ซูเจ๋อโอบกอดช่วงเอวของเธออย่างลึกซึ้ง ทุกครั้งที่หลอมละลายเข้าไปล้วนอิ่มเอิบเป็นอย่างมาก คิ้วสองข้างขมวดรวมเข้าด้วยกันเล็กน้อย กลิ่นอายลมหายใจรุกรานอย่างหนัก กัดเม้มที่ใบหูของเธอ แล้วกล่าวขึ้นว่า “อาเสียน ที่จริงท่านสามารถผ่อนคลายได้ตามความเหมาะสมนะ”
เฉินเสียนสะลึมสะลือและมึนงง กล่าวขึ้นว่า “ข้าทำให้ท่านเจ็บใช่หรือไม่?”
ซูเจ๋อยิ้มอย่างจนปัญญา แล้วกล่าวขึ้นว่า “ท่านจะทำให้ข้าเจ็บได้อย่างไร ท่านเพียงแค่ทำให้ข้ายากที่จะควบคุมตัวเองได้”พูดจบ เขาได้ยกเอวเธอขึ้น ใช้แท่งอุ่นร้อนผ่าวที่มีพละกำลังสอดแทรกเข้าไป
เฉินเสียนไม่ทันได้ตั้งตัว จิตวิญญาณของเธอถูกเขาทำให้เตลิดกระเจิดกระเจิง ตามด้วยความสุขที่เปี่ยมล้นอย่างมหาศาล สมองของเธอขาวโพลนในช่วงเวลาสั้นๆ
ซูเจ๋อสำรวจปล้นชิงอยู่ในร่างกายของเธอ ราวกับนั่นเป็นกลอุบายการทำสงครามปราบปราม แล้วนำมาใช้ปราบปรามหญิงสาวที่อยู่ใต้ร่างผู้นี้
ประมาณว่าบนโลกใบนี้ เป็นสิ่งของอย่างหนึ่งย่อมพิชิตของสิ่งหนึ่งได้
หากเป็นสิ่งที่เขาต้องการ แม่น้ำภูเขาอำนาจบนพื้นพิภพล้วนไม่ต้องเสียแรงมากมายก็สามารถเอามันมาได้
แต่ซูเจ๋อรู้สึกว่า บนพื้นพิภพไม่สวยอย่างเธอ ไม่มีความยั่วยวนดึงดูดแบบที่เธอมี
คล้ายดั่งเฉินเสียนถูกกระแสคลื่นชะล้างจวนจะเป็นลมไปอยู่รอมร่อ แต่ก็ยังมีจิตสำนึกรู้ตัว
เธอพ่ายแพ้ย่อยยับป่นปี้ ได้แต่ใช้กำลังสุดความสามารถเกี่ยวกระหวัดเขา ลมหายใจอ่อนระทวย กล่าวขึ้นว่า “ซูเจ๋อ…….ท่านเคยบอกว่าจะเบาๆ……”
ซูเจ๋อหายใจหอบกระเส่า กล่าวว่า “อืม แต่ท่านรัดแน่นมาก ทำให้ข้าเปลี่ยนความคิด”
เฉินเสียนผ่อนคลายมือที่โอบกอดแผ่นหลังของเขา กล่าวพูดสะเปะสะปะว่า “เช่นนั้น…..ข้า ข้าไม่รัดท่านก็จบแล้ว ”
ซูเจ๋อชะงักงัน หางตามีคลื่นซัดสาดเข้ามาอย่างรุนแรงยากที่จะตีห่าง แทบอยากจะนำเฉินเสียนกลืนกินเข้าไป เขากระตุกริมฝีปากขึ้น ยกคิ้วแล้วกล่าวอย่างเศร้ารันทดสุดหัวใจว่า “ไม่ใช่ด้านบนที่รัดข้าแน่น แต่เป็นด้านล่างต่างหาก”
พูดจบ การเคลื่อนไหวอย่างหนักหน่วงได้ถอยออกมา ไม่รอเฉินเสียนตอบสนองกลับมา ถัดมาในช่วงเวลาสั้นๆเขาได้จับเอวเธออีกครั้ง แล้วส่งแท่งอุ่นร้อนที่มีพละกำลังเข้าไปด้วย
