เซียงซั่นงงงันไปชั่วขณะ จากนั้นก็ได้ยินเสียงหลิ่วเหมยอู่พูดขึ้นด้วยเสียงลอดไรฟัน : “เจ้าบอกว่าเจ้ามิบังอาจ แล้วใครใช้ให้เจ้ากล้าไปให้ท่าท่านแม่ทัพ และใครให้เจ้ากล้าโยนความผิดให้กับอวิ๋นเอ๋อร์”
เซียงซั่นที่กองอยู่กับพื้น ใบหน้าขาวซีด รีบส่ายหน้าหวังจะปฏิเสธ
หลิ่วเหมยอู่จึงพูดขึ้นว่า : “เมื่อครู่ข้าได้ถามท่านแม่ทัพแล้ว เหตุผลที่อวิ๋นเอ๋อร์ถูกประหารชีวิต เป็นเพราะน้ำซุปถ้วยนั้น และเจ้าบอกกับท่านแม่ทัพว่าอวิ๋นเอ๋อร์เป็นคนต้มซุปถ้วยนั้นใช่หรือไม่!”
“บ่าวเปล่านะเจ้าคะ……”
“เปล่างั้นรึ? งั้นข้าจะเรียกท่านแม่ทัพกลับมาคุยกับเจ้าใหม่!”
หลิ่วเหมยอู่เดินผ่านเซียงซั่นไป เซียงซั่นรีบเอนตัวมากอดขาของนางไว้แน่น น้ำตาอาบแก้ม : “นายหญิงอย่านะเจ้าคะ……ได้โปรด……”
หลิ่วเหมยอู่หรี่ตาลง จ้องเซียงซั่นด้วยดวงตาที่แดงก่ำดังอสูร : “เจ้าทำให้อวิ๋นเอ๋อร์ตายไปอย่างง่ายดาย ไม่กลัวว่ากลางดึกวิญญาณอวิ๋นเอ๋อร์จะมาทวงชีวิตนางคืนหรือ?”
เซียงซั่นร่างกายสั่นเทา : “ไม่ใช่บ่าว บ่าวไม่ได้ทำ……เป็นเพราะอวิ๋นเอ๋อร์ชอบรังแกผู้คนมากมายไปทั่ว และในตอนแรกเป็นบ่าวที่รับใช้อยู่ข้างกายนายหญิง แล้วทำไมนายหญิงถึงต้องเลือกนางด้วยเจ้าคะ……นายหญิง บ่าวโดนบีบจนไร้หนทางจะเดิน บ่าวข้อร้อง ได้โปรดอย่าบอกท่านแม่ทัพเลยนะเจ้าคะ!”
ในห้องมีเพียงเสียงร้องไห้ของเซียงซั่น
ผ่านไปพักใหญ่ หลิ่วเหมยอู่ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างน่ากลัว แล้วพูดขึ้นเสียงเบา : “เซียงซั่น ข้าไม่ได้ถามเรื่องนี้กับท่านแม่ทัพตั้งแต่แรก ข้าแค่เพียงอยากจะหลอกถามเจ้า นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะหลงกล”
เซียงซั่นแข็งทื่อไปทั้งตัว จ้องหลิ่วเหมยอู่น้ำตานองหน้า
หลิ่วเหมยอู่พูดขึ้นต่อว่า : “เจ้าบอกว่าท่านแม่ทัพขืนใจเจ้า แต่ตอนหลังข้าก็กลับมาคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน เย็นวันนั้นจู่ๆ เจ้าตั้งใจไปส่งซุปอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ อีกทั้งยังเจอเข้ากับอวิ๋นเอ๋อร์ด้วย แต่คืนนั้นเจ้ากลับแอบไปเก็บถ้วยเองลับหลังข้า แสดงว่าเจ้าเองได้เตรียมแผนล่วงหน้าเอาไว้แล้ว”
หลิ่วเหมยอู่กดดันนางเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ : “เป็นเจ้าเองที่เป็นคนใส่ยาลงไปในน้ำซุปนั่น แล้วโยนความผิดทั้งหมดให้อวิ๋นเอ๋อร์ใช่หรือไม่? เป็นเจ้าเองต่างหากที่เป็นฝ่ายให้ท่าท่านแม่ทัพ ฉวยโอกาสตอนที่เขาไม่มีสติสัมปชัญญะ แล้วปีนขึ้นเตียง! ทั้งหมดนี่ เป็นแผนที่เจ้าวางไว้ตั้งแต่แรกแล้ว!”
“บ่าวเปล่านะเจ้าคะ……บ่าวไม่ได้ให้ท่าท่านแม่ทัพเลย”
คำพูดที่เซียงซั่นพูดออกมา หลิ่วเหมยอู่ไม่ได้เชื่อเลยแม้แต่นิดเดียว
วันนี้หลังจากที่ละครที่สวนจบลง ยังแอบได้ยินบ่าวรับใช้สองคนที่พากับนินทา ว่าก่อนหน้านี้ท่านแม่ทัพเคยได้เข้าห้องของเซียงซั่นในกลางดึก!
หลิ่วเหมยอู่จึงตบหน้าเซียงซั่นดังสนั่น และย้ำเท้าลงบนร่างของนางจนล้มลง พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “นังตัวดี ที่ผ่านมาเห็นข้าใจดีเกินไปหรือ เจ้าถึงกล้าทำเยี่ยงนี้กับข้า! นังเนรคุณ!”
หลิ่วเหมยอู่ตะโกนเสียงดุดัน เซียงซั่นเองก็ร้องไห้อย่างหนัก
เมื่อหลิ่วเหมยอู่สงบลงแล้ว จู่ๆ สีหน้าของหลิ่วเหมยอู่ก็เปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาบาง : “เซียงซั่น ถึงแม้ว่าเจ้าจะทรยศหักหลังข้า แต่ข้าก็จะเก็บมันไว้เป็นความลับ เจ้าวางใจเถอะ ตำแหน่งสาวใช้ปรนนิบัติข้างกายท่านแม่ทัพก็ยังให้เจ้าเป็น ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะนึกว่าข้าใจแคบกับเจ้าเอาได้”
เซียงซั่นเงยหน้าขึ้นมองด้วยความไม่เชื่อ
หลิ่วเหมยอู่พูดต่อว่า : “แต่หากว่าเจ้าไม่ยินยอมที่จะเป็น แบบนี้ก็คงโทษข้าไม่ได้หรอก จริงหรือไม่?”
พูดจบหลิ่วเหมยอู่ก็จ้องมองเซียงซั่นอย่างละเอียด แล้วพูดขึ้นต่อว่า : “ได้ยินมาว่าเจ้าเป็นบ่าวรับใช้ที่หน้าตาสะสวยที่สุดในจวนท่านแม่ทัพ วันนี้พอได้มองดีๆ แล้ว หน้าตาก็สวยงามหมดจด ตามที่เขาว่า แต่ก็เป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้ หน้าตาสวยจะมีประโยชน์อะไร? เอาไว้มาให้ท่าเจ้านายหรอกหรือ?”
ที่แท้แล้วที่อวี้เยี่ยนเคยบอกว่าเซียงซั่นหน้าตาสะสวยไม่เป็นรองใคร ไม่ใช่คำพูดไม่มีมูล แต่กลับเป็นเรื่องจริงต่างหาก
แต่พอคำพูดพวกนี้ถูกพูดจากปากของหลิ่วเหมยอู่ มันไม่ได้ทำให้เซียงซั่นรู้สึกถูกชมเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับรู้สึกท่วมท้นไปด้วยความหวาดกลัวแทน
ชั่วอึดใจต่อมา หลิ่วเหมยอู่ก็ดึงปิ่นปักผมออกมา โยนลงบนพื้นต่อหน้าเซียงซั่น พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ใช้ปิ่นปักผมนี้ กรีดหน้าของตัวเองซะ”
เซียงซั่นรีบส่ายหน้าทันที ถอยหลังรวด : “ไม่เจ้าค่ะนายหญิง…..บ่าาวผิดไปแล้ว……ครั้งนี้บ่าวสำนึกผิดแล้วจริงๆ……”
แววตาของหลิ่วเหมยอู่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง และเอ่ยขึ้นว่า : “เจ้าอยากตายหรือว่ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เจ้าก็เลือกเอาเองแล้วกัน หากวันนี้เจ้าไม่ยอมทำ ข้าจะไปบอกเรื่องที่เจ้าวางยาในน้ำซุปกับท่านแม่ทัพ”
เซียงซั่นใบหน้าขาวซีดไร้ซึ่งเลือดฝาด
หลิ่วเหมยอู่หัวเราะขึ้นมา พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เจ้าลองคิดดูว่าท่านแม่ทัพไม่ได้ถามอวิ๋นเอ๋อร์แม้แต่คำเดียว ก็สั่งโทษตายทันที หากท่านแม่ทัพรู้ความจริงเรื่องนี้เข้า เจ้าคิดว่าตัวเจ้าเองยังจะมีชีวิตอยู่ต่อได้หรือ?”
