ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 648 อยู่ให้ห่างจากเขาหน่อย เข้าใจไหม?

หลานเอ๋อร์ยิ้มและกล่าวว่า “เรื่องนี้ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นกังวลหรอกเพคะ อาหารของท่านอ๋องถูดจัดเตรียมเป็นพิเศษโดยพ่อครัวจากในวังหลวง รสชาติอ่อนและถูกคัดสรรอย่างดี สามารถช่วยเรื่องการฟื้นร่างกายของท่านอ๋องได้เพคะ”

เฉินเสียนยืนอยู่ที่ในลานครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “เขาไม่ชอบรบกวนคนอื่น และไม่ค่อยระมัดระวังการใช้ชีวิตของตัวเขาเองนัก ในเมื่อเจ้าเป็นนางกำนัลของเขา ควรจะใส่ใจให้มากขึ้น”

หลานเอ๋อร์ตกตะลึงครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าองค์จักรพรรดินีกังวลเกี่ยวกับท่านอ๋อง นางคิดถึงภาพวาดในห้องตำราอย่างอธิบายไม่ถูก ผู้หญิงในภาพวาดนั้นช่างคล้ายกับองค์จักรพรรดินีตรงหน้านางมากจริง ๆ เป็นไปได้ไหมว่าพระองค์และท่านอ๋องเคยมีเรื่องราวกันมาก่อน?

นางควรปล่อยให้เธอเข้าไปพบท่านอ๋องดีไหม? หลานเอ๋อร์เกิดความลังเลใจ

จากนั้นนางก็จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เธอทำให้นางตกตะลึง และจะจับท่านอ๋องลักพาตัว หลานเอ๋อร์รู้สึกว่านางยังคงประมาทไม่ได้

เฉินเสียนไม่ได้ขอเข้าไปในห้องเพื่อพบซูเจ๋อ เนื่องจากบอกว่าเขาหลับอยู่ ถึงแม้เธอมีเหตุผลที่จะเข้าไปรบกวนกับความฝันของเขา แต่เมื่อสามารถยืนอยู่นอกห้องของเขาได้ชั่วขณะหนึ่ง เฉินเสียนก็รู้สึกว่ามันเป็นความพึงพอใจมากแล้ว

เธอหวังว่าเธอจะอยู่กับเขาสักพัก แม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรสักคำ แม้ว่าจะไม่สามารถเห็นเขาได้ แค่รู้ว่าเขาอยู่ข้างในอย่างดีก็พอใจมากแล้ว

เฉินเสียนไม่รู้ว่าเธอใช้ความระมัดระวังแค่ไหน ในเมื่อต้องการที่จะครอบครองอีกครั้ง แต่กลับกลัวที่จะสูญเสียไปอย่างไม่หลงเหลืออะไร

นางกำนัลที่ยืนอยู่หน้าระเบียงต่างรู้สึกสับสนเล็กน้อยว่าต้องทำอย่างไร เพราะเฉินเสียนยืนอยู่ที่ลานด้านหน้ามาเป็นเวลานานแล้วและไม่ได้ตั้งใจจะจากไป นางกำนัลมองหน้ากันและไม่รู้จะทำอะไร

ในเวลาที่เหมาะสม ข้างนอกลานบ้านยังมีลมพัดโชยกลิ่นหอม

ว่าที่พระชายานำยาและอาหารกำลังเดินเข้ามาจากข้างนอก เธอมีท่าเดินที่เบาและสง่างาม ราวกับดอกไม้ที่เบ่งบานเธอมักจะทำเช่นนี้เสมอเมื่อมาพบซูเจ๋อที่เรือนนี้

เมื่อหลานเอ๋อร์เห็นเธอ นางรู้สึกไม่มีความสุขอยู่ในใจ และต้องการจะตะโกนหยุดเธอดัง ๆ แต่ยาและอาหารที่เธอนำมาต้องถูกเสวยอย่างตรงเวลา