ปฏิกิริยาสัญชาตญาณของเฉินเสียนรัดตัวเบียดเสียดอยู่ที่เขาอย่างสุดกำลัง ไม่หยุดที่จะสั่นเทา
“รัดข้าแน่นแบบนี้”ลมหายใจของซูเจ๋อว้าวุ่นอย่างหนัก
เธอสามารถรู้สึกได้ถึงร่างกายภายในราวกับเสียวซ่านไหลวนและกระตุกเกร็งเบาๆ เฉินเสียนอยากร้องเสียงดัง แต่ทว่าถูกซูเจ๋อปิดริมฝีปากไว้ มีเพียงเสียงครางอ่อนปวกเปียกที่ออกมาจากข้างริมฝากปากเธอ
ซูเจ๋อที่เสน่ห์หายังหลงเหลืออยู่ ได้บุกรุกก่อตัวขึ้นอีกครั้ง………………
เฉินเสียนไม่ได้ไปคิดว่าอย่างไรนับเป็นการรัด ราวกับว่าเพียงแค่ซูเจ๋อไม่หยุด เธอยิ่งตัดใจไม่ลงที่จะปล่อยเขา ก่อนที่เธอจะอิดโรยลง เธอคิดเพียงว่าอยากจะพยายามใช้แรงที่เหลืออยู่โอบกอดเขาไว้
จนกระทั่งตอนสุดท้าย ในมือของเฉินเสียนขยุ้มผ้าปูที่นอน กล่าวเสียงครวญครางสั่นระริกว่า “นี่ ท่านไม่ใช่พูดว่าพรุ่งนี้ยังต้องคิดหาวิธีการออกจากเมืองหรือ……..”
“ยังไม่ถึงสองชั่วโมงเลย ท่านก็รับไม่ไหวแล้วหรือ?”
“……..”อยู่บนเตียงของเขา เฉินเสียนยิ่งมีความรู้สึกไวมาก ยังไม่ถึงสองชั่วโมง แต่ทว่าเธอใจลอยเคว้ง อ่อนกำลังลงอยู่หลายครั้งมาก
นับว่าซูเจ๋อยังมีความพอดี ไม่ได้ทำแล้วทำเล่าจนถึงฟ้าสาง เฉินเสียนนอนเหนื่อย และยังมีพักผ่อนประมานสี่ถึงหกชั่วโมง
เธอเหนื่อยจนนิ้วหัวแม่มือยังขี้เกียจที่จะขยับ ซูเจ๋อคว้าที่ตัวของเธอ เพื่อให้เธอนอนอยู่อย่างสงบในอ้อมกอดของเขา
อบอุ่นเป็นอย่างมาก เฉินเสียนโอบรอบต้นคอของเขา หาท่าทางที่ทำให้หลับสบาย เธอเอียงศีรษะลงข้างคอของเขาแล้วผล็อยหลับไป
รอวันต่อมาหลังจากที่ฟ้าสาง ซูเจ๋อต้มน้ำร้อนให้เฉินเสียนชำระล้างร่างกาย
เขาวางผ้าขนหนูสีขาวลงไปในน้ำ นิ้วเรียวยาวขาวสะอาดของเขาบิดที่ผ้าขนหนู อีกด้านก็กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เมื่อคืนนี้ดึกมากแล้ว เห็นว่าท่านเหนื่อยและก็ไม่ได้อาบน้ำชำระร่างกายด้วย ในเรือนไม่มีถังน้ำ เพราะฉะนั้นเลยต้องใช้สิ่งนี้ชำระล้างไปก่อนชั่วคราวนะ”
ในเรือนของซูเจ๋อไม่มีผู้หญิง พวกเขาที่เป็นชายเวลาอาบน้ำเลยไม่ได้ยุ่งยาก ล้วนไปที่ห้องน้ำอาบและล้างชำระ เพราะฉะนั้นเลยไม่มีถังน้ำที่แช่ชำระร่างกายแบบนั้น
ผ้าเช็ดขนหนูที่บิดเรียบร้อยแล้วแผ่กระจายไอความร้อนอยู่บนมือของเขา เขากำลังเอื้อมมือเข้าไปภายในผ้าห่ม ก็ได้ถูกเฉินเสียนสกัดรั้งไว้
เฉินเสียนเงียบไม่ปริปาก สักพักหนึ่งได้กล่าวขึ้นว่าว่า “ข้าทำเอง”
ซูเจ๋อชำเลืองมองที่กกหูของเธอ หรี่เปลือกตาให้แคบลง ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ได้ ท่านทำเอง”
เฉินเสียนแย่งชิงผ้าขนหนูมา และเช็ดตัวเองลวกๆ
ซูเจ๋อนั่งอยู่ข้างเตียง กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านนุ่มนวลหน่อยเถิด”
“……….”เฉินเสียนจ้องเขม็งใส่เขาอย่างแรง กล่าวว่า “ไม่ได้ทำหยาบคายกับท่านเลย ท่านเจ็บปวดใจทำไมกันเล่า”
“ถึงอย่างไรก็เป็นข้าที่ทำให้กลายเป็นเช่นนี้ ท่านกำลังนำความผิดของข้ามาลงโทษตัวท่านเอง มิใช่ไม่คุ้มค่าหรืออย่างไร เอาอย่างนี้ไหม ให้ข้าเป็นคนทำ?”
“ไม่ต้อง!”
ซูเจ๋อกล่าวอย่างสุภาพว่า “หากมิต้องการให้ข้าทำ เช่นนั้นท่านก็เบาๆหน่อยนะ”
เฉินเสียนงอขาทั้งสองข้าง ใบหน้าร้อนผ่าว การกระทำก็เบาลงแล้วไม่น้อยเลย ใจกลางความสาวของเธอยังมีความเหนียวข้นอยู่บ้าง พอสัมผัสโดนก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บแสบ ร่างกายยังคงอ่อนเพลีย เจ็บแปลบไปทั้งเนื้อทั้งตัว แต่อาจจะเป็นเพราะประสบมาถึงสองครั้ง เลยสามารถปรับตัวให้แข็งแกร่งได้ และก็ไม่ได้เหนื่อยมากมายอย่างเมื่อก่อนแล้ว
“เอาผ้าขนหนูมาให้ข้า”ซูเจ๋อกล่าว
เฉินเสียนยื่นผ้าขนหนูออกมาจากผ้าห่มให้กับเขาเงียบๆ จากนั้นมองเขาที่นำมันวางลงในน้ำร้อน ซักมันอย่างไม่รีบร้อน และได้ส่งมาบนมือเธอทั้งที่มีความอุ่นอยู่
เช่นนั้นเธอเลยเช็ดซ้ำไปซ้ำมาสองครั้ง ความรู้สึกที่เหนียวเหนอะหนะก็ได้หายไป เฉินเสียนอยากจะสวมใส่เสื้อผ้าแล้วลงจากเตียง แต่พอมองไปบริเวณโดยรอบพบว่า ชุดของเธอล่ะ เหมือนกับว่าไม่เจอมันแล้ว
ซูเจ๋อยืนอยู่ที่ตู้เสื้อผ้า หยิบชุดของเขาที่ใส่ตั้งแต่ไหนแต่ไรออกมา และกล่าวว่า “ชุดของท่านต้องรอแห้งก่อน ถึงจะสวมใส่มันได้ ท่านสวมใส่ของข้าก่อนได้หรือไม่”
ซูเจ๋อนำชุดวางไว้บนเตียง เฉินเสียนไม่พูดไม่จาหยิบมาสวมใส่ลวกๆ ชุดนี้อยู่บนตัวของเธอแล้วมันหลวมอยู่บ้าง และมีกลิ่นอายของเขาด้วย