“นายหญิง ได้โปรดอย่าบีบบังคับบ่าวเลยนะเจ้าคะ……”
“ข้าตั้งใจจะบีบบังคับเจ้า เพราะเจ้าเองที่ทรยศหักหลังข้า”
***
ภายในวันนั้น หลิ่วเหมยอู่ที่ยื่นคำขาดออกไปแล้ว ก็สั่งให้พ่อบ้านเตรียมเครื่องประดับเสื้อผ้ามาให้เซียงซั่น พร้อมกับให้สาวรับใช้กับเซียงซั่นหนึ่งคน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เซียงซั่นได้เป็นสาวใช้ปรนนิบัติข้างกายฉินหรูเหลียงแล้ว
นี่ควรเป็นบทสรุปที่ดีที่สุดแล้วกระมัง
ข้างกายท่านแม่ทัพมีสาวใช้ปรนนิบัติข้างกายเพิ่มมาหนึ่งคน เป็นเรื่องที่น่ายินดีปรีดาพอควร
แม้แต่พ่อบ้านเองก็ยังชมว่า : “นายหญิงน้อยจิตใจกว้างขวาง นับว่าเป็นบุญวาสนาของเซียงซั่นแล้ว”
วันรุ่งขึ้น เสื้อผ้าและเครื่องประดับถูกจัดเตรียมพร้อมแล้ว บ่าวรับใช้เป็นคนยกมาส่งไปที่สวนดอกพุดตาน หน้าห้องเซียงซั่น รอเซียงซั่นออกมากล่าวขอบคุณ
แต่แล้ว ในขณะที่เซียงซั่นเดินออกมา สีหน้าของผู้คนต่างเต็มไปด้วยความงงงันและตื่นกลัว
ผมเผ้านางยุ่งเหยิง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย บนชุดเต็มไปด้วยคราบเลือด ใบหน้าที่เคยสวยหมดจด บัดนี้กลับเต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะที่ชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงสด
เมื่อหลิ่วเหมยอู่เห็นแล้ว แทบจะยืนไม่ไหว พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ : “เซียงซั่น……ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้…….”
