ต่อมาเฉินเสียนไม่ค่อยได้ไปบ้านเหลียนชิงโจว หนึ่งคือฉินหรูเหลียงดูเหมือนจะทานยาผิดจับตามองเธออย่างใกล้ชิด สองคือท้องของเฉินเสียนไม่สะดวกขึ้นทุกวันแล้ว
เดือนเจ็ดไฟลามทุ่ง แผดเผาไปครึ่งหนึ่งของท้องฟ้าในเมืองหลวง บ้านเล็กบ้านใหญ่ที่เรียงรายล้วนมีแสงสีอำพันที่สาดส่องระยิบระยับ
ผู้คนต่างชื่นชมวิวทิวทัศน์อันไม่ธรรมดานี้
เมื่อพลบค่ำ มีผู้แต่งกายเหมือนคนรับใช้ของจวนแม่ทัพไปที่จวนของเหลียนชิงโจว บอกว่าองค์หญิงมีเรื่องสำคัญอยากมาที่เรือน ให้เหลียนชิงโจวส่งเกี้ยวไปรับที่จวนแม่ทัพ
เพียงส่งคนมาฝากบอก ไม่มีสิ่งใดน่าสงสัยในเรื่องนี้
เฉินเสียนเคยชินกับการนั่งเกี้ยวนุ่มๆ ที่เหลียนชิงโจวเตรียมให้เธอ เกี้ยวอื่นๆ นั่งแล้วร้อนและโคลงเคลง
ในขณะนี้เฉินเสียนอยู่ในจวนแม่ทัพ ออกไปจากสวนสระวสันตฤดู กำลังพาอวี้เยี่ยนไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้ ผลเอพริคอตภายในสวนเอพริคอตสุกจนนุ่มแล้ว เธอให้อวี้เยี่ยนเด็ดมาสองสามลูก ปอกเปลือกแล้วใส่เข้าปากก็สัมผัสได้ถึงความหวานหยดย้อย
เมื่อฉินหรูเหลียงกลับมา เจอเธอในสวนดอกไม้พอดี
ร่างเธออาบด้วยแสงแดดอ่อน ถือเอพริคอตนิ่มในมือ กำลังหรี่ตาแสดงออกถึงความเพลิดเพลิน
ฉินหรูเหลียงยืนอยู่ใต้ต้นไม้ มองดูอยู่ครู่หนึ่ง
แม่บ้านจ้าวหอบสิ่งของบางอย่างในอ้อมแขนพอดี วิ่งเหยาะๆ มาระหว่างทาง กล่าวดีใจกับองค์หญิง “องค์หญิงเพคะ พระองค์ดูสิว่านี่คืออะไร?”
ก่อนหน้านี้ใบหน้าเฉินเสียนที่มีรอยยิ้มถูกใจหน้าบาน เมื่อเห็นสิ่งของในอ้อมแขนแม่บ้านจ้าวชัดๆ รอยยิ้มก็ค่อยๆ จางหายไป
ในอ้อมแขนแม่บ้านจ้าวอุ้มลูกแมวสีครีมเพิ่งเกิดได้ไม่นาน มันยังอ่อนแอมาก ยังยืนไม่มั่นคงด้วยซ้ำ มันตัวสั่นในฝ่ามือแม่บ้านจ้าว
ใครก็ตามเห็นสัตว์น้อยไร้พิษภัยเช่นนี้ ก็ต้องรู้สึกใจอ่อน
แม่บ้านจ้าวกล่าว “ก่อนที่แมวตัวเมียข้างบ้านจะคลอด บ่าวจับตาดูมันอย่างใกล้ชิดตลอดเลยเพคะ ไม่กี่วันก่อนมันคลอดลูกทั้งหมดสามสี่ตัว รู้ว่าองค์หญิงชอบแมวตัวนี้ จึงขอเจ้าของบ้านมาหนึ่งตัวเพคะ”
นางอุ้มแมวโน้มตัวไปข้างหน้าเฉินเสียน แล้วกล่าวขึ้นอีก “องค์หญิงรีบดูสิเพคะ สีของแมวตัวนี้เหมือนของตัวก่อนเลยไม่ใช่หรือเพคะ? ในที่สุดบ่าวก็หาตัวที่คล้ายกลับมาให้องค์หญิงเลี้ยงได้”
ที่แท้ตั้งแต่การตายของแมวตัวล่าสุด แม่บ้านจ้าวก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอด
เฉินเสียนยื่นนิ้วออกมา ลูบขนลูกแมวด้วยความอ่อนโยนอย่างยิ่ง เกาคางน้อยๆอีกครั้งเบาๆ ลูกแมวน้อยสงสัยอย่างมาก ยื่นอุ้งมือออกมาสัมผัสมือเฉินเสียน สุดท้ายก็ทรงตัวไม่อยู่ ตกลงไปในฝ่ามือแม่บ้านจ้าวอีกครั้ง
หน้าตาไร้เดียงสาเช่นนี้ ทำให้แม่บ้านจ้าวและอวี้เยี่ยนหัวเราะ
อวี้เยี่ยนกล่าวขึ้นเปี่ยมไปด้วยความรัก “องค์หญิงเพคะ พระองค์ดูสิ มันน่ารักมากจริงๆ นะเพคะ เราเลี้ยงมันกันเถิด”
มีเพียงเฉินเสียนผู้เดียวที่ไม่ได้ยิ้ม
ฉินหรูเหลียงเห็นความอ่อนโยนในดวงตาเธออย่างชัดเจนที่แตกต่างจากปกติที่ดื้อรั้น
เธอกระซิบเสียงเบากับแม่บ้านจ้าว “ลำบากแม่นมจ้าวจริงๆ ที่มีน้ำใจเช่นนี้” ขณะที่กล่าวก็ดึงมือกลับ แค่มองแมวตัวนั้นอีกนิด จากนั้นก็หันศีรษะไปมองทะเลสาบที่อยู่ไม่ไกล เอ่ยขึ้นเรียบๆ “แต่ชาตินี้ ข้าคงมิได้เลี้ยงสัตว์น้อยใดๆ อีกแล้ว”
แม่บ้านจ้าวและอวี้เยี่ยนตกตะลึง เงียบไม่พูดอะไร
เฉินเสียนกล่าว “อุ้มมันมาจากที่ใด แม่นมจ้าวคืนให้เจ้าของเถิด”
“องค์หญิงเพคะ……” อวี้เยี่ยนรู้ เฉินเสียนอาจจะยังไม่ออกมาจากเรื่องคราวก่อน ในตอนนี้ตราบใดที่เธอนึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น ในใจก็อดตื่นตระหนกไม่ได้
เฉินเสียนยกมุมปากอย่างเฉยเมย แล้วกล่าวขึ้น “ขณะที่โลกใบนี้ยังมีผู้ที่ต้องการชีวิตเจ้าอยู่ตรงหน้าเจ้าทุกวัน เจ้าห้ามมีสิ่งที่ชอบ มิเช่นนั้นสิ่งที่เจ้าชอบ ความชอบจะเป็นความโหดร้ายสำหรับมันเท่านั้น”
อวี้เยี่ยนกล่าว “บ่าวเข้าใจแล้วเพคะ แม่บ้านจ้าว ท่านเอาแมวตัวนี้กลับไปเถิด”
ฉินหรูเหลียงยืนชะงักหลังต้นไม้
เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงครั้งก่อนที่แย่งแมวตัวนั้นมาจากเฉินเสียน
เพราะเธอกลัวโดนแย่งไป จึงตัดสินใจไม่ชอบมันตั้งแต่แรกหรือ? ผู้หญิงเช่นนี้ ควรบอกว่าเธอใจดีหรือใจร้ายกันแน่?
แม่บ้านจ้าวระงับความดีใจในสีหน้าเมื่อครู่นี้ อุ้มลูกแมวหันตัวเดินกลับไป
ขณะที่เดินริมป่าตามทาง ฉินหรูเหลียงก็เปล่งเสียงออกมาฉับพลัน “แม่บ้านจ้าว”
แม่บ้านจ้าวตกใจ จากนั้นก็พบว่าฉินหรูเหลียงยืนอยู่ใต้ต้นไม้ ก็กล่าวขึ้น “บ่าวคารวะท่านแม่ทัพเเจ้าค่ะ”
ฉินหรูเหลียงมองแมวตัวนั้นอย่างรอบคอบ มันน่าพอใจมากจริงๆ จึงกล่าวขึ้น “ก่อนหน้านี้สวนสระวสันตฤดูเลี้ยงแมวตัวหนึ่งมิใช่หรือ ทำไมตอนนี้เจ้าเอามาอีกตัวล่ะ?”
แม่บ้านจ้าวเงียบไป แล้วกล่าวขึ้น “ท่านแม่ทัพมิทราบ แมวตัวนั้นตายไปแล้วเจ้าค่ะ”
ฉินหรูเหลียงตกตะลึง “เหตุใดถึงตาย?”
แม่บ้านจ้าวกล่าว “บ่าวก็มิทราบว่าเหตุใดถึงตายเจ้าค่ะ แค่วันนั้นองค์หญิงเดินเล่นกลับมาจากสวนดอกไม้ เปิดเครื่องนอนก็เห็นแมวเลือดนองอยู่บนเตียงองค์หญิง ตอนนั้นองค์หญิงจึงล้มเพราะตกใจ เกือบแท้งบุตรเจ้าค่ะ”
ฉินหรูเหลียงสีหน้าเปลี่ยนไป กล่าวขึ้น “เรื่องนี้เหตุใดไม่ได้ยินพวกเจ้าพูดเลย?”
แม่บ้านจ้าวกล่าวอย่างกล้าหาญ “แมวฝังไปแล้วเจ้าคะ ถึงพูดไปท่านแม่ทัพก็ไม่สนใจสถานการณ์องค์หญิงนี่เจ้าคะ”
มิเช่นนั้นตอนแรกฉินหรูเหลียงคงไม่บีบบังคับแย่งแมวตัวนั้นไปจากเฉินเสียน เพียงเพื่อให้หลิ่วเหมยอู่พอใจ
แค่หลังจากนั้นเขาก็ไม่เห็นมันอีกเลย วันนี้ถึงได้รู้ว่ามันตายไปเสียแล้ว
มิน่า เฉินเสียนถึงได้พูดและมีสีหน้าเช่นนั้น
แม่บ้านจ้าวยังอยากพูดอะไรบางอย่างอีก เฉินเสียนเห็นเงานางพักใต้ร่มไม้ จึงเปล่งเสียงออกไป “แม่นมจ้าว เจ้ากำลังคุยกับผู้ใด?”
ในขณะนี้ฉินหรูเหลียงจึงก้าวออกมาจากร่มเงาต้นไม้ ปรากฏในสายตาเฉินเสียน
อุณหภูมิในดวงตาเธอเย็นลงทันที พูดสั่งแม่บ้านจ้าว “แม่นมจ้าว เอาแมวไปคืนเถิด”
ฉินหรูเหลียงกล่าว “ในเมื่ออุ้มมาแล้ว เลี้ยงไว้ก็มิเสียหาย”
เฉินเสียนมุมปากกระตุก ยิ้มหยันกล่าว “เลี้ยงหรือ? เลี้ยงมันโตหน่อย หากเหมยอู่เห็นแล้วชอบ ท่านก็ตั้งใจจะเอามันไปให้นางเลี้ยงอีกใช่หรือไม่?”
ฉินหรูเหลียงขมวดคิ้ว กล่าว “ท่านชอบท่านก็เลี้ยง เหมยอู่ไม่เหมาะกับการเลี้ยงแมว คราวก่อนคืนให้ท่านไปแล้ว ต่อไปจะไม่มาเอาแมวท่านไปเลี้ยงอีก!”
เฉินเสียนเลิกคิ้วกล่าวขึ้น “ถ้าเช่นนั้นหากเซียงซั่นเห็นแล้วชอบ ต้องนำกลับไปเลี้ยงอีกหรือไม่?”
“ท่าน!” ฉินหรูเหลียงกล่าวด้วยความโกรธเคือง “เฉินเสียน ข้าใจดีมากแล้ว ท่านโปรดอย่าเพิกเฉยมันได้หรือไม่!”
“น่าขัน ท่านใจดี ข้าต้องยอมรับงั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นข้าจะชื่นชมท่านก็แล้วกัน” เฉินเสียนชี้ไปที่ถนนข้างๆ อย่างสบายๆ สีหน้าเย็นชาเฉยเมย “ตอนนี้ออกไปให้ข้าได้แล้ว”
แม่บ้านจ้าวอุ้มแมวอยู่ กำลังจะกล่าวแทนฉินหรูเหลียงสักสองประโยค แต่เฉินเสียนมองมาด้วยสายตาเยือกเย็น แม่บ้านจ้าวจึงปิดปาก
แม่บ้านจ้าวมองออกว่าท่านแม่ทัพใส่ใจองค์หญิง แต่ท่าทางห่างเหินขององค์หญิง มันทำให้ความสัมพันธ์หยุดชะงัก
ทั้งคู่ชะงักงันครู่หนึ่ง ฉินหรูเหลียงก็เริ่มออกอาการ ขณะนี้สาวใช้ผู้หนึ่งก็รีบวิ่งมาจากอีกฝั่ง ตะโกนขึ้น “แย่แล้วเพคะ! แย่แล้ว! นายหญิงน้อยท่าน……ฆ่าตัวตาย!”