ในใจของเธอกระโดดโครมครามพักหนึ่ง เธอรู้สึกหงุดหงิดใจ
เห็นสีหน้าของเธอผิดแปลกไป ซูเจ๋อเลยกล่าวว่า “หากไม่ชอบ ท่านก็นอนอยู่บนเตียงนะ รอข้าอบผึ่งแห้งเรียบร้อยแล้ว จะนำมาส่งให้กับท่าน”
เฉินเสียนก้มศีรษะลง จัดการกับเสื้อผ้าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่ชอบหรอก”
“แล้วท่านเป็นอันใดเล่า คล้ายดั่งว่าท่านไม่มีความสุขขึ้นมาโดยฉับพลัน”
เฉินเสียนไม่ได้เอื้อนเอ่ย ลงมาจากเตียงแล้วสวมใส่รองเท้า เพิ่งจะยืนได้เสถียรมั่นคง ซูเจ๋อก็ยืนขวางอยู่ตรงหน้าเธอ ราวกับว่าเธอไม่พูดเหตุผลนี้ เขาก็ไม่มีทางถอย
เฉินเสียนผลักเขา ก็ไม่ไหวติง ทันใดนั้นเขาเข้ามาใกล้ชิด เฉินเสียนรู้สึกลุกลี้ลุกลนขึ้นมาบ้าง
เฉินเสียนดึงถลกชายเสื้อของเขา และก็ยังมีลากอยู่บนพื้นด้วย ชุดของซูเจ๋อดูเหมือนว่าเธอสวมใส่แล้วน่ารักอย่างมาก
เธอกล่าวว่า “ข้าไม่ได้ไม่มีความสุข ก็คือข้ามีความรู้สึกหงุดหงิดตัวเองอย่างกะทันหัน”
“เหตุใดถึงหงุดหงิด”
เฉินเสียนหลุบตามองกะละมังและผ้าขนหนูที่อยู่บริเวณด้านข้าง กล่าวอย่างเย็นชาออกมาว่า “เหมือนว่าข้ามักจะสับสนจิตใจไม่สงบอยู่เสมอ ตอนที่ท่านอยู่ข้างกายข้า ภายในใจมักรู้สึกใจสั่น ว้าวุ่นจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไร้ความคุ้นชิน”
เธอมองซูเจ๋ออย่างรวดเร็ว ดวงตาล้ำลึกของเขามองเธอเช่นกัน และก็ยังคงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่ได้เฉยชาเยี่ยงท่าน ความรู้สึกเช่นนี้ เหมือนจะเป็นข้าผู้เดียวที่รู้สึกจิตใจว้าวุ่นราวกับเสียวซ่าน แต่ท่านยังนิ่งชัดเจนเหมือนเดิม ไม่ลุกลี้ลุกลนแม้แต่น้อย ไม่ว่าเรื่องอันใดก็น้อมรับราวกับสายน้ำที่ไหลลงมา เรื่อยเปื่อยตามใจปรารถนา ข้าไม่ได้ไม่มีความสุขเลย ข้าเพียงอยากจะคุ้นชินอย่างรวดเร็ว ทำให้ตัวเองสงบ…….”
เฉินเสียนรู้สึกจิตใจหดหู่อย่างแปลกประหลาด คล้ายดั่งพยายามสงบใจ ไม่ใช่หนทางที่ดีเลย
หากว่าเธอเผชิญหน้ากับซูเจ๋อ ตั้งแต่นี้ต่อไปไม่สับสนวุ่นวายใจอีก ตอนที่หัวใจเต้นระรัว ลองคิดดูแล้วเหมือนว่ามันเป็นทุกข์อย่างมาก