เย่ซวิ่นกล่าวว่า “ไม่มีอะไร ข้าแค่จะดูว่าหน้าของเจ้าใหญ่เท่าฝ่ามือของข้าหรือไม่?”
ทันทีที่ฝูหลิงได้ยิน นางก็รู้สึกหน้าแดงและกล่าวว่า “อยู่กันดีดี พระองค์อย่าได้ลงไม้ลงมือเลยเพคะ หม่อมฉันไม่ต้องการคิดอะไรเกินเลยกับคนไข้ของหม่อมฉัน”
เย่ซวิ่นยิ้มอย่างเย้ยหยันและกล่าวว่า “ใครจะไปคิดอะไรกับเจ้า ไม่หัดดูตัวเองบ้าง วัน ๆ ใส่แต่ชุดหมอหลวง เด็กกะโปโล จะมีผู้ชายคนไหนตาบอด…”
ตอนนี้เย่ซวิ่นเป็นฝ่ายที่ตะโกนใส่ฝูหลิง “เจ้าทำอะไรน่ะ!”
ก่อนหน้านี้ ฝูหลิงมือสั่นจึงทำให้เข็มเงินทิ่มลงไปลึกเกิน แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดที่เย่ซวิ่นพูดมากระตุ้นอารมณ์ของนาง เมื่อนางโกรธนางก็กดเข็มลงไปที่จุดฝังเข็มให้ลึกอีก
เย่ซวิ่นรู้สึกเจ็บปวดและรู้สึกชา
เมื่อฝูหลิงเห็นดังนนี้ นางจึงรีบยกเข็มขึ้น ด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อยและกล่าวว่า “เพิ่มความทรงจำให้กับพระองค์ ครั้งหน้าจะได้รู้จักเคารพหมอหลวงเสียบ้าง!”
ใครจะไปคิด ในชั่วพริบตา เย่ซวิ่นก็เปลี่ยนไป
คราวนี้ไม่ได้อยู่ในสถานะยกเพียงครึ่งหนึ่งอีกต่อไป แต่ยืดตัวตรงเหมือนกับถูกฉีดด้วยเลือดไก่ยังไงยังงั้น
ฝูหลิงดีใจมาก “ดีขึ้นแล้ว ดีขึ้นแล้ว! ดูเหมือนการฝังเข็มผิดของหม่อมฉัน ทำให้พระองค์หายดีแล้ว!”
เมื่อเย่ซวิ่นได้เห็น เขาก็ผงะไปชั่วครู่ ยังไม่ทันที่เขาจะดีใจ ร่างกายของเขาถูกแรงกระตุ้นพัดพาไป และดวงตาของเขาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง
ความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกทั้งแปลกและคุ้นเคย และเขารู้ว่านี่คือความรู้สึกของการเป็นผู้ชาย แต่ไม่ใช่เหมือนของตายด้านที่เมื่ออยู่กับฝูหลิง ก็ปล่อยให้นางจับต้องตามอำเภอใจ และตัวเองก็ไม่มีความรู้สึกใด ๆ
ฝูหลิงเก็บกล่องยาของนางแล้วกล่าวย้ำว่า “พระองค์เพิ่งจะหายดี ต่อไปยังต้องพักฟื้นรักษาตัวเพื่อดูอาการ อย่าเพิ่งดีใจเกินไปเลยเพคะ”
เย่ซวิ่นยังคงมีสติดีอยู่ เขาดึงมุมเสื้อผ้าของเขาไปปิดรากที่ต้นขาของเขา แต่ความร้อนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้กลืนกินความประสงค์ของเขาอย่างรวดเร็ว และประสาทสัมผัสของเขาเริ่มอ่อนไหว และแม้กระทั่งกลิ่นหอมของยาที่เล็ดลอดออกมาจากร่างของฝูหลิง และมาพร้อมกับกลิ่นหอมของร่างกายของผู้หญิงก็แทรกซึมจมูกของเขาในเวลาเดียวกัน
เขารู้สึกตื่นเต้นมาก
เย่ซวิ่นจับหน้าผากของเขา ส่ายหัวและพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ไม่ใช่สิ” แม้ว่าจะคุ้นเคยกับความรู้สึกของการยืนตรง แต่กลับใหญ่เกินขอบเขตไปมาก เขารู้สึกมีบางอย่างผิดแปลกไปมาก
ฝูหลิงกะพริบตาและกล่าวว่า “ตรงไหนที่แปลกไปหรือเพคะ?”
“เมื่อสักครู่เจ้าจับต้องตรงไหนของข้าบ้าง? ทำไมถึง…แข็งแกร่งขนาดนี้?”
ฝูหลิงคิดว่าอาจเป็นเพราะนางเพิ่งฝังเข็มเข้าไปลึก ดังนั้นเขาจึงมีปฏิกิริยาตอบโต้ที่รุนแรง นางพูดอย่างเป็นกันเองว่า “แบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือเพคะ อาจเป็นเพราะพลังงานที่สะสมมาตลอดหลายปีนั้นแข็งแกร่งเกินไป จึงทำให้รู้สึกแข็งแกร่งมาก แค่ทำความคุ้นเคยกับมันก็ได้แล้วเพคะ”
พูดจบนางก็สะพายกล่องยาเดินออกไป
เย่ซวิ่นกล่าวด้วยเสียงต่ำ “แล้วข้าจะทำอย่างไรให้สงบลงได้”
ฝูหลิงตบลงที่หน้าอกของเขาเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “หายใจเข้าลึก ๆ ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวเอง”
เย่ซวิ่นจ้องที่นาง
ฝูหลิงคิด ให้น้ำเย็นหนึ่งแก้วแก่เขา บางทีเขาอาจจะสงบลงได้ ดังนั้นนางจึงวางกล่องยาลงและเทน้ำเย็นหนึ่งแก้วให้เขาโดยไม่รู้สึกรำคาญแต่อย่างไร
และเมื่อฝูหลิงเดินมาหาเขาพร้อมกับน้ำในมือ เขาไม่ได้หยิบมันขึ้นมาทันที แต่หายใจเข้าลึก ๆ ราวกับพยายามยับยั้งตัวเอง
ไม่คิดว่าทุกลมหายใจจะผสมกับกลิ่นหอมของยาของฝูหลิงและกลิ่นอายของหญิงสาว ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อเขา
ฝูหลิงเห็นว่าเหตุการณ์ไม่ค่อยปกตินัก นางถอยออกไป และกล่าวอย่างไม่ค่อยแน่ใจว่า “พระองค์จะยังดื่มน้ำอีกไหมเพคะ? หม่อมฉันวางไว้ให้ที่โต๊ะ หม่อมฉันกลับสำนักหมอหลวงก่อนนะเพคะ”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นางจะหันหลังกลับ เย่ซวิ่นก็เอื้อมมือออกไปจับข้อมือของเธออย่างดุเดือด
แก้วน้ำในมือของฝูหลิงกำลังสั่น
นางฟังเย่ซวิ่นกล่าวว่า “ข้าสงบลงไม่ได้ ต้องทำอย่างไร”
ฝูหลิงพยายามผลักออก และกล่าวด้วยความกลัวเล็กน้อย “พระองค์บอกเพียงให้หม่อมฉันทำให้มันยกขึ้นมา ไม่ได้บอกให้หม่อมฉันทำให้มันกดลง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหม่อมฉันเพคะ”
เย่ซวิ่นหยิบแก้วน้ำจากมือของนาง แต่ไม่ยอมปล่อยนางไป และดื่มน้ำเย็นในแก้วจนหมด นำแก้วน้ำกลับเข้าไปในมือของนาง และพยายามคลายมือจากนางเล็กน้อย เขากล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง “งั้นเจ้ารีบออกไปเถอะ”
ฝูหลิงรู้สึกราวกับฟื้นคืนสติของนาง นางหันหลังกลับและกำลังจะวางถ้วยน้ำลง และรีบสะพานกล่องยาแล้วออกมา
แต่ทันทีที่นางหันหลังกลับ ข้อมือของนางก็ถูกไว้อย่างแรงโดยไม่ทันได้ตั้งตัว และกระแทกนางไปที่เก้าอี้ตัวยาว สายตาที่หมุนไปมา เมื่อนางมีสติตอบสนอง นางก็นอนอยู่ภายใต้ร่างของเย่ซวิ่นเสียแล้ว
แก้วน้ำในมือหล่นลงพื้นแล้วกลิ้งออกไป
ผมของเย่ซวิ่นยาวมาก ร่วงลงมาที่แก้มของฝูหลิงทั้งสองข้าง ณ เวลานี้ มันช่างงดงามราวกับนางฟ้า
ฝูหลิงราวกับถูกบีบคอและพูดด้วยความลำบากว่า “พระองค์บอกว่าจะให้หม่อมฉันไป…ไง…”
เย่ซวิ่นค่อย ๆ แนบลงไปที่ร่างของนางแล้วกล่าวว่า “ข้าเสียใจ แปลกมาก ตอนนี้ข้าต้องการเจ้ามาก ประมาณว่าในหลายเดือนมานี้ เจ้าจับมัน เล่นกับมัน กลั่นแกล้งมัน ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่มันจะจับเจ้า กลั่นแกล้งเจ้า และรังแกเจ้าบ้างแล้ว”
ก่อนหน้านี้เย่ซวิ่นเคยแอบสาบานว่าจะจัดการกับนาง แต่เขาไม่คิดว่าจะจัดการกับนางด้วยวิธีนี้ แต่สติของเขาพังทลายลง เหลือเพียงสัญชาตญาณของร่างกายเท่านั้น
ทำไมผู้หญิงธรรมดาไม่น่ามองใส่ชุดหมอหลวงคนนี้ ตอนนี้ถึงดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลถึงเพียงนี้
ใบหน้าของนางขาวและอ่อนโยน ปากเล็ก ๆ ของนางเป็นสีแดง และดวงตาสีดำและสดใสขอนางก็เต็มไปด้วยน้ำตา
ฝูหลิงกลัวมาก นางไม่เคยคิดเลยว่าจะมีสิ่งแบบนี้เกิดขึ้นกับนาง
นางมักจะคิดด้วยความอุ่นใจว่าเย่ซวิ่นจะยกไม่ขึ้น และเขาคงจะไม่ทำมิดีมิร้ายกับนางอย่างแน่นอน แต่ในวันสุดท้ายของการรักษา กลับมีบางอย่างผิดปกติ
ฝูหลิงดิ้นรนอยู่ภายใต้ร่างกายของเขา
เย่ซวิ่นมองเข้าไปในดวงตาของนาง ใช้นิ้วปาดน้ำตาของนางและกล่าวว่า “อย่าร้อง ทำไมเจ้าถึงตัวเล็กและน่ามองเช่นนี้”
เขายื่นมือออกมาอีกครั้งแล้วทำท่าทาง “ใบหน้าของเจ้าเล็กมาก ข้าสามารถจับไว้ในฝ่ามือได้เลย”
ฝูหลิงกะพริบตาและจ้องมาที่เขาอย่างว่างเปล่า
จนกระทั่งเย่ซวิ่นก้มศีรษะเพื่อสัมผัสริมฝีปากของนางและจูบนางอย่างหลวมตัว นางรู้สึกราวกับถูกโยนลงไปที่พื้น ตกลงไปในโคลน ร่างกายของนางรู้สึกหนักด้วยการกดทับ และนางรู้สึกหายใจไม่ออก
เรี่ยวแรงของนางหรือจะสู้แรงของเย่ซวิ่นได้ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังแทบจะเป็นบ้าอยู่ในขณะนี้
เย่ซวิ่นกดทับริมฝีปากของนางเพื่อป้องกันไม่ให้นางตะโกน และจูบนางเพื่อที่นางไม่มีแรงต้านทาน ขณะที่พยายามถอดชุดหมอหลวงของนางออกทีละชิ้น
ทันทีที่ชุดเครื่องแบบหมอหลวงตกลงกับพื้น ผมก็กระจัดกระจายต่อหน้าต่อตาเขาราวกับกลุ่มควันที่ดึงความในใจของเขาออกมา