ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 571 ท่านแม่ยุ่งมาก ตอนนี้มาไม่ได้

เฉินเสียนกล่าวอย่างจริงใจ “ขอบคุณท่านผู้อาวุโส”

ชายชรากล่าวว่า “กระหม่อมมิกล้า ถ้าเขาไม่สนใจร่างกายของเขา ขอให้ฝ่าบาททรงบังคับเขาให้พักผ่อนด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ที่ลานหน้าเรือนมีขุนนางมาเชิญเฉินเสียนกลับวัง พ่อบ้านกราบทูลว่า ครั้งนี้หากว่าขุนนางไม่กี่ท่านนี้ยังไม่ได้พบเฉินเสียน พวกเขาก็จะไม่กลับไป

“อาเสียน ไปเถอะ งานราชการไม่อาจจะละเลยได้”

เฉินเสียนหันหน้าไปมองเขา หรี่ตาและพูดเบาๆ ว่า “เอาล่ะ ถ้าท่านพักผ่อนดีๆ ข้าจะไปด้วยความสบายใจ”

ขุนนางรออยู่ที่สวนหน้าเรือนครู่หนึ่ง เดิมทีไม่มีหวังแล้ว แต่พวกเขาคาดไม่ถึงว่าเฉินเสียนจะออกมาให้เหล่าขุนนางทั้งหลายแล้วจริงๆ เมื่อเห็นสีหน้านางเหนื่อยๆ ดูเหมือนว่านางกำลังกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บของใต้เท้าซูจริงๆ

เมื่อเฉินเสียนเดินผ่านพวกเขาไป ก็พูดสั้นๆ ว่า “กลับวัง และเตรียมตัวจะขึ้นเฝ้า”

ที่ประตูมีขบวนเกี้ยวรออยู่ตลอดเวลา และเฉินเสียนนั่งอยู่ในเกี้ยวก็ผล็อยหลับไป เมื่อถึงวังหลวงแล้วถึงได้มีสติขึ้นบ้างและได้กลับไปที่พระตำหนักไท่เหอเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าล้างหน้า จากนั้นค่อยไปที่ราชสำนัก

เมื่ออวี่เยี่ยนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เฉินเสียน ซูเซี่ยนก็ตื่นแล้ว โดยสวมชุดผ้าไหมบางๆ ขณะที่ขยี้ตา ได้เดินโซเซไปทางเฉินเสียน และดึงไปที่มุมเสื้อของนาง

เฉินเสียนไม่ได้เจอซูเซี่ยนมาหลายวันแล้ว ก้มลงอุ้มเขาขึ้นมา เจ้าตัวเล็กอยู่ในอ้อมแขนยังคงอบอุ่นและนุ่มนวลมาก

ซูเซี่ยนกอดคอเฉินเสียน พูดอย่างเงียบๆ ว่า “เอ้อร์เหนียงบอกว่า ท่านพ่อไม่สบาย”

“ใช่จ้ะ”

“หนักไหม?”

เฉินเสียนขยำใบหน้าเล็กๆ ของซูเซี่ยน ถามว่า “อาเซี่ยนอยากจะเยี่ยมท่านพ่อไหม? เจ้าไปอยู่เป็นเพื่อนเขา แม่จะได้สบายใจ”

ซูเซี่ยนพยักหน้า

“แต่ห้ามรบกวนท่านพ่อเจ้ามาสอนหนังสือล่ะ ร่างกายของเขาไม่ดี ท่านหมอบอกให้ดูแลเป็นอย่างดี เจ้าไปดูแลพ่อเจ้าแทนแม่”

“ลูกเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“อาเสียนเก่ง”

เฉินเสียนไม่มีเวลาพักผ่อน ต้องรีบไปจัดการเรื่องราชสำนักที่มากมาย นางไม่ต้องการในเวลาที่ตัวเองกำลังยุ่งแล้วมองไม่เห็นซูเจ๋อ ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว ให้ซูเซี่ยนไปอยู่ข้างเขาเพื่อบรรเทาความเหนื่อยของเขาได้

เหมือนว่าเป็นเช่นนี้ ก็สามารถมอบความห่วงใยที่นางมีให้กับซูเจ๋อได้เล็กน้อย

หลังจากเฉินเสียนเปลี่ยนเสื้อคลุมเสร็จ แม่นมซุยก็เก็บของให้เจ้าน่องน้อยไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อเฉินเสียนขึ้นไปที่ท้องพระโรง นางได้ให้แม่นมซุยพาเจ้าน่องน้อยออกจากวัง

ในท้องพระโรง ขุนนางหลายคนทูลเวลาทั้งหมดนี้แต่ละหน่วยงานได้เข้ามาทีละฝ่าย และเฉินเสียนจำเป็นต้องตัดสินใจ เฉินเสียนได้ใช้ทัศนคติในการตัดสินใจของการควบคุมสถานการณ์โดยรวม หากมีไหนผิดพลาดต้องหารือกับทุกคนให้ละเอียดรอบคอบ

หลังจากทำราชกิจเสร็จ มีขุนนางบางคนเริ่มพูดถึงเรื่องอื่น ไม่มีอะไรมากไปกว่าเกี่ยวกับซูเจ๋อ อีกทั้งองค์ชายหกเย่เหลียง ยังมีที่ซูเซี่ยนที่เพิ่งออกจากวังเมื่อเช้านี้

ขุนนางทุกคนทราบดี และซูเซี่ยนเพิ่งออกไปไม่กี่ก้าว พวกเขาก็รู้เรื่องทันที

“ฝ่าบาท องค์ชายยังทรงพระเยาว์เกินไปที่จะออกจากวัง บังอาจถามฝ่าบาทว่า องค์ชายออกจากวังไปที่ไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

เฉินเสียนรู้ว่าปิดบังไม่ได้ จึงบอกไปว่า “ไปเรือนใต้เท้าซูแล้ว”

บรรดาขุนนางมองดูกันและกันแล้วทูลว่า “องค์ชายทำไมถึงไปที่เรือนของใต้เท้าซู!”

เฉินเสียนยักคิ้วขึ้นอย่างเฉยเมย สีหน้าสงบ และพูดด้วยความคิดลึกๆ ว่า “องค์ชายรู้แจ้งโดยใต้เท้าซู แม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าเรียนอย่างเป็นทางการ แต่ทัศนคติในการเรียนรู้จะต้องไม่ละทิ้ง แม้ว่าใต้เท้าซูไม่สบาย ข้าส่งองค์ชายไปหาเขาให้เห็นชินหูชินตาก่อนเขาถึงจะเรียน มีอะไรหรือไม่?”

ก่อนที่เฉินเสียนทั้งกลางวันและกลางคืนที่ไม่อาจทำใจออกจากเรือนของซูเจ๋อได้ และได้ทำให้บรรดาขุนนางต่างกังวลอย่างมาก ตอนนี้นางยังส่งองค์ชายไปด้วย นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?

เป็นเพียงว่าเหล่าขุนนางใหญ่ต้องการเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง แต่ถูกเฉินเสียนยกมือขึ้นห้ามไว้

ขุนนางทุกคนพูดถึงองค์ชายไม่ได้ และพูดเรื่องซูเจ๋อขึ้นว่า “อาการบาดเจ็บของใต้เท้าซู กระหม่อมว่า ให้หมอหลวงไปเรือนของเขาดูและดีกว่า ต่อไปพระองค์ก็………”

เฉินเสียนพูดขัดว่า “อ้ายชิงทุกท่านยังมีเรื่องที่สำคัญกว่านี้หรือไม่?”

นางกำลังจะแยกย้าย ก็มีขุนนางใหญ่ท่านหนึ่งพูดขึ้นว่า “ทูลฝ่าบาท ตั้งแต่องค์ชายหกแห่งเย่เหลียงเข้ามาในวัง ฝ่าบาทไม่เคยพบเขาอย่างเป็นทางการ และงานแต่งงานกับองค์ชายหกก็ล่าช้าไปเนื่องจากอาการบาดเจ็บของใต้เท้าซู ตอนนี้จักรพรรดิจะเสด็จกลับพระราชวังแล้ว ถึงเวลาที่จะเสร็จสิ้นพิธีกับองค์ชายหกแล้วพ่ะย่ะค่ะ?”

เฉินเสียนพูดอย่างแผ่วเบา “ข้าคิดว่า รับเขากลับอยู่ที่วังหลังก็ถือว่าเสร็จธุระแล้ว ทำไม จากที่พวกท่านดู ข้าต้องนอนกับเขาถึงจะเสร็จสิ้นพิธีหรอกรึ?”

ขุนนางท่านนั้นก้มศีรษะลง ใบหน้าแดงก่ำถึงเส้นศูนย์สูตร “ถึงอย่างไรก็เป็นองค์ชายแห่งเย่เหลียง และความสัมพันธ์ระหว่างสองอาณาจักร ในพระราชพิธี….ก็มิสามารถจะทำแบบสุ่มสี่สุ่มห้าได้พ่ะย่ะค่ะ”

“งั้นเรื่องแบบนั้น ก็ตามสบาย”

หลังจากออกจากท้องพระโรง ในพระตำหนักไท่เหอซูเจ๋อไม่อยู่ ซูเซี่ยนก็ไม่อยู่ เฉินเสียนก็ยังไม่กลับไป และตรงไปจัดการข้อราชการที่ห้องทรงหนังสือ โดยมีอวี่เยี่ยนคอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างๆ

ตอนนี้ซูเซี่ยนกับแม่นมซุยมาถึงประตูเรือนของซูเจ๋อ และพ่อบ้านก็เข้ามาเปิดประตู พ่อบ้านจำแม่นมซุยได้ จากนั้นมองไปที่ซูเซี่ยน ท่าทางค่อนข้างตื่นเต้น ไม่ทันจะพูดอะไร ซูเซี่ยนก็พูดก่อนว่า “ข้ามาเยี่ยมพ่อข้า”

พ่อบ้านพูดอย่างใจหาย “รีบเข้ามาเร็วเข้า”

ซูเจ๋อหลับไปนาน หลังจากเฉินเสียนจากไป เขาก็เอนตัวลงบนหัวเตียงแล้วหลับตาพักผ่อนสักครู่ เมื่อนอนไม่หลับ ก็เอาหนังสือมาอ่าน

ทันทีที่พ่อบ้านเพิ่งเดินเข้ามาในเรือน เขาก็ตะโกนอย่างมีความสุขว่า “นายท่าน ท่านดูว่าใครมา?”

ซูเจ๋อขยับเพียงแค่คิ้ว ในใจคิดว่าในเวลานี้เฉินเสียนคงไม่มีเวลามาที่นี่ ผลลัพธ์เมื่อเงยหน้ามอง ก็มองเห็นเจ้าก้อนแป้งที่กำลังเดินเข้ามาเป็นจังหวะ

เดินมาถึงปากประตู พ่อลูกมองตากัน ซูเซี่ยนเป็นผู้ใหญ่มาก

เขามาเพื่อดูแลพ่อของเขา แน่นอนว่าไม่อาจจะทำท่าทางที่จะต้องให้พ่อเขามาดูแลเขาแทนได้

ซูเจ๋อมองแล้วถามเขาไป “เจ้ามาได้อย่างไร”

ซูเซี่ยนตอบพร้อมเดินเข้าประตูไป ว่า “ท่านแม่ยุ่งมาก ตอนนี้ยังมาไม่ได้”

ซูเจ๋อพูด “นางเพิ่งออกไปจากที่นี่ได้ไม่นาน”

ซูเซี่ยนพูด “ท่านแม่เป็นห่วงท่าน จึงให้ลูกมา”

ซูเจ๋อขมวดคิ้ว ไม่พูดอะไร

ซูเซี่ยนมองไปรอบๆ หน้าเตียง และเห็นว่าสีหน้าของซูเจ๋อแย่มาก หน้าผากที่ถูกพันป้องกันไว้ ทั้งตัวสวมชุดสีขาวบางๆ บนไหล่มีผมสยาย เว้นเสียแต่มีจิตใจดวงน้อยอยู่ในดวงตาที่ลึกนั้น บนใบหน้าและบนฝ่ามือก็ไม่มีร่องรอยแม้แต่สีเลือด ดูซีดขาวมาก

ดูเหมือนว่าเขาจะป่วยมากจริงๆ

ซูเซี่ยนหัวใจดวงน้อยๆ ที่สั่นไหว ได้เขย่งเท้าดึงหนังสือจากมือของซูเจ๋อ และพูดว่า “ท่านควรจะพักผ่อน ไม่ควรจะอ่านหนังสือ”

ซูเจ๋อหลับตาลงและจ้องมาที่เขา

เขาเหลือบมองที่ซูเจ๋อและพูดว่า “การอ่านทำร้ายดวงตา และเป็นการสิ้นเปลืองพลังงาน” ในท้ายสุดเขาพูดเสริมว่า “ท่านแม่ของข้าพูดไว้” และสิ่งนี้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น

พ่อบ้านและแม่นมซุยมองดูอยู่ข้างนอก ก็อดยิ้มไม่ได้

“ไม่ให้อ่านหนังสือ เจ้าบอกมาข้าควรทำอย่างไร” ซูเจ๋อถาม

ซูเซี่ยนกล่าวว่า “ท่านสามารถหลับตาลง แล้วนอน”

ซูเจ๋อมองเขาอย่างเกียจคร้าน “แต่ข้านอนไปสองวันแล้ว และตอนนี้ข้าไม่ง่วง”

“งั้นลูกจะเล่าเรื่องให้ฟัง ท่านไม่ต้องดูไม่ต้องคิด แค่ฟังอย่างเดียว” ซูเซี่ยนพูดอย่างจริงจัง

ซูเจ๋อกระตุกที่มุมปากแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เล่าเถอะ” คิดไม่ถึงว่าเขายังไม่เคยเล่านิทานให้ลูกชายได้ฟัง แต่ตอนนี้กลับเป็นลูกชายที่มาเล่านิทานให้เขาฟังก่อน

ซูเจ๋อว่างอยากจะฟัง ดูว่าอาเซี่ยนจะเล่าอะไรให้เขาฟัง

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset