กงกงกล่าวอย่างมีความอดทน “องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่เอาตัวเขาไปหรอก กระหม่อมแค่ดูแวบเดียวเท่านั้น ดูเสร็จฝ่าบาทจะได้มอบลูกของพระองค์ให้กับบิดาของเขาอย่างไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
แม่นมซุยกล่าว “องค์หญิงเพคะ ให้เขาดูปราดหนึ่งเถอะเพคะ”
ราวกับเฉินเสียนถูกโน้มน้าวจิตใจสำเร็จ กล่าวด้วยแววสั่นเทา “งั้นก็ให้เจ้าดูปราดหนึ่ง”
กงกงเข้ามาดูแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าเจ้าน่องน้อยซีดขาว ร่างกายแข็งทื่อเย็นเยียบ ไหนเลยจะมีลมหายใจ อดทอดถอนใจไม่ได้
เจ้าน่องน้อยอยู่ในวังมานาน เขาก็เคยเห็นหน้าตาเด็กที่หน้าตาจิ้มลิ้มขาวนวล
ตอนนี้ต้องมีจุดจบเช่นนี้ ช่างเสียดายยิ่งนัก
กงกงเป็นคนละเอียดรอบคอบ ลำพังดูยังไม่เพียงพอ เขายังต้องการจับอีกด้วย
เพียงแต่พึ่งเอื้อมมือเฉินเสียนก็หลบไปด้านข้าง ใช้แววตาเหี้ยมเกรียมกล่าวว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร?”
กงกงปลอบประโลมด้วยความสงสาร “องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะดูท่าทางเขานอนแล้วน่ารักเหลือเกิน ใบหน้าเรียวรูปไข่ใครเห็นใครก็รัก กระทั่งกระหม่อมยังอยากจับเลย องค์หญิง กระหม่อมชื่นชอบเขายิ่งนัก ให้จับหน่อยได้หรือไม่?”
เฉินเสียนเริ่มโอนอ่อนผ่อนตาม น้ำตาคลอเบ้าพลางด้วยเสียงอ่อนนุ่ม “เจ้าก็รู้สึกว่าเขาน่ารักกระมัง เป็นลูกของข้าต้องน่ารักอยู่แล้ว”
เฉินเสียนกล่าวเสียงแผ่วเบา “ได้ยินว่าให้คนอื่นแตะจับกับอุ้มบ่อยๆ ร่างกายจะเติบโตแข็งแรงมาก เจ้าจับเขาได้ แต่จับได้แค่วูบเดียวเท่านั้น ชู่ เขากำลังนอนหลับอยู่ เจ้าจับเบาๆหน่อย ระวังทำให้เขาตื่น”
กงกงพยักหน้าหงึกๆ ยื่นมือไปจับหน้ารูปไข่ ส่วนนิ้วก้อยไปลองสัมผัสบริเวณคอเล็กๆของเขา
ภายใต้ผิวเย็นแข็ง ไม่รู้สึกถึงการเต้นของชีพจรแต่อย่างใด
เสียชีวิตแล้วจริงๆ
หากเขายังพอมีลมหายใจรวยริน เฉินเสียนคงไม่ถึงขั้นเป็นบ้าๆบอๆเฉกเช่นยามนี้หรอก?
กงกงผู้นี้ติดตามจักรพรรดิเมื่อครั้นยังเป็นแค่ผู้สืบทอดของกษัตริย์ไหวหนาน จักรพรรดิจึงเชื่อคำพูดของเขาอย่างไม่สงสัย
สุดท้ายจักรพรรดิอนุญาตให้เฉินเสียนมอบลูกให้กับฉินหรูเหลียง
เฉินเสียนอุ้มลูกให้กับฉินหรูเหลียง ยังกำชับเขาอย่างเสียสติว่า “ท่านพาเขากลับไปถึงจวนก็รีบเชิญหมอมารักษาเขานะ หลายวันก่อนเขาไม่รู้ไปชนอะไรมา ดวงตากับจมูกมีเลือดไหลออกมา”
“เฉินเสียน……” ฉินหรูเหลียงขมวดคิ้วแน่น พลางเรียกชื่อเธอเบาๆ
เฉินเสียนกล่าวต่อว่า “ท่านต้องจำให้ดีนะ”
ดูจากท่าทางแล้วบางครั้งเธอได้สติ บางครั้งสมองก็ฟั่นเฟือน ก่อนหน้านี้ไม่ยอมให้เผาศพ จะให้เขาศพท่าเดียว ทว่ายามนี้กลับรับการจากไปของเจ้าน่องน้อยไม่ได้
ไม่ปล่อยให้ทั้งสองเสวนานาน นางกำนัลเชิญฉินหรูเหลียงออกจากวัง และนับจากวินาทีนี้เฉินเสียนก็ต้องจากกันกับเจ้าน่องน้อยเสียแล้ว
เฉินเสียนยังคิดจะตามเจ้าน่องน้อยกลับมา เสียดายที่ถูกนางกำนัลขัดขวาง ไม่ให้เธอมีโอกาสเลย
เฉินเสียนร้องไห้โวยวายอยู่ในอุทยานอวี้ฮัวสักพัก สุดท้ายก็ถูกนางกำนัลคุมตัวกลับพระตำหนักไท่เหอ
อุทยานอวี้ฮัวจึงสงบเงียบลง
ระหว่างที่จักรพรรดินำกงกงกลับห้องตำราหลวง ถามว่า “เรื่องวันนี้ เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”
กงกงตอบว่า “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมดูแล้ว เด็กคนนี้หน้าซีดเขียว จากนั้นก็ลองจับดู พบว่า ชีพจรไม่เต้นแล้ว มั่นใจว่าเสียชีวิตเป็นเวลานานแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
สักพัก จึงกล่าวอีกว่า “วันนี้องค์หญิงจิ้งเสียนสติฟั่นเฟือน พูดจากำกวม คาดว่าการสูบเสียบุตรชายครั้งนี้กระทบกระเทือนจิตใจไม่น้อย บอกว่านางบ้าก็ไม่เกินไปเลยพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิมองเขาปราดหนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “ไปล้างมือก่อนมาปรนนิบัติข้าที่ห้องตำราหลวง”
จักรพรรดิไม่ประมาทเลินเล่อ ส่งคนไปสอดแนมจวนฉิน หลังจากที่ฉินหรูเหลียงพาเจ้าน่องน้อยกลับมา จึงตั้งโถงไว้ทุกข์เล็กๆ ทำพิธีศพอย่างเรียบง่าย จากนั้นก็วางเจ้าน่องน้อยเข้าโลงศพยกไปฝังในสุสานตระกูลฉิน
ผู้สอดแนมกลับมารายงานว่า เห็นวางเจ้าน่องน้อยในโลงศพ จากนั้นก็ฝังในสุสาน เรื่องนี้จึงถือว่าจบสิ้น
พิธีฝังศพของเจ้าน่องน้อยย่อมต้องส่งข่าวให้เฉินเสียนในพระตำหนักไท่เหอรับรู้
เฉินเสียนสะเทือนจิตใจจนคลุ้มคลั่ง ร้องไห้โหยหวนกลางดึกเป็นประจำ ยังอาละวาดปาของ ทุบของในพระตำหนักไท่เหอ จากนั้นโยนลงในทะเลสาบ
ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องกับพระสนมฉี สมเด็จพระราชชนนีก็ไม่คิดปล่อยเธอแล้ว ตอนนี้เฉินเสียนยังบ้าถึงขั้นนี้ สมเด็จพระราชชนนียิ่งเหลืออดเข้าไปอีก
โรงเรียนไท่ก็ไม่ได้ร่ำเรียนตำราหลายวันแล้ว สาเหตุมาเฉินเสียนเกิดอาการบ้าคลั่ง ทำให้บรรดาองค์ชาย องค์หญิงน้อยใหญ่ไม่กล้าเดินผ่าน เพราะทุกครั้งที่เดินผ่าน เฉินเสียนก็มักจะออกมาทำให้พวกเขาตกใจเสมอ บอกว่าเห็นเจ้าน่องน้อยอยู่ในกลุ่มของพวกเขา
หากเป็นอย่างนี้ต่อไป ขอเพียงเฉินเสียนอยู่ในพระตำหนักไท่เหอหนึ่งวันก็จะไม่มีทางสงบสุขยิ่งกว่าตอนเกิดเรื่องผีในวังเสียอีก
อย่าว่าแต่สมเด็จพระราชชนนี พระราชินี กับเหล่าพระสนมเลย กระทั่งจักรพรรดิก็รู้สึกอัปมงคล โชคร้าย
เฉินเสียนเป็นคนนอกไม่จำเป็นต้องปฏิบัติดูแลอย่างดิบดีให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เฉินเสียนเสียสติกลายเป็นคนบ้า จึงไม่จำเป็นต้องยำเกรง
ก่อนหน้านี้ฉินหรูเหลียงแอบไปพบเจอเฉินเสียนที่วัดฮู่กั๋วทุกวัน ทำให้จักรพรรดิไม่สบพระทัยยิ่ง พระองค์คิดว่าถึงเวลาลงโทษฉินหรูเหลียงแล้ว ดังนั้นจักรพรรดิจึงกำลังครุ่นคิดให้เฉินเสียนแต่งงานกับขุนนางเป็นรอบที่สอง
ก็เหมือนกับตอนนั้นที่ให้ฉินหรูเหลียงแต่งงานกับเฉินเสียนบ้าๆบอๆ ตอนนี้ก็หาคนใหม่แต่งงานกับเธอใหม่
ทำให้จักรพรรดิรู้สึกทำลายทุกอย่างทิ้งแล้วเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
เพียงแต่ในราชสำนักไม่มีฉินหรูเหลียงคนที่สองแล้ว ไม่มีใครยินดีแต่งงานกับคนบ้า อีกทั้งยังเคยคลอดบุตร เป็นคนบ้าที่สูญเสียบุตร
คนที่พระองค์เชื่อใจในราชสำนัก ถ้าไม่ใช่อายุไม่เหมาะสมก็จะเป็นผู้ที่แต่งงานแล้ว เมื่อเอ่ยถึงเฉินเสียนพลันหลบทันที ด้วยเกรงว่าจะนำความซวยเข้าตัว
เวลานี้กงกงที่อยู่ข้างกายจักรพรรดิกล่าวเตือนว่า “หากพูดถึงบุรุษข้างกายฝ่าบาทที่มีอายุเหมาะสมแล้วละก็ยังมีอีกคนพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่องค์หญิงจิ้งเสียนเห็นเขาเป็นศัตรู ไม่รู้จะเข้ากันได้หรือเปล่าและไม่รู้ว่าเขาจะยอมแต่งหรือไม่”
จักรพรรดิกล่าวว่า “เจ้าพูดถึงเฮ่อโยวหรือ? เฮ่อโยวยังหนุ่มยังแน่น มีความทะเยอทะยาน แต่ข้ายังไม่ค่อยไว้ใจเขา”
เฮ่อโยวปรนนิบัติข้างกายจักรพรรดิได้ไม่นาน หากเป็นเฮ่อฟั่ง พระองค์จะไม่อิดออด เสียดายก็แต่ตอนนี้เฮ่อฟั่งไม่อยู่แล้ว
รัตติกาลนี้จัดการเฉินเสียนให้เงียบสงบลงอย่างยากลำบากเสร็จ นางกำนัลทั้งหมดในพระตำหนักไท่เหอก็ได้นอนหลับพักผ่อนเสียที
กลางดึกจะมีอวี้เยี่ยน เสี่ยวเฮอกับแม่นมซุยเปลี่ยนเวรกันเฝ้าเฉินเสียน เห็นเฉินเสียนเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายใจระคนปวดใจ
คาดไม่ถึงว่าตอนฟ้าสว่าง อวี้เยี่ยนนั่งงีบหลับอยู่ด้านนอก ทำให้เฉินเสียนแอบวิ่งออกไปได้
เมื่อวานหลังคาพระตำหนักไท่เหอมีกระเบื้องหล่นลงมา แม่นมซุยจึงให้คนปีนขึ้นไปซ่อมแซม
เป็นถึงพระตำหนักไท่เหอจะให้มีน้ำฝนรั่วหลังคาได้อย่างไรเล่า
เพียงแต่หลังคาพระตำหนักไท่เหอกว้างใหญ่ เมื่อวานจึงยังไม่แล้วเสร็จ ทั้งกระเบื้องที่ร่วงหล่นยังเป็นมุมตามทิศทางต่างๆ วันนี้จึงต้องทำงานต่อ
ฉะนั้นบันไดที่ปีนขึ้นหลังคายังคงวางอยู่ข้างผนัง ไม่ได้เอาไปเก็บ
เฉินเสียนเอาบันไดไปคนที่ทะเลสาบจนทำให้จระเข้ที่อยู่ในนั้นตื่น ตอนนี้อากาศอบอุ่นขึ้นทุกวัน เวลาจำศีลในเหมันตฤดูผันผ่าน หากขึ้นมาบนบกเมื่อไหร่ก็จะไม่หยุดนิ่งเฉกเช่นก่อนหน้านี้แล้ว
เฉินเสียนเอาบันไดวางบนรั้ว กล่าวกับพวกมันว่า “ขึ้นมาสิ ขึ้นมาให้หมด”