อวี้เยี่ยนพูดขึ้นว่า : “การที่มีจุดจบแบบนี้ ก็เป็นผลพวงมาจากการกระทำของตัวนางเองทั้งนั้น”
เฉินเสียนเลิกคิ้วขึ้นสูง : “ก็จริง แบบนี้มันถึงจะสอดคล้องกับความตั้งใจเดิมของข้ามากกว่า ตาต่อตาฟันต่อฟันเป็นวิธีที่ได้ผลเสมอ”
อวี้เยี่ยนพูดขึ้นว่า : “ปกติแล้วหม่อมฉันเห็นเซียงซั่นพึงพอใจกับใบหน้าตัวเองเสมอ นางเองเป็นคนคิดหาวิธีปีนขึ้นเตียงท่านแม่ทัพ แล้วไยถึงไม่อยากเป็นสาวใช้ปรนนิบัติข้างกายท่านแม่ทัพเล่า ข้อนี้น่าแปลกใจเสียจริงๆ”
“แรงริษยาของอิสตรีเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด ก่อนหน้านี้เหมยอู่ก็สั่งให้เซียงซั่นกรีดใบหน้าของข้า แล้วมาวันนี้นางก็ยังกรีดใบหน้าของเซียงซั่นอย่างเคย”
เพราะฉะนั้นสิ่งที่อวี้เยี่ยนเคยพูดมาทั้งหมด ปลูกแตงได้แตง ปลูกถั่วได้ถั่ว ในตอนแรกเซียงซั่นเป็นคนกรีดหน้าของเฉินเสียนด้วยมือของนางเอง ไม่อย่างงั้นเฉินเสียนก็คงจะไม่ปล่อยนางมีจุดจบแบบนี้หรอก
เฉินเสียนไม่รีบร้อนเลยแม้แต่นิดเดียว เธอบอกว่าวันข้างหน้ายังอีกยาวไกล และเธอจะให้เซียงซั่นเดินตามทางที่เธอปูไว้ตั้งแต่แรก ทีละก้าว ทีละก้าว ลิ้มรสความขมขื่นที่นางเป็นคนก่อขึ้นมาด้วยตัวนางเอง
อวี้เยี่ยนพูดขึ้นว่า : “เซียงซั่นไปแล้ว ก็คงจะสร้างปัญหาอะไรไม่ได้อีกแล้วเพคะ”
เฉินเสียนลูกขึ้นจากเก้าอี้ วางหนังสือในมือลง ยื่นมือไปหยิกแก้มของอวี้เยี่ยน หัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เจ้านี่ช่างใสซื่อเสียจริงๆ”
หากไม่ใช่เป็นเพราะคำสั่งของหลิ่วเหมยอู่ เซียงซั่นจะมากรีดหน้าของเธอได้ยังไงล่ะ
แต่เรื่องมันผ่านไปแล้ว จวนท่านแม่ทัพก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง
วันนี้ เฉินเสียนยืดแขนขาอย่างเกียจคร้าน ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ในสวน ถอนลมหายใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “อยู่ในสวนทั้งวันทั้งคืน จนแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว อวี้เยี่ยน จิ้งจอกเหลียนเร่งจะเอาผลงานกับข้าไม่ใช่รึ วันนี้พวกเราออกจากจวนไปเที่ยวหาเขาดีกว่า”
เพียงแค่ได้ยินเฉินเสียนบอกว่าจะออกจากจวน อวี้เยี่ยนเกือบจะคุกเข่าลง : “องค์หญิง……จะออกจากจวนหรือเพคะ?”
เฉินเสียนหันหน้ากลับมา มองไปยังอวี้เยี่ยนพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ใช่แล้ว องค์หญิงจะออกจากจวน หลังสวนสงบลงแล้ว ไม่ควรออกไปสังสรรค์ข้างนอกหน่อยหรือ?”
อวี้เยี่ยนยิ้มเจื่อน พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “องค์หญิง ด้านนอกมีอะไรให้น่าสนุกหรือเพคะ หนังสือเดี๋ยวหม่อมฉันจะเป็นคนไปส่งให้เอง พระองค์พักผ่อนอยู่ที่เรือน ส่วนหม่อมฉันจะให้แม่นมจ้าวทำขนมมาให้นะเพคะ”
อวี้เยี่ยนหมุนตัวจะไปเรียกแม่บ้านจ้าว
แต่แล้วก็ถูกเฉินเสียนหิ้วคอเสื้อจากด้านหลัง เฉินเสียนจับท้ายทอยของอวี้เยี่ยนไว้ ถอนลมหายใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “หากเจ้ากล้าเรียกแม่นมจ้าว แล้วทำให้ข้าออกจากจวนไม่ได้ล่ะก็ ข้าก็จะลงโทษให้เจ้าอดอาหารแทน”
อวี้เยี่ยนจวนจะร้องไห้แล้ว : “แต่องค์หญิงเพคะ องค์หญิงยังทรงพระครรภ์อยู่นะเพคะ……”
“มีครรภ์แล้วออกไปเที่ยวข้างนอกไม่ได้เลยหรือ เก็บตัวอยู่แต่ในเรือนจะทำให้จิตตกเอาได้”
“หากเบื่อสวนสระวสันตฤดูแล้ว หม่อมฉันจะพาไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้นะเพคะ”
“ในสวนดอกไม้มีอะไรให้น่าดู ตรงนั้นปลูกต้นไม้ไว้กี่ต้นข้ารู้หมดแล้ว น่าเบื่อ ไม่น่าสนใจเลยสักนิด! พูดให้มันน้อยๆ หน่อย ในระหว่างที่แม่นมจ้าวยังไม่ทันได้สังเกต ก็รีบไปเอาหนังสือมาซะ แล้วเราก็รีบออกไปกัน”
บรรยากาศหลังฝนตก อากาศสดชื่นที่สุด
ทั้งนายทั้งบ่าวพากันแอบออกจากสวนสระวสันตฤดู ไปจนถึงหน้าเรือน เฉินเสียนสั่งให้พ่อบ้านเตรียมเกี้ยว
พ่อบ้านที่กำลังใจลำบากใจ : “องค์หญิงต้องการจะออกจากจวน ให้กระหม่อมไปเรียนท่านแม่ทัพก่อนดีหรือไม่ขอรับ……”
เฉินเสียนพูดขึ้นว่า : “ข้าจะไปไหนยังต้องรายงานกับเขาด้วยหรือ? เจ้าแค่ไปเตรียมเกี้ยวมาก็เท่านั้น”
พ่อบ้านก็ยังไม่วางใจ ไม่ใช่แค่ผู้ใหญ่คนเดียว ไหนจะเด็กในท้องนั่นอีก ระหว่างที่กำลังเรียกคนไปเตรียมเกี้ยวนั้น ก็สั่งให้บ่าวคนอื่นไปรายงานเรื่องนี้กับฉินหรูเหลียง
ฉินหรูเหลียงไม่ได้สนใจอะไรกับเรื่องนี้ เพียงแค่พูดขึ้นว่า : “นางอยากไปไหนก็ให้นางไปเถอะ ไม่ต้องห้ามนาง”
ผู้หญิงที่ไม่รู้จักความเป็นความตาย นางอยากจะแบกท้องโตๆ ออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอก หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ก็โทษเขาไม่ได้นะ
เกี่ยวอะไรกับเขา? เฉินเสียนไม่อยู่ในจวน เขายังจะรู้สึกสงบสุขมากกว่า
เจ้านายพูดมาแบบนี้แล้ว พ่อบ้านจะรั้งต่อไปได้ยังไง ทำได้เพียงแค่พยายามบุที่นั่งเกี้ยวให้นุ่มขึ้น จากนั้นก็เรียกคนฝีมือดีหน่อยมาสองสามคนคอยตามไปอารักขา
เมื่อแม่บ้านตามมาถึง เฉินเสียนก็ได้นั่งเกี้ยวออกจากจวนไปไกลแล้ว
เมื่อถึงถนนใหญ่ ก็ได้ยินเสียงวุ่นวายตามท้องถนน เฉินเสียนเปิดม่านหน้าต่างดูข้างนอก ก็เห็นกับฉากที่คึกคักและดูมีชีวิตชีวา รู้สึกอารมณ์ก็ดีขึ้นมาทันตาเห็น
อวี้เยี่ยนที่กำลังวิตกกังวลมากในตอนแรก แต่เมื่อเห็นถนนที่กว้างขวาง ขายของเต็มสองข้างทาง ออกมาเดินเล่นเปิดหูเปิดตาเสียหน่อยก็ไม่เลวเหมือนกัน
เหลียนชิงโจวคาดไม่ถึงว่า เฉินเสียนจะมาหาเขาถึงบ้านด้วยตัวนางเอง
เฉินเสียนลงจากเกี้ยวแล้วก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ข้ามาทั้งกลางวันแสกๆ รบกวนเจ้าแล้ว?”
เหลียนชิงโจวรีบหันมายิ้ม : “องค์หญิงล้อเล่นแล้ว องค์หญิงมาถึงที่นี่ด้วยพระองค์เอง กระหม่อมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งแล้ว เพียงแต่ว่าองค์หญิงไปไหนมาไหนไม่ค่อยสะดวก หากมีเรื่องด่วน สั่งคนมาแจ้งให้กระหม่อมทราบ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”
เขาไม่กล้าชะล่าใจเลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่เธอเดินเข้าประตูมา เขาก็คอยระวังนู่นระวังนี่ให้เธอตลอด
เฉินเสียนหรี่ตาลงพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “จิ้งจอกเหลียน เจ้าระวังเด็กน้อยในท้องข้าขนาดนี้ หากเทียบกับฉินหรูเหลียงแล้ว เจ้าเหมือนพ่อแท้ๆ ของเขามากกว่า”
เหลียนชิงโจวอึ้งไปชั่วครู่ เขากระแอมพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “องค์หญิงเย้าข้าเล่นอีกแล้ว กระหม่อมมิบังอาจ กระหม่อมเพียงแค่เป็นห่วงองค์หญิงอย่างบริสุทธิ์ใจก็เท่านั้น”
“บริสุทธิ์ใจไม่โอ้อวด” เฉินเสียนหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เจ้าว่าเป็นไปได้หรือไม่ ว่าเด็กคนนี้อาจจะไม่ใช่ลูกของฉินหรูเหลียง?”
เหลียนชิงโจวตอบกลับอย่างจริงจัง : “เรื่องนี้……หากแม้แต่องค์หญิงเองก็ไม่รู้ งั้นกระหม่อมก็ยิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่ คำพูดเมื่อครู่นี้ที่พูดกับกระหม่อม หากผู้อื่นได้ยินเข้าจะเป็นภัยแก่เด็กในท้องได้”
เฉินเสียนหัวเราะพร้อมกับกะพริบตาให้เขา : “อย่าตื่นตูมไป ข้าเพียงแค่หยอกเจ้าเท่านั้น”
เหลียนชิงโจวยิ้มเจื่อน แอบถอนหายใจเบาๆ
เมื่อเข้าไปนั่งในสวนแล้ว อวี้เยี่ยนก็ยืนหนังสือให้กับเหลียนชิงโจว เหลียนชิงโจวก็ให้พ่อบ้านส่งมอบหีบใบเล็กที่มีกลอนล็อกอยู่ให้กับเฉินเสียน
เฉินเสียนเปิดออกมาดู ข้างในเป็นตั๋วเงิน
“นี่คือรายได้จากการขายหนังสือคนทรามขององค์หญิง จำนวนการขายยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง วันข้างหน้ากระหม่อมจะทำบัญชีให้องค์หญิงทุกๆ เดือน เดือนละหนึ่งครั้ง”
“นี่มันเท่าไหร่กัน?”
“ตั๋วเงินหนึ่งพันสองร้อยตำลึง”
เฉินเสียนหันไปมองอวี้เยี่ยน เพราะเธอไม่รู้ค่าราคาสกุลเงินเลย
อวี้เยี่ยนดวงตาประกายแวววาว พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “สามารถซื้อจวนขนาดเท่ากับที่ท่านแม่ทัพพักอยู่ได้เพคะ”
หนึ่งพันสองร้อยตำลึงสามารถซื้อคฤหาสน์ได้ ดูๆ แล้วใช้ชีวิตในสมัยโบราณง่ายกว่าตั้งเยอะ ราคาบ้านถูก และราคาปรับขึ้นไม่ถึงไหน
เฉินเสียนหันไปมองเหลียนชิงโจว พร้อมกับถามขึ้นว่า : “เจ้าหักค่าลงทุนและผลกำไรของเจ้าเองแล้วหรือยัง?”
เหลียนชิงโจวยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ : “หักแล้วเป็นแน่แท้ กระหม่อมเป็นพ่อค้า ผลกำไรย่อมต้องมาเป็นอันดับแรก”
“นี่ถึงจะเรียกว่าคนจริง หากเข้ามาช่วยข้าอย่างไม่มีเงื่อนไข ข้าจะสงสัยเจ้าได้ ว่าเจ้ามีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง”
เหลียนชิงโจวขยับแขนเสื้อ พร้อมกับพูดขึ้นปนหัวหัวเราะ : “มันเป็นลูกไม้ที่ขาดมิได้ หนังสือคนทรามที่องค์หญิงเขียนขึ้น เป็นกระแสที่นิยมอย่างมากในตอนนี้ สาวใช้น้อยใหญ่ต่างพากันแย่งกันซื้อ ว่ากันว่าเป็นหนังสือที่ขาดไม่ได้สำหรับการต่อสู้ในครอบครัวเลยเชียว”
“แบบนี้ ครั้งหน้าหากมีโอกาสทางธุรกิจใดๆ เจ้าต้องบอกข้าด้วย ลงทุนในส่วนของข้าหนึ่งส่วน” แววตาเฉินเสียนเต็มไปด้วยความกรุ้มกริ่ม ราวกับว่าตรงหน้าของเธอมีเงินทองกองใหญ่สูงเท่าภูเขายังไงอย่างงั้น
เหลียนชิงโจวเมียงมองไปยังเฉินเสียน : “ดูเหมือนองค์หญิงจะชอบเงินเป็นชีวิตจิตใจ”