เซียงซั่นเงยหน้าขึ้นมา จ้องเข้าไปในดวงตาของหลิ่วเหมยอู่ด้วยรู้สึกเกลียดเข้ากระดูกดำ
ทำไมถึงเป็นแบบนี้น่ะเหรอ? ทุกอย่างก็ถูกยัดเยียดจากเจ้าทั้งนั้น! เซียงซั่นไม่นึกเลยว่าตัวเองจะเดินมาถึงจุดนี้ได้
แต่นางไร้สิ้นทางเลือกจริงๆ
เซียงซั่นคุกเข่าลงต่อหน้าหลิ่วเหมยอู่ทั้งน้ำตา : “นายหญิงโปรดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน บ่าวอยากอยู่รับใช้ข้างกายนายหญิง ไม่อยากสร้างความร้าวฉานให้กับความสัมพันธ์ของนายหญิงและท่านแม่ทัพ และบ่าวไม่อยากที่จะเป็นสาวใช้ปรนนิบัติข้างกายของท่านแม่ทัพ! ในเมื่อมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ บ่าวทำได้เพียงกรีดใบหน้าให้เป็นแผลเพื่อแสดงความมุ่งมั่นของบ่าวเจ้าคะ”
หลิ่วเหมยอู่พูดอะไรไม่ออก น้ำตาไหลไม่หยุด : “เซียงซั่น ทำไมเจ้าถึงทำอย่างนี้……หากเจ้าไม่เต็มใจ ท่านแม่ทัพจะบีบบังคับเจ้าได้อย่างไร เจ้าทำแบบนี้ไม่เท่ากับทำร้ายตัวเองหรอกหรือ……”
หลิ่วเหมยอู่ประคองเซียงซั่นลุกขึ้นยืน ความรักของเจ้านายและบ่าวรับใช้แน่นแฟ้น : “ข้าเองที่เป็นคนทำร้ายเจ้า แล้วข้าจะทนทำใจเห็นเจ้าเป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน เซียงซั่น……”
เซียงซั่นดวงตาแดงก่ำ ทนฝืนกลืนน้ำตา แล้วพูดขึ้นว่า : “ในเมื่อวันนี้บ่าวเป็นแบบนี้ไปแล้ว บ่าวมิอาจจะอยู่รับใช้ข้างกายนายหญิงต่อได้อีก ให้นายหญิงจ้องมองใบหน้าที่อัปลักษณ์แบบนี้ทุกวัน จะฝันร้ายเอาได้ นายหญิงส่งบ่าวไปอยู่ที่อื่นเถอะเจ้าค่ะ ให้ทำงานจิปาถะอยู่หลังสวนก็ได้ ขอเพียงแค่มีข้าวกินบ่าวก็พอใจแล้วเจ้าค่ะ”
ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เป็นเรื่องดีแท้ๆ แต่เพียงพริบตาเดียวกลับตลับปัดกลายเป็นแบบนี้ไปได้
เซียงซั่นแท้จริงแล้วเป็นคนเข้มแข็ง แต่พอมาวันนี้กลับเสียโฉมไปหมด น่าเสียดายจริงๆ
หลังจากที่ฉินหรูเหลียงรู้เรื่องนี้แล้ว ก็รู้สึกค่อนข้างแปลกใจ ในเมื่อเซียงซั่นไม่ได้เต็มใจ เขาเองก็ไม่บีบบังคับนางอยู่แล้ว และถึงแม้จะเป็นสาวใช้ปรนนิบัติข้างกายเขา แต่เขาก็จะไม่คิดจะมองนางแม้แต่หางตา
เรื่องเป็นแบบนี้ก็ดี จะได้โล่งใจสบายตา
ฉินหรูเหลียงสั่งให้พ่อบ้านไปตามหมอมารักษาใบหน้าของเซียงซั่น
หลังจากหายดี ใบหน้าของนางก็ยังคงเป็นแผลเป็นอย่างไม่ต้องสงสัย ใบหน้าเป็นแบบนี้แล้วจะให้ทำงานอยู่ในสวนได้อย่างไร นางจึงถูกส่งไปทำงานทำความสะอาดซักล้างอยู่หลังสวน
บ่าวรับใช้ของหลิ่วเหมยอู่ถูกเปลี่ยนใหม่ทันที เมื่อเรื่องนี้จบลง หลิ่วเหมยอู่ก็ไม่เจอหน้าเซียงซั่นอีกเลย
ที่หลิ่วเหมยอู่ไม่ได้ไล่นางออกจากจวน ให้นางเป็นบ่าวรับใช้ที่ต่ำที่สุดและทำงานหนักที่สุด เพื่อไม่หลงเหลือโอกาสให้เซียงซั่นได้โผล่หัวขึ้นมาจากผิวน้ำได้
เมื่อได้ยินเรื่องนี้แล้ว เฉินเสียนเงียบสนิท ดุจผืนทะเลที่ไร้ลม คลื่น และพายุ
เธอค่อยๆ พลิกหนังสืออ่านอย่างเนิบช้า พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ข้ายังนึกว่าเซียงซั่นอะไรนั่นจะแข็งแกร่งไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งไหน หาแผนสำรองสำหรับวันข้างหน้าให้กับตัวเอง นึกไม่ถึงเลยว่าจะโดนถอนรากถอนโคนเร็วขนาดนี้”