อ
“ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ระหว่างทางกลับไป กำลังขับรถอยู่ ไม่สะดวกรับสาย” นัยน์ตาของถังจื่อโม่ฉายแสงแวววับ เขานึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้เย่ซือเฉินเพิ่งส่งเขากลับมา ต้องใช้เวลาในการกลับไป ดังนั้นตอนนี้ต้องกำลังขับรถอยู่แน่นอน
“จริงด้วยๆ พี่ชายพูดถูก เวลาขับรถรับโทรศัพท์ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นหนูส่งข้อความไปหาพ่อแล้วกันค่ะ” ถังจื่อซีรีบพยักหน้า
“คุณพ่อคะ หนูคือจื่อซีลูกรักของคุณพ่อ คุณพ่อกับพี่ชายยอมรับเป็นพ่อลูกกันแล้ว จื่อซีดีใจมาก คุณพ่อเองก็คงจะดีใจมากแน่ๆใช่ไหมคะ จื่อซีไม่ได้ตั้งใจปิดบังคุณพ่อ เพียงแต่ว่า……” ถังจื่อซีหยุดพูด เธอรู้สึกว่าตอนนี้ไม่ควรบอกว่าพี่ชายไม่ให้เธอพูด เพราะถึงอย่างไรพี่ชายกับคุณพ่อก็เพิ่งยอมรับเป็นพ่อลูกกัน เธอไม่มีวันยอมให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดระหว่างพ่อกับพี่แน่นอน
“จื่อซีกับพี่ชายอยากจะเซอร์ไพรส์คุณพ่อ คุณพ่อเซอร์ไพรส์ไหมคะ? ดีใจรึเปล่า?” เด็กน้อยถังจื่อซีเป็นเด็กฉลาด ดังนั้นจึงเปลี่ยนเรื่องได้ดีมาก
ถังจื่อโม่เงยหน้าขึ้นมองถังจื่อซี ภายในใจหวั่นไหวเล็กน้อย น้องสาวของเขามีความเป็นผู้ใหญ่มาโดยตลอด ทั้งยังช่างเอาอกเอาใจ อีกทั้งขอแค่มีน้องสาวยาว มักจะทำให้บรรยากาศเปลี่ยนเป็นผ่อนคลาย ทำให้ทุกอย่างผ่อนคลายและมีความสุข
ข้อนี้ เขาเทียบกับน้องสาวไม่ได้!
ถีงจื่อโม่เองก็อยากรู้ว่าเย่ซือเฉินจะตอบยังไง?
เย่ซือเฉินจะเซอร์ไพรส์ไหม? จะดีใจไหม?
แต่ว่า ถังจื่อโม่คิดขึ้นได้ว่าเย่ซือเฉินกำลังขับรถอยู่ น่าจะไม่ตอบเร็วขนาดนั้น
“จื่อซี ไปนอนก่อนเถอะ” ถังจื่อโม่มองดูเวลา ตอนนี้ดึกมากแล้ว ตอนที่เขากลับมาไม่เห็นคุณปู่ทวดกับคุณย่าทวด คุณปู่ทวดและคุณย่าทวดเข้านอนแล้ว
“หนูรอคุณพ่อตอบข้อความหนูค่ะ” ถังจื่อซีถือโทรศัพท์เอาไว้ ดวงตากลมดตจับจ้องไปที่โทรศัพท์
“เขากำลังขับรถอยู่ คงไม่มีเวลาตอบแน่ๆ ไปนอนก่อนเถอะ ดึกมากแล้ว” ถังจื่อโม่เองก็มองไปที่โทรศัพท์ของถังจื่อซี ความเป็นจริงเขาเองก็อยากฟังว่าเย่ซือเฉินจะตอบอย่างไร แต่ว่า……
เพียงแต่ว่า ในเวลานี้เอง เสียงโทรศัพท์ของถังจื่อซีดังขึ้นกะทันหัน เป็นเสียงแจ้งเตือนของข้อความ
“”คุณพ่อตอบกลับมาแล้ว” ใบหน้าของถังจื่อซีเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม เธอรีบเปิดโทรศัพท์ เห็นข้อความเสียงที่เย่ซือเฉินตอบกลับมา ยิ้มอย่างมีความสุขยิ่งกว่าเดิม
นัยน์ตาของถังจื่อโม่ฉายแสงแวววับ เย่ซือเฉินตอบข้อความเร็วจริงๆ เย่ซือเฉินกำลังขับรถอยู่ไม่ใช่เหรอ
ถังจื่อซีเปิดข้อความเสียงที่เย่ซือเฉินตอบกลับมา
“คุณพ่อเซอร์ไพรส์มากค่ะ และคุณพ่อก็ดีใจมาก ขอบคุณนะคะลูกรัก ขอบคุณสำหรับเซอร์ไพรส์ที่พวกลูกๆทำให้พ่อ” เสียงของเย่ซือเฉินอ่อนโยนอย่างมาก แต่หากตั้งใจว่า ไม่อยากที่จะฟังออกว่าเสียงที่อ่อนโยนของเขาเคล้าไปด้วยอารมณ์มากมาย
“พี่่คะ คุณพ่อบอกว่าเซอร์ไพรส์มากค่ะ ดีใจมาก” หลังจากถังจื่อซีฟังข้อความเสียงจบ ก็หันไปบอกพี่ชายของตนเอง:“พี่คะ คุณพ่อบอกว่าดีใจมากที่ได้ยอมรับเป็นพ่อลูกกับพี่ ดังนั้นคุณพ่อชอบพี่มากคะ”
เวลานี้ถังจื่อซียิ้มอย่างมีความสุข ยิ้มสดใสมากเป็นพิเศษ รอยยิ้มของเขามีพลังที่สามารถติดต่อกันได้ ทำให้ถังจื่อโม่ที่ตอนแรกหงุดหงิดอยู่นั้นอารมณ์ดีขึ้นมาก
อีกทั้งเมื่อกี้ถังจื่อโม่ก็ได้ฟังข้อความเสียงที่เย่ซือเฉินส่งมาแล้ว เขาได้ยินเย่ซือเฉินบอกว่าเซอร์ไพรส์มาก ดีใจมาก ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าเย่ซือเฉินไม่ได้พูดกับเขา แต่พอเขาได้ฟังก็ไม่ได้เศร้ามากเหมือนเมื่อกี้อีกแล้ว
อีกทั้งคำพูดของถังจื่อซีในเวลานี้ เป็นการปลอบโยนเขา น้องสาวของเขาปลอบโยนคนเก่งจริงๆ
ขอเพียงน้องสาวของเขายินดีที่จะทำ น้องสาวของเขาสามารถขายคนอื่น โดยที่ทำให้คนๆนั้นรู้สึกขอบคุณเธอได้
“อืม พี่รู้แล้ว” ถังจื่อโม่ดีใจไปกับน้องสาวของตนเอง ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มเล็กน้อย เขาคิดชั่วคราวว่าเพราะเย่ซือเฉินรู้เรื่องของเขาก็เลยดีใจแล้วกัน
เย่ซือเฉินในตอนนี้จอดรถเทียบข้างทาง เวินลั่วฉิงยังอยู่ที่เมืองจิ๋นไม่กลับมา เขาเพิ่งส่งลูกชายกลับตระกูลถัง เขากลับบ้านตอนนี้ต้องนอนไม่หลับแน่ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถทำใจให้สงบได้ เขาต้องหาอะไรทำ เพื่อผ่อนคลายความดีใจที่อยู่ในใจของเขา
เขาเป็นพ่อคนแล้ว ทั้งเขายังมีลูกชายและลูกสาว
เขารู้สึกว่าเขาควรจะบอกเล่าเรื่องที่เขาเป็นพ่อคนให้คนอื่นฟัง ตอนนั้นยอมรับความเป็นพ่อลูกกับถังจื่อซีต้องปิดบังเวินลั่วฉิง ดังนั้นจึงไม่สามารถเปิดเผยได้ ความเป็นจริงเขาเก็บเรื่องนี้จนรู้สึกทรมานมาก ตอนนี้ยอมรับความเป็นพ่อลูกับถังจื่อโม่แล้ว เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป
ดังนั้น เวลานี้คุณชายสามเย่อยากจะบอกให้คนทั้งโลกรู้
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา กดไปที่รายชื่อในโทรศัพท์ แล้วเริ่มโทรออก
“ออกมาดื่มกันหน่อย” คนแรกที่เขาโทรหาคือสีจี้ ทันทีที่ปลายสายรับสาย ก็พูดออกไปตรงๆหนึ่งประโยค เขาไม่ให้คุณชายสี่จี้เหลือพื้นที่ในการปฏิเสธ:“เร็วเข้า อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันที่เดิม”
หลังจากนั้นคุณชายสามเย่ก็วางสาย
คุณชายสี่จี้มองดูเวลา ถึงแม้ตอนนี้เขายังไม่เข้านอน แต่เขาก็มีสีหน้าตกตะลึง ดึกขนาดนี้แล้วพี่สามเรียกพวกเขาไปดื่มเหล้าเนี่ยนะ?
อีกทั้งพี่สามยังโทรหาเขาโดยเฉพาะ โทรตามเขาไปดื่มเหล้ากับพี่สามโดยเฉพาะ?!
เมื่อกี้พี่สามเป็นคนโทรจริงๆเหรอ?
แน่นอน คุณชายสี่จี้ยังไม่รู้ว่าพี่สามของเขาไม่เพียงแต่โทรหาเขา แต่ยังโทรหาอีกหลายคน
ความเป็นจริงแล้วคุณชายสามเย่อยากจะโอ้อวด……