เป็นเพราะการได้เข้าออกอย่างไม่จำกัด เธอจึงค่อนข้างภาคภูมิใจเล็กน้อย

นางกำนัลต่างรู้สึกอึดอัดและบนใบหน้าก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าอะไร แม้ว่าเธอจะยังไม่ได้เข้าห้องหอและยังไม่ได้กราบไหว้ฟ้าดิน แต่ถึงอย่างไรก็เป็นคำสั่งขององค์จักรพรรดิที่ให้เธออภิเษกเข้ามาเพื่อการสะเดาะเคราะห์ รอให้อาการป่วยของท่านอ๋องหายดีเมื่อไหร่ ควรกราบไหว้ฟ้าดิน ควรเข้าห้องหอ เรื่องทั้งหมดนี้ก็ต้องปฏิบัติ ใครก็ไม่สามารถคาดเดาได้

ดังนั้นการที่ว่าที่พระชายาเข้ามาดูแลท่านอ๋อง แม้ว่าจะดูไม่เป็นที่พอใจของใครหลายคน แต่ก็มีเหตุมีผล

ทันทีที่ว่าที่พระชายาเข้ามา เธอก็ไม่สนใจและมองข้ามเฉินเสียนที่ยืนอยู่ในเรือน และเดินตรงเข้าไปทางห้องของซูเจ๋อ

ทันใดนั้นก็ภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็มืดลง มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากด้านข้าง และนำยาและอาหารที่เธอเตรียมไว้สำหรับซูเจ๋อไปไว้ในถาดไป

ว่าที่พระชายาตกตะลึง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองเฉินเสียน เฉินเสียนไม่ได้เผชิญหน้ากับว่าที่พระชายาโดยตรง ดังนั้นเธอจึงมองเห็นนางได้แค่เค้าลางเท่านั้น

ถึงอย่างไร คนในจวนท่านอ๋องต่างก็เคารพว่าที่พระชายาจนเธอเคยชิน และจู่ ๆ ก็มีคนมาทำแบบนี้ เธอรู้สึกรำคาญเล็กน้อยและกล่าวว่า “เจ้าเป็นใครกัน?”

หลานเอ๋อร์ไม่ถูกชะตากับว่าที่พระชายามาเป็นเวลานาน และอาจมีความรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ในนั้น นางรู้สึกทันทีว่าการแสดงออกที่เย็นชาของเฉินเสียนเป็นที่ชื่นชอบเป็นพิเศษต่อสายตาของนาง

หลานเอ๋อร์ตอบอย่างทันทีทันใด “เป็นกษัตริย์ต้าฉู่”

ว่าที่พระชายายังคงสับสนอยู่ คิดว่าต้าฉู่เป็นเพียงแค่ชื่อคนเท่านั้น และกล่าวว่า “มาใหม่หรือ? ถึงไม่รู้จักกฎระเบียบ กล้ามาขวางทางข้าที่กำลังจะนำยาไปให้ท่านอ๋อง?”

หลานเอ๋อร์กล่าว “กษัตริย์ต้าฉู่ก็คือ องค์จักรพรรดินีแห่งอาณาจักรต้าฉู่ ว่าที่พระชายาน่าจะรู้จักต้าฉู่นะเจ้าคะ องค์จักรพรรดิหนึ่งเดียวของอาณาจักรต้าฉู่ ก็เหมือนกับองค์จักรพรรดิหนึ่งเดียวของเป่ยเซี่ยเจ้าค่ะ องค์จักรพรรดินีเป็นอาคันตุกะที่องค์หญิงพามาชมสวน และเป็นอาคันตุกะพิเศษผู้มีเกียรติของเป่ยเซี่ยเจ้าค่ะ”

ชมสวนอะไรกัน พูดขึ้นมาหลานเอ๋อร์เองก็ไม่เชื่อ สวนในจวนท่านอ๋องรุ่ยน่าชื่นชมตรงไหนกัน เป็นเพราะจวนท่านอ๋องรุ่ยมีท่านอ๋องรุ่ยอยู่ต่างหากล่ะ

แต่หลานเอ๋อร์ก็พูดออกมาอย่างมั่นใจและมีเหตุผล

ว่าที่พระชายาเปลี่ยนสีหน้าของเธอทันที เธอย่อตัวทำความเคารพและกล่าวกับเฉินเสียนอย่างนอบน้อม “ขอประทานอภัยเพคะฝ่าบาท”

เฉินเสียนไม่ได้บอกให้เธอลุกขึ้น แต่กล่าวว่า “แล้วท่านเป็นใครกัน?”

ว่าที่พระชายายังคงอยู่ในย่อตัวทำความเคารพและตอบกลับว่า “หม่อมฉันเป็นพระชายารุ่ยที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในจวนท่านอ๋องเพคะ”

น้ำเสียงของเฉินเสียนราบเรียบ แต่มีความรู้สึกเคร่งขรึมเย็นชา “พระชายารุ่ย ท่านกับท่านอ๋องรุ่ยกราบไหว้ฟ้าดินด้วยกันแล้ว เข้าห้องหอด้วยกันแล้วงั้นหรือ?”

ใคร ๆ ก็รู้ว่าพิธียังไม่เสร็จสมบูรณ์

ว่าที่พระชายากัดริมฝีปากของเธอ และตอบด้วยน้ำเสียงคับข้องใจของเธอว่า “เป็นว่าที่พระชายาเพคะ”

เฉินเสียนหลับตาลง ยกนิ้วขึ้น และจับคางของว่าที่พระชายาเสมือน พลังในมือของเธอไม่อาจต้านทานได้ ทำให้ว่าที่พระชายาเงยหน้าขึ้นทีละน้อย และมองใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของเธอ

ว่าที่พระชายานั้นร่างกายแข็งทื่อเล็กน้อย และท่าการย่อทำความเคารพของเธอในตอนนี้นั้นยากเหลือเกินจะทำให้เธอประคองตัวเองให้อยู่นิ่งได้ และเธอก็ตัวสั่นเล็กน้อย เมื่อเธอมองเข้าไปในดวงตาของเฉินเสียน หัวใจของเธอก็รู้สึกไม่สบายใจ

ในสายตานั้น ไม่มีความอ่อนโยนที่ผู้หญิงควรมี มีแต่ความเยือกเย็นและกระหายเลือด เหมือนนกอินทรีที่มีเล็บแหลมคม และเสือชีตาห์ที่รอคอยโอกาส

ไม่เพียงแค่ว่าที่พระชายาเท่านั้น แต่แม้แต่นางกำนัลที่ยืนอยู่ระเบียงทางเดินก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เมื่อนึกถึงตอนที่เฉินเสียนอยู่ในเรือนและพูดจาว่าง่าย เธอก็รู้สึกว่าเธอมีความเห็นอกเห็นใจมาก เธอเป็นจักรพรรดิของอาณาจักร และผู้หญิงที่สามารถเป็นจักรพรรดิของอาณาจักรได้นั้น เป็นเพียงผู้หญิงที่อ่อนโยนอยู่ในห้องส่วนตัวและผู้หญิงธรรมดาทั่วไป

เธอคุ้นเคยกับการฆ่าและการต่อสู้ คำว่าชีวิตสำหรับเธอแล้วนั้นมันก็เป็นเพียงคำพูดสำหรับเธอ

เฉินเสียนมองเธอโดยไม่พูดอะไร เธอยังคงมีส่วนที่คุ้นเคย ในวันนั้นที่งานพิธีอภิเษกสมรสเกิดลมกระโชกแรง และผ้าคลุมสีแดงของเจ้าสาวก็ถูกเปิดขึ้น ลักษณะของเจ้าสาวคงเป็นลักษณะเหมือนใบหน้าของเธอ

ว่าที่พระชายากลัวมากจนใบหน้าซีดเซียว และไม่กล้าจะขยับเขยื้อน คางที่ถูกเฉินเสียนจับอยู่ในมือ แข็งทื่อราวกับว่าเธอหมดสติ

ต่อมา เฉินเสียนพูดอย่างเงียบ ๆ “ท่านยังรู้หรือว่าข้างหน้าต้องมีคำว่า ว่าที่ ได้ยินมาว่าท่านเป็นคนมีดวงชะตาที่ดี”

ว่าที่พระชายามีน้ำตาในดวงตาของเธอ

เฉินเสียนกล่าวอีกว่า “ไม่น่าเชื่อว่าจักรพรรดิเป่ยเซี่ยจะเชื่อเรื่องการอภิเษกสมรสเพื่อสะเดาะเคราะห์เรื่องไร้สาระแบบนี้ ข้าไม่เชื่อหรอก ฉะนั้น แม้ว่าดวงชะตาของท่านจะดีก็ไม่มีประโยชน์อะไร”

เมื่อเธอพูดอย่างนั้น เธอก้มศีรษะและดมกลิ่นฉุนที่คอของว่าที่พระชายา “ร่างกายมีกลิ่นหอม แถมยังแต่งกายประณีต แต่น่าเสียดาย ท่านไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่เขาชอบ”

ว่าที่พระชายารู้สึกว่าเธอถูกดูถูกอย่างมาก แต่เธอไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ภายใต้การควบคุมของเฉินเสียน

ดวงตาของเฉินเสียนเย็นชาและเฉียบแหลมขึ้น จ้องมองตรงไปยังว่าที่พระชายา และพูดออกมาด้วยเสียงเบาว่า “ต่อไปนี้ อยู่ให้ห่างจากเขาหน่อย เข้าใจไหม?”

ว่าที่พระชายาหลับตาและตัวสั่น กล่าวว่า “เข้า…เข้าใจเพคะ…”

เฉินเสียนจึงคลายนิ้วออก เธอไม่สามารถประคองตัวเองได้ เธอล้มลงกับพื้นในทันใด และลุกขึ้นอีกครั้งด้วยความอับอาย หันศีรษะและเดินจากไปด้วยน้ำตาคลอเบ้า

นางกำนัลที่อยู่ใต้ระเบียงตกตะลึง และไม่สามารถหวนคืนสติได้

เมื่อรู้ว่าเฉินเสียนเดินขึ้นบันไดไปยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา พวกเขามีสติขึ้นและโค้งคำนับอย่างเคารพ พวกเขาทั้งหมดรู้สึกว่าเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้น่าพอใจอย่างมาก

เฉินเสียนมองไปที่ถ้วยยาในมือของนางและพูดเบา ๆ ว่า “ยาเย็นแล้ว จะเรียกเขาลุกขึ้นมากินยาหรือว่าจะตั้งไว้แล้วรอให้เขาตื่นก่อนแล้วค่อยนำไปอุ่นใหม่”

หลานเอ๋อร์กล่าวอย่างเขินอาย “ให้บ่าวเถอะเพคะ บ่าวจะนำเข้าไปให้ท่านอ๋องในห้อง เวลานี้ท่านอ๋องน่าจะตื่นแล้วเพคะ”

อันที่จริง ท่านอ๋องไม่ได้นอนเลย ก่อนหน้านี้เธอแค่พูดโกหกไปอย่างไม่คิดอะไร

เฉินเสียนถือถ้วยยาในมือ เดินผ่านหลานเอ๋อร์ไปและกล่าวว่า “ในเมื่อตื่นแล้ว งั้นเจ้าก็ไม่ต้องเข้าไปแล้ว”

หลานเอ๋อร์ยังไม่ทันได้ขัดขวาง เฉินเสียนก็ผลักประตูห้องเข้าไปแล้ว

ทันทีที่เฉินเสียนเงยหน้าขึ้น เธอเห็นซูเจ๋อนั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง แสงอาทิตย์ที่อยู่นอกหน้าต่างนั้นอบอุ่น โดยทั่วไปแล้วจะส่องไปที่หน้าต่างหลายบาน ครึ่งหนึ่งของดวงอาทิตย์ตกบนร่างกายของเขา

เฉินเสียนหยุดชั่วคราว ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและกล่าวว่า “ได้เวลากินยาแล้ว”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset