หลิ่วเหมยอู่ชี้นิ้วไปที่เฉินเสียน พูดเสียงสั่นเครือ “องค์หญิงกำลังใส่ร้ายท่านแม่ทัพนะเพคะ ท่านแม่ทัพจะอยู่กับผู้หญิงต่ำต้อยคนนี้ได้อย่างไร! เมื่อคืนนี้ท่านแม่ทัพอยู่กับข้าที่สวนดอกพุดตาน!”
เฉินเสียนยิ้มและกล่าวว่า “เหมยอู่อย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย บางทีข้าอาจจะดูผิด แต่เมื่อดูจากท่าทางของเซียงซั่นแล้ว เห็นได้ชัดว่านางถูกใช้ผลประโยชน์แล้วกำจัดทิ้ง ร่องรอยบนตัวนางโกหกใครไม่ได้อยู่แล้ว อธิบายได้ว่าเมื่อคืนผู้หญิงในศาลาคือนาง”
แค่รอให้ท่านแม่ทัพกลับมาแล้วถามว่าเมื่อคืนอยู่ในศาลาหรือเปล่า ก็จะได้รู้แจ้งกันแล้วล่ะ? ข้าเชื่อว่าท่านแม่ทัพ กล้าที่จะกระทำก็กล้าที่จะพูดและถ้าผู้ชายที่มีความสัมพันธ์กับเซียงซั่นเป็นท่านแม่ทัพ เขาจะยอมรับอย่างแน่นอน ถ้าไม่เช่นนั้นท่านแม่ทัพจะไม่เอาเรื่องมาใส่ตัวไว้หรอก ตอนนั้นยังไม่สายเกินไปที่จะจัดการเจ้าคิดอย่างไรเหมยอู่?”
ตั้งแต่ต้นจนจบ เซียงซั่นไม่เคยแย้งเพื่อตัวเอง นางขายความสงสาร ให้คนรู้สึกแบบนาง
หลิ่วเหมยอู่อยากจะรีบจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด และกำจัดเซียงซั่นในเวลาอันสั้น สิ่งที่เกลียดก็คือ เฉินเสียนยื่นมือเข้ามาข้องเกี่ยว นี่มันทำให้เรื่องง่ายเป็นเรื่องยาก!
ตอนนี้ เรื่องฉินหรูเหลียงกับเซียงซั่นก็แพร่กระจายไปทั่วจวนแม่ทัพอีกครั้ง
หลิ่วเหมยอู่ไม่สามารถหาเหตุผลที่จะกำจัดเซียงซั่นได้ตามใจ ทำได้แค่เพียงรอให้ฉินหรูเหลียงกลับมา
ตามนิสัยของฉินหรูเหลียง เขาภูมิใจในความซื่อตรงและซื่อสัตย์ และเขาจะไม่ปฏิเสธในสิ่งที่เขาเคยทำ
เป็นผลให้ในตอนเย็น ทันทีที่เขากลับมา ฉินหรูเหลียงต้องเผชิญหน้ากับเซียงซั่น
ในเวลานี้ไม่มีใครสนใจว่าเซียงซั่นกำลังวางกลอุบายกับเสื้อผ้าของหลิ่วเหมยอู่หรือไม่ เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ทุกคนคาดหวังคำตอบก็คือเมื่อคืนนี้ท่านแม่ทัพและเซียงซั่นมีอะไรกันแน่หรือไม่
แม้แต่หลิ่วเหมยอู่เองก็สนใจแค่ว่าผลสุดท้ายฉินหรูเหลียงจะยอมรับหรือไม่
ตอนจบก็ชัดเจน
ฉินหรูเหลียงรู้สึกเสียใจต่อหลิ่วเหมยอู่ แต่ยังคงเก็บเซียงซั่นไว้
เพราะเขาทำเรื่องนี้ไว้จริงๆ
ท่านแม่ทัพรักใคร่สาวใช้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะวิพากย์วิจารย์ได้ เป็นเรื่องส่วนตัวของท่านแม่ทัพ เนื่องจากเหตุนี้เซียงซั่นก็สามารถหลีกเลี่ยงการถูกโบยจนตายคาที่นั่นได้
หลิ่วเหมยอู่เข้ามาหาเรื่องเซียงซั่นอย่างโกรธแค้น สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องวุ่นวายที่คนในจวนพูดถึงอีกนาน
กระดาษติดหน้าต่างชิ้นนี้ถูกดึงออกแล้ว ในตอนนี้ฉินหรูเหลียงและหลิ่วเหมยอู่ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากันอย่างไร
ทั้งสองคนต่างก็เงียบเป็นเวลาหลายวัน
ถ้าคราวที่แล้วบอกว่าเป็นซุปผสมยาปลุกอารมณ์ คราวนี้ฉินหรูเหลียงเองก็ควบคุมตัวเองได้ไม่ดี
แม้ว่าเจ้านายจะยังไม่รู้ว่าจะจัดการกับเซียงซั่นอย่างไรดี แต่สถานะของเซียงซั่นนั้นสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปกติแล้วคนที่ชอบดูแคลนนางก็รีบมาประจบประแจงกันใหญ๋
เซียงซั่นอาศัยอยู่ในเรือนบ่าวรับใช้ แต่ไม่มีใครกล้าให้นางทำงานของคนใช้ ในจวนแม่ทัพนางสามารถเดินไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ
หลังจากที่เซียงซั่นได้รับข้อยกเว้นนี้ นางก็รีบไปที่สวนสระวสันตฤดูเป็นอันดับแรก
เซียงซั่นกล่าวว่า “คราวนี้ขอบพระคุณองค์หญิงที่ช่วยหม่อมฉันทันเวลาเพคะ”
เฉินเสียนนอนลงใต้ร่มไม้ พินิจพิจารณา กะพริบตาฟังคำที่เซียงซั่นกล่าว และกล่าวว่า “แน่นอน เพราะข้าลงเงินกับเจ้าไป”
“มีเรื่องที่บ่าวไม่เข้าใจเพคะ” เซียงซั่นเอ่ยเรียบๆ “ครั้งที่แล้วที่ท่านแม่ทัพปฏิบัติต่อบ่าว…ดุร้ายราวกับหมาป่ากับเสือยังไงยังงั้นเพคะ แต่ปกติบ่าวเข้าใจว่าท่านแม่ทัพเป็นคนควบคุมตนเองได้มาก และบ่าวก็เกรงว่าเรื่องจะเกิดเรื่องเหมือนครั้งที่แล้ว…”
“เจ้ากลัวหรือ?” เฉินเสียนหัวเราะ เหล่มองนางแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่คิดว่าเจ้ากลัว แต่กลับเหมือนได้ลิ้มรสความหวาน อยากรู้ไหมว่าข้าใส่อะไรลงในกล่องขี้ผึ้งหอม?”
เซียงซั่นหยุดเดินเป็นวนแล้วกล่าวว่า “เพคะ บ่าวอยากรู้ คราวที่แล้วท่านแม่ทัพบอกว่าบ่าวหอมมาก กลิ่นหอมทำให้ท่านแม่ทัพคลั่งแทบบ้า และคืนนั้นบ่าวก็ทาเพียงแค่ขี้ผึ้งหอมที่องค์หญิงให้เพคะ”
เฉินเสียนใช้นิ้วเคาะที่จับเก้าอี้ กล่าวอย่างครุ่นคิด “สูตรลับ ทำไมข้าต้องบอกเจ้าล่ะ?”
เซียงซั่นตกตะลึง
เฉินเสียนลุกขึ้น ขาของเธอทั้งสองข้างตกลงที่พื้น และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “กล่องแรกนี้เป็นการลงทุนของข้า ข้าสามารถให้เจ้าได้โดยไม่ต้องเสียเงิน แต่กล่องที่สองและกล่องที่สามไม่สามารถยกให้โดยไม่มีค่าตอบแทนได้”
เซียงซั่นเงยหน้าขึ้นมองเฉินเสียน “องค์หญิงต้องการทำข้อตกลงระยะยาวกับบ่าวใช่หรือไม่เพคะ?”
เฉินเสียนใช้นิ้วช้อนคางของนางและกล่าวอย่างสบาย ๆ ว่า “นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้ามีทุนหรือไม่ แทนที่จะเสียเวลากับข้า เจ้าควรคิดว่าจะเป็นภรรยาคนที่สามได้อย่างไรดีกว่า เมื่อเจ้าได้กลายมาเป็นภรรยาคนที่สาม จะมีขี้ผึ้งหอมเท่าไหร่ก็ได้มิใช่หรือ?”
แน่นอนว่าเซียงซั่นต้องการเป็นภรรยาคนที่สาม แม้แต่ฝันนางก็ยังคิดเสมอ
แต่ทุกวันนี้ฉินหรูเหลียงได้แสดงออกเรื่อยๆอย่างเชื่องช้า รอต่อไปเช่นนี้ เกรงว่าจะเป็นแค่ฝันกลางวัน
เซียงซั่นกล่าวว่า “ตั้งแต่ครั้งที่แล้ว เป็นเรื่องยากสำหรับบ่าวที่จะได้พบกับท่านแม่ทัพอีกครั้ง องค์หญิงโปรดชี้แนะด้วยเพคะ”
เฉินเสียนกล่าว “เจ้าจะทำอย่างไรนั่นก็เป็นเรื่องของเจ้า ข้าสามารถผลักดันเจ้าได้ในช่วงคับขัน แต่ถ้าเจ้าเอาผลลัพธ์ที่เกินจินตนาการไปใช้กับคนอื่น ต่อไปเจ้าต้องชดใช้หนี้อีกมากเลยทีเดียว”
“บ่าวเข้าใจแล้วเพคะ”
เซียงซั่นออกจากสวนสระวสันตฤดูโดยไม่ได้สิ่งที่นางต้องการ
ขี้ผึ้งหอมกล่องนั้นถูกใช้จนหมด และนางไม่สามารถใช้มันเพื่อยั่วยวนฉินหรูเหลียงได้ และเฉินเสียนก็ไม่ยอมที่จะแนะนำก้าวต่อไปให้นาง
ขอแค่นางได้กลายเป็นภรรยาคนที่สามเท่านั้น นางจะมีโอกาสได้ครอบครองฉินหรูเหลียง
เช่นนี้ นางไม่มีทางเลือกทางอื่นได้นอกจากต้องใช้วิธีการของนางเอง
เฉินเสียนไม่ใช่ศัตรูของนางในตอนนี้ แต่นางไม่เคยคิดอยากเป็นมิตรกับเธอ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นแค่มีผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน
หากไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย เซียงซั่นก็ไม่อยากจะเพิ่มเฉินเสียนเป็นศัตรูอีกคนหรอกนะ
เซียงซั่นกลับมาคิดอย่างถีถ้วน เมื่อนึกถึงท้องโตๆของเฉินเสียน จึงตัดสินใจปล่อยนางไป
ถ้านางตั้งท้องลูกของท่านแม่ทัพด้วย?
เซียงซั่นคิดถึงบ่าวซื่อสัตย์ที่คอกม้า
ตอนกลางคืนนางนัดบ่าวคนนั้นไปที่ป่ามืดรกทึบในสวนหลังบ้าน ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่หลังจากกัน บ่าวคนนั้นก็คิดถึงไม่เคยลืมอยู่กับเซียงซั่น
อย่างไรก็ตามเมื่อรู้ว่าเซียงซั่นกลายเป็นคนของท่านแม่ทัพ บ่าวคนนั้นก็หยุดคิดถึงเรื่องนี้
แต่ตอนนี้เซียงซั่นบอกว่านางต้องการมีลูก
บ่าวคนนั้นทั้งตื่นตระหนกทั้งเกรงกลัว เกรงว่าเขาจะสร้างปัญหาได้ แต่กลับถูกเซียงซั่นเชิญชวน
ในที่สุด บ่าวคนนั้นก็ยอมจำนน และทั้งสองก็เข้าไปกอดรัดกันในป่า
บ่าวคนนั้นเมื่อได้หนึ่งครั้งก็อยากจะมีครั้งต่อไป และมาที่นี่เพื่อพบกับเซียงซั่นทุกคืนตามเวลาที่กำหนด ไม่มีใครรู้ทั้งสิ้น
เฉินเสียนไปที่บ้านของเหลียนชิงโจวอยู่ตลอด
การต่อสู้ระหว่างหลิ่วเหมยอู่และเซียงซั่นยังไม่เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ ละครบทนี้นั้นยาวเกินไปแล้ว
เฉินเสียนไม่มีความสนุกหรือความตื่นเต้นใด ๆ ทั้งวัน เธออยู่แต่ในสวนสระวสันตฤดูจนกำลังจะเฉา มีเพียงเรือนเหลียนชิงโจวเท่านั้นที่เป็นที่ที่ดี
เหลียนชิงโจวก็ไม่ปฏิเสธ แถมยังส่งเกี้ยวไปรับเฉินเสียนทุกครา
เมื่อฉินหรูเหลียงกลับมา เขายังคิดว่าเขาไม่ค่อยได้เจอเฉินเสียน เมื่อถามออกไป พ่อบ้านกล่าวว่า “องค์หญิง… ไปเรือนของ คุณชายเหลียนอีกแล้วขอรับ”
เรื่องต่างๆในเรือนนี้กำลังจะรุมเร้าฉินหรูเหลียงตาย
เซียงซั่นก็ยังไม่รู้วิธีจัดการ หลิ่วเหมยอู่ในใจอาจเชื่อแล้วว่าเขาเป็นคนผิด และเฉินเสียน ท้องโตเช่นนี้แล้วยังอยากจะวิ่งแจ่นออกไปตลอดทั้งวัน!
หากสิ่งนี้แพร่กระจายออกไป คนนอกคิดว่าเฉินเสียนและเหลียนชิงโจวมีอะไรกันล่ะ นั่นไม่ใช่ว่าตัวเขาฉินหรูเหลียงกำลังถูกสวมเขาอยู่หรือ?
ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห