ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 588 ยินดีต้อนรับท่านมารบกวนข้าได้ตลอดเวลา

คอเสื้อของเธอค่อนข้างเย็น เฉินเสียนดึงขอบเสื้อเข้าหากัน และเธอพบว่าเธอใส่ชุดนอนของซูเจ๋ออยู่ และตามผิวหนังของเธอก็มีร่องรอยการจูบของเขาอยู่เต็มไปหมด

ใบหูของเฉินเสียนเป็นสีแดงก่ำอยู่ระยะหนึ่ง

เฉินเสียนที่อยู่ภายใต้ผ้าห่มบาง ๆ เธอสัมผัสไปโดนตัวของซูเจ๋อทันทีที่เธอขยับ ความอบอุ่นที่ออกมาจากร่างกายของเขาที่แผ่ออกมานั้นช่างทำให้รู้สึกสบายเหลือเกิน

เฉินเสียนเอื้อมมือออกไปจับบนเตียงครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ชุดกระโปรงของข้าล่ะ?”

ซูเจ๋อลุกขึ้นและพิงไปที่หัวเตียง เขาดูผ่อนคลายและอารมณ์ดี ผมของเขายุ่งเล็กน้อยและกระจายอยู่บนไหล่ของเขา เขากล่าวว่า “ชุดของท่านเปียกเหงื่อเมื่อคืน ไม่น่าจะใส่ได้แล้ว ข้าเตรียมชุดของข้าให้ท่าน จะใส่ไหม?”

ให้เธอใส่ชุดของซูเจ๋อกลับไปที่วังหลวง ให้เหล่าขุนนางแก่ได้เห็น คงอยากจะบิดหูของเธอเพื่อปลูกฝังมารยาท ความละอาย และจริยธรรมในตัวเธอเป็นแน่

แต่หากไม่ใส่ยังมีวิธีไหนอีก เธอคงไม่สามารถกลับไปโดยที่ไม่ใส่อะไรเลย

ยังไงก็ยังเช้าอยู่ เธอใส่ชุดของเขาและแอบกลับเข้าไป แล้วค่อยเปลี่ยนชุดแค่นั้นก็ได้แล้ว

เฉินเสียนจึงรีบสวมเสื้อผ้าที่พับอย่างเรียบร้อยไว้ข้างเตียง ขนาดเสื้อผ้าใหญ่มาก คลุมร่างผอมเพรียวของเธออย่างสมบูรณ์ กลิ่นไม้กฤษณาจาง ๆ ลอยเข้ามา เป็นกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของซูเจ๋อ กลิ่นหอมจนหูและแก้มของเธอรู้สึกร้อนขึ้นเรื่อย ๆ

เฉินเสียนมัดผมของเธอไว้ด้วยกันและเตรียมจะลุกจากเตียง ทันทีที่เท้าแตะพื้น เธอก็ยืนไม่ได้ ความเจ็บปวดจากโคนขาทำให้ขาของเธอสั่นสะท้าน ร่างกายของเธอก็เซและเกือบจะล้มลง

ซูเจ๋อที่อยู่ข้างหลังเอื้อมมือออกไปจับเอวของเธอทันเวลาและลากเธอกลับไปที่เตียง

เงาจาง ๆ บนศีรษะปกคลุมลงมา และเฉินเสียนเงยหน้าขึ้นเพื่อพบกับใบหน้าของซูเจ๋อและดวงตาที่ลึกล้ำลึกของเขา

คิ้วจาง ๆ ของเขาดูมีความหมายคลุมเครือ และเพิ่มความเกียจคร้านเล็กน้อย

เฉินเสียนจับไหล่ที่กดลงมาเล็กน้อยของเขา และไม่สามารถมองดูเขาได้ และหัวใจของเธอก็เต้นอย่างกระสับกระส่ายในตอนเช้า ดวงตาของเธอล่องลอยและกล่าวว่า “ข้า ข้าใกล้จะไปสายแล้ว”

เธอเกิดความสงสัยขึ้นในใจ เมื่อคืนเธอไม่ได้ทำแบบนั้นกับเขา เขาแค่ใช้นิ้วมือ แต่ทำไมขาและเอวของเธอยังรู้สึกเจ็บจนแทบจะแตกสลาย?

ซูเจ๋อสัมผัสใบหน้าที่แดงก่ำของเธอและกล่าวในเวลาที่เหมาะสม “เมื่อคืนถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้ฝืน แต่ท่านเกร็ง เอวของท่านก็เหยียดตรง ขาของท่านก็บีบแน่น และใช้พลังกำลังเกินไป อาจจะรู้สึกเจ็บปวดบ้าง ไม่ควรประมาท”

เฉินเสียนเม้มริมฝีปากและพูดด้วยความอายเล็กน้อย “ข้าไม่ได้ถามท่าน ท่านจะอธิบายทำไมเยอะแยะ”

ซูเจ๋อกระซิบเบา ๆ “ท่านไม่ได้สงสัยในใจหรอกหรือ ข้าคิดว่าท่านจะสงสัยเสียอีก” เขาค่อย ๆ ยกตัวขึ้นมาอยู่เหนือร่างกายของเฉินเสียน ลมหายใจที่ใสสะอาดเข้ามาหาเธอในทันทีและเธอก็อ่อนแอลงอีกครั้ง

ริมฝีปากของซูเจ๋อตกลงไปที่โคนหูของเธอ ราวกับว่าเขาชอบความร้อนจากใบหูสีแดงของเธอ ถูไปมาเบา ๆ อย่างละเอียดอ่อน และลมหายใจก็ไหลเข้าสู่หูของเธอ

เฉินเสียนตัวสั่นภายใต้ร่างกายของเขา

มีลำแสงในดวงตาของเฉินเสียน เธอหันศีรษะและกระซิบกับเขา “ซูเจ๋อ ข้าใกล้จะไปสายแล้วจริง ๆ…”

“ยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมงก่อนจะถึงเวลาการเข้าเฝ้าเช้า ยิ่งรีบก็ยิ่งต้องค่อย ๆ จัดการทีละขั้นตอน เมื่อแต่งชุดเรียบร้อยแล้ว ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ข้าถึงจะให้ท่านออกนอกประตูไปได้ ไม่เช่นนั้นหากกลับไปอย่างรีบร้อนแบบนี้ เกรงว่าคงไม่ทันได้ทานอาหารเช้า”

หัวใจของเฉินเสียนสั่น แต่ก็รู้สึกอบอุ่น

เธอพูดเบา ๆ “ก็ได้ ข้าทำตามที่ท่านบอกก็ได้ แต่ท่านลุกขึ้นก่อน”

ซูเจ๋อเอนหลังลงบนเตียงและมองดูเธอแต่งตัว เธอดูไม่รีบร้อนเหมือนก่อนหน้านี้ แต่สายตาและความสนใจของเธอยังคงไม่สามารถเพ่งความสนใจไปที่เขาได้

เฉินเสียนพูดด้วยความไม่มั่นใจเล็กน้อย “ท่านจ้องมองข้าแบบนี้ทำไมกัน ยังไม่ตื่นดีใช่ไหม หรือจะนอนต่อไหม?”

ซูเจ๋อกล่าวอย่างสบาย ๆ “ค่ำคืนที่มีท่านนอนเคียงข้างผ่านพ้นไป ตอนนี้มีเพียงแค่เตียงว่างเปล่า ข้าจะนอนหลับได้อย่างไร”

เฉินเสียนจ้องมาที่เขาอย่างรวดเร็วและสองเท้าของเธอเหยียบพื้นไว้แน่น ครั้งนี้เธอเตรียมตัวไว้ก่อน และยืนได้ตรงและนิ่งด้วยความพยายาม มุมของชายเสื้อผ้าถูกลากลงบนพื้นและพันรอบข้อเท้า เธอสวมชุดนี้ทำให้เธอมีสง่างาม ซูเจ๋อเอียงคอดูรอยจูบใต้กระดูกไหปลาร้าที่อยู่ใกล้กับปกคอเสื้อของเธอ เป็นรูปร่างที่น่าจับตามองอย่างมีเสน่ห์

เธอจะออกไปเจอคนแบบนี้ได้อย่างไร เพียงแค่ปล่อยให้คนอื่นมองเธอ ก็ทำให้ซูเจ๋อไม่สบายใจที่คิดเรื่องนี้

เฉินเสียนแอบมองเขาแล้วถามว่า “ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? เพราะเมื่อคืนข้ามาถึงก็ดึกมากแล้ว ทำให้ท่านไม่ได้พักผ่อน แล้วยังต้อง…ยังต้องดูแลข้า ทั้งนี้ทั้งนั้นคือมาทำให้ท่านลำบาก”

ซูเจ๋อลุกขึ้นจากเตียง และหยิบเสื้อคลุมจากที่แขวนแล้วนำมาคลุมไว้บนไหล่ของเขา ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ไม่เท่าไหร่ ต่อไปหากมีเรื่องแบบนี้อีก ยินดีต้อนรับท่านมารบกวนข้าได้ตลอดเวลาเลย”

ซูเจ๋อเข้ามาจับมือเฉินเสียน และพาเธอออกไปล้างหน้าแปรงฟัน และฟังเขากล่าวว่า “พักฟื้นมาก็นานแล้ว ร่างกายควรจะหายดีเป็นปกติแล้ว”

เฉินเสียนพูดอย่างเคร่งขรึม “ไม่ได้ ท่านยังต้องพักผ่อนให้มาก เอาเวลาที่เมื่อก่อนไม่ค่อยได้พักมาพักผ่อนเพิ่ม”

ซูเจ๋อหรี่ตาลงและกล่าวว่า “ต้องพักผ่อนแบบนี้อีกนานแค่ไหน หนึ่งปีสองปีพอไหม? ให้ข้าทนมองดูท่านแบกรับทุกอย่างอยู่คนเดียว? ตอนนี้ก็น่าจะดีกว่าเมื่อก่อนมากแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ต้องเอาแต่นอนพักรักษาตัวอยู่อย่างนั้น เพียงแค่อาจต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยกับบางสิ่ง”

เฉินเสียนกล่าว “เหมือนที่ท่านพูด ไม่ต้องเอาแต่นอนพักรักษาตัว ข้าจะมีอะไรให้ลำบาก? ท่านพักผ่อนให้มากก็พอแล้ว ข้าไม่อยากเห็นท่านต้องมาบาดเจ็บและเสียเลือดอีกแม้แต่หยดเดียว ”

เฉินเสียนปล่อยให้เขานำทางไป และทั้งสองคนก็เดินเล่นในลานบ้านอันเงียบสงบ หญ้าและต้นไม้ในตอนเช้าปกคลุมไปด้วยน้ำค้างใสราวคริสตัล และอากาศก็เต็มไปด้วยความชื้นเช่นกัน

มุมของเสื้อผ้าสีขาวของซูเจ๋อปัดมาโดนมือของเธอเป็นครั้งคราว นุ่มนวลและอ่อนโยน

เฉินเสียนยืนอยู่ท่ามกลางแสงยามเช้า หันศีรษะไปมองเขา และทันใดนั้นก็กล่าวว่า “ซูเจ๋อ ท่านกลัวตายไหม?”

ซูเจ๋อหยุดชะงักและตอบว่า “กลัวสิ ใครบ้างไม่กลัว”

เฉินเสียนกล่าว “ข้าก็กลัวเหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อเร็ว ๆ นี้ ข้าคิดมาโดยตลอดหากข้าต้องจากไปก่อนท่าน ทิ้งท่านและซูเซี่ยนไว้จะทำอย่างไร ข้าไม่สามารถอยู่กับท่านไปตลอดชีวิต ข้าคงตายตาไม่หลับ เพราะฉะนั้นข้าจะรักษาชีวิตของข้าไว้ให้ดีที่สุด เพื่อให้ข้าได้มีชีวิตอยู่นานยิ่งขึ้น แต่ข้ากลัวว่าท่านจะจากไปก่อนข้า หากท่านทิ้งข้าและซูเซี่ยนไว้ ถึงตอนนั้นพวกเราควรทำอย่างไร?”

ซูเจ๋อลูบที่หางตาของเธอและกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ท่านอายุยังน้อย ทำไมถึงคิดเรื่องความเป็นความตายอย่างนี้”

เฉินเสียนกล่าว “ไม่รู้ว่าท่านจะสามารถเข้าใจความรู้สึกของข้าได้ไหม ข้าไม่กลัวความลำบาก ข้าไม่กลัวความกดดัน และข้ายิ่งไม่กลัวว่าจะมีใครมาชี้หน้าด่าข้า แต่ข้ากลัวการสูญเสีย ข้าจะพยายามรักษาชีวิตของข้า ท่านก็ต้องพยายามรักษาชีวิตของท่านด้วย ได้ไหม?”

ซูเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อยและคิดว่า “ดูเหมือนหากข้าต้องจากไปก่อน และทิ้งพวกท่านสองแม่ลูกไว้ คิดดูแล้วก็ทำใจไม่ได้เหมือนกัน”

เฉินเสียนมองมาที่เขา และยิ้มแล้วกล่าวว่า “งั้นก็เป็นอันว่าท่านตกลงกับข้าแล้ว ถึงแม้ข้าจะไม่ได้อยู่ข้างกายท่าน ท่านก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี ไม่ต้องกลัวจะยุ่งยาก และอย่าทำอะไรด้วยความรีบร้อน” เธอรู้ว่าเวลาซูเจ๋ออยู่คนเดียวเขามักจะอะไรง่าย ๆ ไม่ระมัดระวังและไม่ค่อยใส่ใจตัวเอง

หลังจากที่ล้างหน้าแปรงฟันและรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน ซูเจ๋อก็ตักข้าวต้มให้เธอและถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “เมื่อคืนท่านได้ไปที่พระตำหนักฉีเล่อหรือเปล่า?”

“ใช่”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset