เหลียนชิงโจวสั่งให้คนใช้ไปเอาลูกเชอร์รี่มา
เฉินเสียนยกเค้กออกจากกล่อง จากนั้นก็วางลูกเชอร์รี่สีแดงสดไว้ตรงกลางเค้ก พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ห้องครัวของข้ามีวัตถุดิบไม่ครบ ถึงแม้ว่าจะอบไหม้ไปสักหน่อย แต่ก็ยังถือว่ากินได้”
เหลียนชิงโจวเงียบไปครู่หนึ่ง : “นี่มันคืออะไร?”
“เค้กวันเกิดไง” เฉินเสียนตอบกลับ : “จิ้งจอกเหลียน สุขสันต์วันเกิด”
เหลียนชิงโจวอึ้งตาค้าง จากนั้นก็มีประกายแสงอันอบอุ่นปรากฏขึ้นบนดวงตาของเขา เขายิ้มขึ้นอย่างทำตัวไม่ถูก : “องค์หญิง มีน้ำใจแล้ว”
เฉินเสียนเงยหน้าขึ้นมองเขา : “เจ้ารู้สึกเกรงใจเหรอ?”
เหลียนชิงโจวตอบกลับไปว่า : “หลายปีมานี้กระหม่อมอยู่แต่ข้างนอก ยังไม่เคยมีผู้ใดจัดวันเกิดให้หระหม่อม”
“ต่อไปภายภาคหน้า ข้าจะจัดวันเกิดให้เจ้าเอง” แสงสว่างของเปลวไฟในตะเกียงกระทบใบหน้าของเธอ สีหน้าท่าทางสงบสุขุม รอยยิ้มที่อ้อยอิ่ง ทำผู้อื่นใจสั่นไม่น้อย
“ฉินหรูเหลียงคงจะตาบอดสนิท” เหลียนชิงโจวจู่ๆ ก็พูดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“หา?”
เหลียนชิงโจวยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เขาไม่รู้จักรักษาทะนุถนอมองค์หญิง ผู้หญิงอย่างองค์หญิง สามารถพบเจอแต่ไม่สามารถเรียกร้องให้กลับมาได้” เขาตักชิมเค้กที่เธอทำมาให้ อร่อยหวานสดชื่น หอมกรุ่นรสชาติดี
เฉินเสียนยิ้มขึ้นที่มุมปาก พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ขอเพียงแค่ข้าไม่ได้ตาบอดก็เพียงพอแล้ว”
มื้อค่ำที่สมบูรณ์แบบ เฉินเสียนและอวี้เยี่ยนก็พากันนั่งลงทานอาหารด้วยกัน
เพียงแค่นึกขึ้นว่าฉินหรูเหลียงคงจะยังหิวข้าวอยู่ เฉินเสียนก็รู้สึกอร่อยขึ้นมาเป็นกอง
เหลียนชิงโจวคีบกับข้าวให้เธอ และปอกกุ้งให้เธอด้วยตัวเขาเอง โดยไม่ต้องถึงมืออวี้เยี่ยนเลย อวี้เยี่ยนดูแล้ว ทั้งคู่ที่อยู่ใต้แสงตะเกียงนี้ ราวกับเป็นครอบครัวเดียวกันไม่มีผิด
เหลียนชิงโจวพูดขึ้นว่า : “ตอนนี้ดึกมากแล้ว กระหม่อมไม่วางใจให้พระองค์เดินทางกลับไปคนเดียว คืนนี้พักที่เรือนกระหม่อมดีกว่าหรือไม่ องค์หญิงเห็นสมควรอย่างไร?”
“ตรงใจข้ามาก ข้าเองก็ไม่ชอบเดินทางยามค่ำคืน” เฉินเสียนทานอิ่มแล้ว ก็หลับตาพริ้มด้วยความพึงพอใจ
อวี้เยี่ยนพูดขึ้นว่า : “องค์หญิง แบบนี้ไม่เหมาะหรือเปล่าเพคะ?”
เหลียนชิงโจวยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยขององค์หญิงทั้งนั้น แต่หากองค์หญิงยืนกรานต้องการจะกลับ กระหม่อมก็เพียงแค่ให้คนของกระหม่อมส่งองค์หญิงกลับไปก็เท่านั้น”
เฉินเสียนอิงหัวกับมือ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน : “ตอนออกมาข้าได้บอกสุนัขฉินแล้วว่าวันนี้จะไม่กลับไป ถ้าหากกลับไปตอนนี้ไม่เสียหน้าแย่หรอกหรือ? องค์หญิงจะขอค้างที่นี่นี่แหละ”
อวี้เยี่ยนใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง จริงสิ ถ้าเกิดท่านแม่ทัพไม่ยอมจบเรื่องจบราว กลับไปแล้วท่านแม่ทัพยังมาหาเรื่ององค์หญิงล่ะ แล้วจะทำยังไงดี?
ดูแล้วค้างที่นี่หนึ่งคืนน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เหลียนชิงโจวกำลังเตรียมห้องรับรองแขกในเรือนส่วนตัว ที่กลางเรือนมีกุหลาบหอมกรุ่น ลมเย็นพัดเบาๆ พลอยทำให้จิตใจเบิกบานผ่อนคลาย
ในห้องถูกจัดเตรียมอย่างเหมาะสม เพียงแค่เปิดหน้าต่างก็เห็นดอกกุหลาบที่เลื้อยเต็มรั้วบานสะพรั่งไปทั่ว
อวี้เยี่ยนเด็ดกลีบดอกไม้มาจำนวนหนึ่ง กะว่าจะนำมาให้องค์หญิงใช้ตอนอาบน้ำ
อวี้เยี่ยนสำรวจไปทั่วห้องอย่างละเอียด แล้วพูดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจนัก : “องค์หญิง หม่อมฉันรู้สึกว่า คุณชายเหลียนจะใส่ใจองค์หญิงมากเป็นพิเศษ แม้แต่ชุดที่ใช้สวมใส่นอนก็ยังเตรียมไว้ให้”
นั่นคือชุดผ้าไหมสีขาว ที่ค่อนข้างเรียบ
ไม่นานคนรับใช้ก็ยกน้ำร้อนมา เติมอ่างอาบน้ำจนเต็ม อวี้เยี่ยนโรยกลีบดอกไม้ลงบนผิวน้ำ เวลานี้มีเพียงกลิ่นหอมกรุ่นของดอกไม้ที่ฟุ้งกระจายไปทั่ว
กลางวันอากาศค่อนข้างร้อน หลีกเลี่ยงเหงื่อที่เปียกชุ่มทั้งตัวไม่ได้ ตกกลางคืนมาหากไม่ได้อาบน้ำ เฉินเสียนคงจะนอนไม่หลับ
เฉินเสียนแช่ตัวลงไปในอ่างอาบน้ำ หลับตาสงบจิตใจ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเป็นคนละเอียดอ่อนและค่อนข้างเอาใจใส่มากทีเดียว”
“หม่อมฉันแอบสงสัยจังว่า……คุณชายเหลียนจะชอบองค์หญิง?”
“หา?” เฉินเสียนหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เขามีอะไรให้เจ้าสงสัยล่ะ?”
อวี้เยี่ยนหน้าแดงขึ้นมา : “หม่อมฉันก็เพียงแค่พูดไปอย่างงั้นเพคะ”
“อวี้เยี่ยน เจ้ากำลังเป็นสาวสะพรั่งที่กำลังต้องการชายใช่หรือไม่?” เฉินเสียนหยิกแก้มของนาง พร้อมกับหัวเราะขึ้นมา
อวี้เยี่ยนกุมใบหน้าของนางพร้อมกับอธิบายว่า : “องค์หญิงอย่าทรงล้อหม่อมฉันเล่นเลยเพคะ หม่อมฉันเปล่าเสียหน่อย”
“ยังจะบอกว่าเปล่า ดูแก้มของเจ้าสิ แดงเป็นผลแอปเปิลเชียว”
“หม่อมฉัน หม่อมฉันเพียงแค่คิดถึงความสุขในบั้นปลายชีวิตแทนองค์หญิงเพคะ”
และแล้ว ความสงสัยของอวี้เยี่ยนก็ถูกทำลายลง เห็นเฉินเสียนค่อนข้างเหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย เมื่ออาบน้ำแล้วก็สวมชุดคลุม อวี้เยี่ยนก็ช่วยประคองเธอไปนอนที่เตียง
อวี้เยี่ยนคอยไล่ยุงอยู่ข้างกายไม่ห่าง นางเกาะอยู่ที่ข้างเตียงคอยใช้พัดช่วยพัดวีให้เฉินเสียน พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “องค์หญิงนอนอย่างสบายใจเถอะเพคะ หม่อมฉันจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน”
เฉินเสียนมองเด็กน้อยที่ดวงตาประกายแวววาว แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “ในเรือนนี้เย็นสบาย เจ้าไม่ต้องพัดวีให้ข้า เจ้าเองก็ไปนอนเถอะ กลางดึกหากมีอะไรข้าจะเรียกเจ้าเอง”
ในสวนสระวสันตฤดูเฉินเสียนเองก็ไม่ชินที่จะให้อวี้เยี่ยนนอนเฝ้า กลางคืนนอนอิ่มแล้วกลางวันจะได้สดชื่นมีชีวิตชีวา
ห้องข้างๆ ก็ถูกตกแต่งพอควร อวี้เยี่ยนไปอาบน้ำที่ห้องข้างๆ แล้วก็จะเข้านอนเลย
อวี้เยี่ยนที่ยังเป็นห่วงไม่วางใจ เฉินเสียนยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เจ้าไม่กลัวว่ากลางดึกข้าจะพลิกตัวแล้วหันกลับมา พอลืมตาขึ้นก็เห็นมีคนมาเกาะอยู่ข้างเตียง แล้วข้าจะตกใจจนคลอดก่อนกำหนดหรอกหรือ?
อวี้เยี่ยนถลึงตา : “องค์หญิงพูดไปเรื่อย อย่าพูดจาไม่เป็นมงคลสิเพคะ?”
ห้องทั้งสองถูกแบ่งกั้นเพียงกำแพง หากมีเรื่องอะไรเฉินเสียนเพียงแค่เคาะกำแพงก็สิ้นเรื่อง อวี้เยี่ยนจึงค่อยยอมไปนอนห้องข้างๆ
ข้างห้องเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ กลางดึกมีลมเย็นพัดเข้ามาเบาๆ พัดเอาความร้อนของทั้งวันออกไป
เฉินเสียนที่วุ่นวายอยู่ในห้องครัวทั้งวันจนเหลือจะทน เพียงแค่หลับตาลงไม่นานก็หลับไปอย่างง่ายดาย
เมื่อจัดแจงให้เฉินเสียนพักผ่อนแล้ว อาหารที่เหลืออยู่บนโต๊ะ ส่วนใหญ่แทบจะไม่ได้แตะเลย เหลียนชิงโจวยังนั่งอยู่ในห้องอาหารอย่างนั้น ราวกับว่ากำลังรอใครบางคนอยู่
จนเด็กของพ่อบ้านวิ่งมาบอกว่า : “คุณชาย ใต้เท้าซูมาแล้ว”
เหลียนชิงโจวลุกขึ้นไปทักทาย เพิ่งจะเดินพ้นประตูห้องอาหาร ก็เห็นชายผู้หนึ่งใต้แสงจันทร์และดวงดาว สวมชุดดำทั้งชุด เดินออกมาจากความมืดมิด
หน้าห้องอาหารมีทางเท้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้ทั้งสองข้างทาง และเขาก็เดินอยู่บนทางดอกไม้นั้น ลมยามค่ำคืนพัดชายเสื้อของเขา และผมที่ดำสนิทบนบ่านั้น ทำให้ใบหน้านั้นดูสงบและลุ่มลึก สง่างามไร้เทียมทาน
จอนผมของเขาพลิ้วไสว ดวงตาที่เรียวยาว ในขณะที่กำลังเงยหน้าขึ้นมา ราวกับว่ากำลังมองดวงดาราบนท้องฟ้า ไร้คลื่น ไร้ขอบเขต
เดินตรงเข้ามาที่ขั้นบันไดห้องอาหารทีละก้าว แสงตะเกียงเหลืองอร่ามกระทบลงบนร่างของเขา ภายใต้แสงตะเกียงนั่น เขาดูราวกับรูปปั้นแกะสลักจากหยกเหลือง เนื้อสัมผัสสะอาดบริสุทธิ์ สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
เหลียนชิงโจวยกมือทักทาย : “อาจารย์”
ใครก็คงจะคิดไม่ถึง ว่าอาจารย์ที่เขาเคารพนับถือที่สุด จะเป็นชายอายุที่อายุน้อยขนาดนี้ ดูแล้วอายุคงจะมากกว่าเหลียนชิงโจวเพียงไม่กี่ปี เขายกมือขึ้นด้วยท่วงท่าที่สงบสูงส่งและสุขุมสง่างาม
ซูเจ๋อยืนอยู่ข้างประตู กวาดตามองไปที่ห้องอาหาร แล้วพูดขึ้นว่า : “คืนนี้ข้ามีสังสรรค์ จึงมาดึกหน่อย แล้วคนล่ะ?”
เหลียนชิงโจวพูดขึ้นว่า : “องค์หญิงพักผ่อนอยู่ในเรือน คิดว่าคงจะหลับไปแล้ว”
ซูเจ๋อมองไปยังเค้กที่มีลูกเชอร์รี่วางอยู่ด้านบน เหลียนชิงโจวรีบพูดขึ้นอย่างทำตัวไม่ถูก : “นี่เป็นเค้กที่องค์หญิงทำเองกับมือ บอกว่าเป็นเค้กวันเกิดของศิษย์”
“นางดีต่อเจ้าไม่น้อย”
เหลียนชิงโจวรีบตอบกลับอย่างจริงจัง : “องค์หญิงมองว่าศิษย์เป็นเพียงสหายคนหนึ่งเท่านั้น”
ซูเจ๋อยืนอยู่ข้างโต๊ะ หรี่ตามองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงหยิบเค้กขึ้นมาชิมนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้บอกว่าอร่อยหรือไม่
เหลียนชิงโจวพูดต่อไปว่า : “องค์หญิงพักอยู่ในเรือนกุหลาบญี่ปุ่น อาจารย์จะไปดูหน่อยหรือไม่?”