เมื่อฉินหรูเหลียงหันหน้ากลับมา เขาโกรธจนเส้นเอ็นปูดขึ้นมาบนขมับ แต่เขากลับไม่ได้ปล่อยเฉินเสียนเป็นอันดับแรก
เฉินเสียนแสยะยิ้มขึ้นที่มุมปาก พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “คอยดูว่าใครจะขายหน้ากว่ากัน!”
ในตอนแรกมีหลายคนที่หยุดเดินเพื่อจะดูเรื่องวุ่นวายนี้ แต่กลับไม่เห็นการกระทำทารุณกรรมของฉินหรูเหลียง ผู้คนจึงพากันแยกย้ายจากไป หลังจากนั้นฉินหรูเหลียงก็ไม่ได้ลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายเฉินเสียนอีกเลย
เฉินเสียนพาอวี้เยี่ยนเดินๆ หยุดๆ ชมตลาดยามเช้าไปตลอดทาง
ฉินหรูเหลียงที่เดินตามหลังเธอมาด้วยอดทน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก : “ชายชู้ก็คงเป็นเหลียนชิงโจวสินะ?”
“หา?”
ฉินหรูเหลียงสายตาลุกโชน : “ท่านกับเขาแอบแทงข้างหลังข้าตั้งแต่แรกแล้วใช่หรือไม่?” พูดจบจู่ๆ เขาก็หัวเราะขึ้นมา เขาเกลียดชังจนสรรหาคำพูดที่หยาบคายที่สุดเพื่อใช้เปรียบเปรยเฉินเสียน : “ข้านึกไม่ถึงเลยว่า ตอนที่ท่านยังเป็นคนเดิมที่โง่เขลา ท่านเองได้กระทำเรื่องที่น่ารังเกียจเยี่ยงนี้ตั้งแต่แรกแล้ว!”
“มือหนึ่งขอร้องวิงวอนฝ่าบาทเพื่อจะขอแต่งงานกับข้า อีกมือหนึ่งกลับกระทำเรื่องไร้ยางอายกับชายผู้อื่น หญิงเจ้าเล่ห์มารยาจิตใจโสโครกโสมมแบบท่าน นอกจากท่านแล้วคงไม่มีผู้อื่นอีก เฉินเสียน!”
เฉินเสียนสีหน้าสงบ ในแววตาไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น พูดขึ้นว่า : “ท่านรู้หรือไม่ว่าสีหน้าท่าทางเวลาที่ท่านด่าผู้อื่น มันน่าขยะแขยงแค่ไหน อย่าทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าท่านกำลังสนใจข้า”
พูดจบเธอก็หมุนตัวเดินไปข้างหน้าต่อ
ฉินหรูเหลียงพูดตามหลังว่า : “เป็นอะไรไป? กล้าทำแต่กลับกลัวคนอื่นจะว่างั้นรึ? ท่านมันเจ้าเล่ห์มารยาและจิตใจโสโครกโสมม ท้องโตขนาดนี้กลับไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ยังจะกล้าไปค้างแรมบ้านชายชู้ไม่ยอมกลับบ้าน! ผู้หญิงแบบท่าน คนธรรมดาคงจะไม่สามารถสนองความใคร่ของท่านได้ ผีสางรู้ว่าเมื่อคืนท่านได้ทำอะไรลงไปบ้าง คงจะมัวแต่ไปเสพสุขจนไม่ได้สนใจไยดีท้องโตๆ นั่นสินะ?”
เฉินเสียนหยุดเดิน
อวี้เยี่ยนโกรธจัด กำลังจะหันกลับไปด่า แต่ถูกเฉินเสียนดึงเอาไว้ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ข้าเคยบอกว่ายังไง เวลาถูกหมากัด เราจะกัดตอบหรือ?”
เฉินเสียนหันกลับมาช้าๆ ฟังฉินหรูเหลียงหัวเราะเย้ยหยัน : “ท่านบอกว่าข้าสนใจท่านงั้นรึ? ท่านจะนอนกับผู้ชายสักกี่คน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า? ท่านคิดว่าข้าจะเปลี่ยนใจไปชอบท่านอย่างงั้นรึ? แล้วเรื่องอะไรจะให้ท่านมาทำลายภาพลักษณ์ของจวนแม่ทัพ? ท่านคู่ควรหรือ?”
เฉินเสียนหัวเราะ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ท่านรีบร้อนอยากจะสวมเขาขนาดนี้ ข้าเองไม่ถือ เดี๋ยวกลับไปแล้วข้าจะสวมให้ท่านอย่างแน่นอน”
คำพูดที่ฉินหรูเหลียงพูดมา ราวกับว่าไม่ได้เข้าหูเธอเลยสักนิด เสียงพูดที่ค่อนข้างเบา และไม่สามารถให้คนทั้งถนนมาได้ยินด้วย
ผู้คนที่สัญจรไปมาต่างพากันเหลียวหลังกลับมาดู แต่เพียงแค่รู้สึกว่าสองสามีภรรยากำลังทะเลาะกันเท่านั้น
เขาเพียงแค่ต้องการให้เฉินเสียนอับอายขายหน้า เขาไม่ได้สุขใจจึงไม่ยอมให้เฉินเสียนได้สุขใจด้วย เพียงแค่ต้องการให้เธอได้รู้สึกถึงความอับอายและความอัปยศอดสู เท่านี้เขาก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว!
อย่างไรก็ตาม เฉินเสียนเป็นผู้หญิงที่หน้าหนายิ่งกว่าผนังกำแพงเหล็ก
เฉินเสียนออกนอกบ้านทั้งที เพื่อที่หลีกเลี่ยงการเจอหน้าที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง ที่ข้างหูจึงคล้องผ้าปิดหน้าไว้
จู่ๆ ฉินหรูเหลียงก็ยื่นมือมาปลดผ้าปิดหน้าของเธอออก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นถูกเปิดเผยต่อสายตาผู้คนกลางถนน
ฉินหรูเหลียงเบียดจนเธอเข้าไปในซอกหลืบ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เจ้าหน้าตาอัปลักษณ์ขนาดนี้ มีสิทธิ์อะไรไปให้ท่าผู้ชาย?” เขามองใบหน้าของเธออย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม แสยะยิ้มขึ้นที่มุมปาก พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ประชดประชัน : “ใช้เรือนร่างนี่รึ?”
เฉินเสียนแววตามืดสนิท ถึงแม้ว่าจะมีแสงสว่างจ้าสาดส่องลงมาจากชายคา แต่ก็มิอาจส่องสว่างให้แววตาที่มืดมิดนี้ได้
ผู้คนที่สัญจรไปมาจำนวนหนึ่งหยุดเดินเพื่อดูเหตุการณ์นี้
เฉินเสียนยืนอยู่ตรงหน้าฉินหรูเหลียง เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา
ไม่นานนัก จู่ๆ เธอก็ยื่นมือออกมา กำผมที่ประบ่าของฉินหรูเหลียง แล้วดึงลงมาสุดแรง
กระดูกที่มือของเธอนูนขึ้นเล็กน้อย มือคู่ที่แข็งแรงม้วนเส้นผมที่เรียงรายชัดเจน ราวกับกำลังถอนหญ้าไม่มีผิด เธอออกแรงดึงสุดแรงเกิด จนถอนโคนผมของฉินหรูเหลียงออกมาด้วย
การกระทำที่ค่อนข้างรวดเร็วจนเขาไม่ทันจะตั้งตัว ฉินหรูเหลียงคิดไม่ถึงเลยแม้แต่นิดว่าเธอจะกล้าลงไม้ลงมือท่ามกลางผู้คนแบบนี้ ราวกับว่าได้ทำสำเร็จแล้ว เขาจำเป็นต้องก้มหน้าลงตามแรงดึงของเธอโดยปริยาย แล้วจ้องมองเฉินเสียนตาเขม็ง : “ปล่อย”
เฉินเสียนเมินเฉยไม่สนใจ เชิดหน้า เลิกคิ้วขึ้นสูง พูดขึ้นด้วยความใจเย็น : “ท่านแม่ทัพฉิน ตอนนี้ข้าจะบอกท่าน ว่าข้าใช้อะไรในการให้ท่าผู้ชาย”
พูดจบ มืออีกข้างของเธอก็กำหมัดแน่น ชกไปที่ใบหน้าของฉินหรูเหลียงอย่างเต็มแรง
หมัดนี้โดนหน้าของฉินหรูเหลียงเข้าอย่างจัง ผู้คนที่มามุงดูต่างพากันตกใจเฮือก
ต้องใช้แรงต่อยขนาดไหน ถึงได้ต่อยผู้ชายร่างสูงใหญ่อย่างฉินหรูเหลียงจนถอยหลังโซเซได้
หญิงตั้งครรภ์รังแกไม่ได้เชียว
โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์อย่างเฉินเสียน บทจะโหดขึ้นมาไม่เสียเวลาพูดจาไร้สาระแม้แต่นิด กำหมัดแล้วพุ่งใส่ทันที
มุมปากของฉินหรูเหลียงแตกจนมีเลือดซึมออกมา
เขาถูกหมัดนี้ของเฉินเสียนต่อยจนมึน ภาพตรงหน้าพร่ามัว มีอาการหัวหมุนอย่างรุนแรง
เฉินเสียนคลายหมัดแล้วสะบัดมือ อวี้เยี่ยนเห็นมือของเธอแดงขึ้นมา จึงรีบถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง : “องค์หญิง เจ็บหรือเปล่าเพคะ?”
เฉินเสียนดันอวี้เยี่ยนไปอีกฝั่ง สายตาจ้องตรงไปที่ฉินหรูเหลียง พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ไปยืนตรงนู้น เดี๋ยวเจ้าจะบาดเจ็บเอาได้”
พูดจบเธอก็เดินตรงเข้าไป ฉวยโอกาสขณะที่ฉินหรูเหลียงยังไม่ทันได้ตั้งตัว ยื่นมือไปหยิบแจกันเครื่องลายคราม จากนั้นก็ทุบไปที่หัวของฉินหรูเหลียงอย่างจัง
ตลาดยามเช้าที่แสนจะครึกครื้นในตอนแรก จู่ๆ ก็เงียบลงอย่างผิดปกติ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะสองสามีภรรยาที่ตีกันกลางถนน
เฉินเสียนพูดขึ้นว่า : “ฉินหรูเหลียง ฟังให้ดีนะ ถึงแม้ว่าข้าจะต้องแบกคำก่นด่าสาปแช่งทั้งทั่วหล้า ขอแค่ไม่ต้องมีความข้องเกี่ยวกับท่าน ฉินหรูเหลียง ข้าจะต้องสะอาดกว่าท่านอย่างแน่นอน!”
แจกันดอกไม้ถูกทุบลงมาอย่างจัง ฉินหรูเหลียงยกมือขึ้นมาบัง เศษกระเบื้องกระจัดกระจายเต็มพื้น และปักโดนมือของเขาด้วย จนมือของเขาชุ่มไปด้วยเลือด
“เฉินเสียน ท่านเบื่อชีวิตแล้วหรือ?” ฉินหรูเหลียงยกมือข้างที่ไม่โดนเศษกระเบื้องของเครื่องลายครามขึ้นมาลูบใบหน้าของเขา จากนั้นก็ปัดเศษกระเบื้องที่ปักอยู่บนมือออก
ในขณะที่อารมณ์ของเขากำลังจะถึงจุดเดือดสุด
“เบื่อชีวิตแล้ว? ข้าจะบอกให้ว่าอะไรเรียกว่าเบื่อชีวิตแล้ว” เฉินเสียนสีหน้าไม่เปลี่ยน ตะโกนเสียงดังลั่น : “อวี้เยี่ยน! มาประคองข้าหน่อย!”
อวี้เยี่ยนรีบเข้าไปประคองเธอ เดินตรงเข้าไปหาฉินหรูเหลียง ฉวยโอกาสในขณะที่ฉินหรูเหลียงกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เธอเอนหลังเล็กน้อย จากนั้นยกขาข้างหนึ่งถีบฉินหรูเหลียงเต็มแรงจนเขาล้มลงกับพื้น
ฉินหรูเหลียงสาบานได้เลย ว่าไม่เคยถูกผู้หญิงคนไหนทำให้อับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนแบบนี้มาก่อน
หลังจากนั้น จู่ๆ ฉากนี้ก็เปลี่ยนไปจนไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ทั้งเฉินเสียนและฉินหรูเหลียงต่างก็พากันตกตะลึง
เพราะในขณะที่เฉินเสียนถีบจนฉินหรูเหลียงลงไปกองกับพื้น เพียงชั่วอึดใจ จู่ๆ ก็มีลูกดอกสีดำที่ไม่รู้ว่าพุ่งมาจากทางไหน ทิศทางคมชัด พริบตาเดียวก็พุ่งผ่านเฉียดลำตัวของเฉินเสียน ปักโดนแผงกระดานไม้ของเครื่องลายคราม
และนอกจากกระดานนั่นแล้ว ก็ไม่มีผู้อื่นอีกเลย นอกจากฉินหรูเหลียงเพียงคนเดียว
ถ้าเกิดเฉินเสียนไม่เตะเขา เขาคงโดนลูกดอกนี่พุ่งเข้าตัวอย่างแน่นอน
สองสามีภรรยาที่ทะเลาะกันอย่างเมามันในตอนแรก จู่ๆ ก็มีอาวุธสังหารพุ่งเข้ามา ผู้คนที่พากันมุงดูอยู่ในตอนแรกกระจัดกระจายหนีไปคนละทิศคนละทาง
พอมีเรื่องศัตรูตามล้างฆ่าขึ้นมา ความวุ่นวายจึงน้อยลงไปบ้าง
เฉินเสียนและฉินหรูเหลียงลืมเรื่องทะเลาะกันไปเสียสนิท
ฉินหรูเหลียงเกร็งไปทั้งตัว เขาค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากพื้น กลั้นหายใจใช้สมาธิเพ่งเล็ง สำรวจไปรอบๆ อย่างละเอียด
เฉินเสียนกวาดตามองไปรอบๆ ทำได้เพียงกะระยะจากตำแหน่งของกระดานโดยพิจารณาจากทิศทางของการยิงของลูกดอก เธอหันหน้ากลับไปมองแต่ไม่เจอกับบุคคลต้องสงสัยเลย อดไม่ได้ที่จะสบถขึ้นว่า : “***หมาตัวไหนเป็นคนยิงกัน? ขอร้อง คราวหน้าเล็งให้ตรงเป้าหน่อย อย่าให้ข้าที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่มาพลอยโดนหางเลขไปด้วย”