เฉินเสียนตระหนักว่าตอนนี้ทุกสิ่งที่เธอเห็นตรงหน้าคือเรื่องจริง มีคนตายจริง และที่สาดกระเซ็นจนนองเต็มพื้นก็คือเลือดจริงๆ!
เธอมองไปรอบๆ เพื่อหาร่างของอวี้เยี่ยนแต่ว่าหาไม่พบ เธอไม่อยากเจอว่าอวี้เยี่ยนอยู่ท่ามกลางกองเลือดเหล่านี้ ไม่อยากเลยสักนิด
เฉินเสียนพยายามระงับอาการคลื่นเหียนวิงเวียนที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงจนร่างกายสั่นสะท้าน เธอเขม่นมองชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าและถามไปว่า “พวกเจ้าเป็นใคร”
อีกฝ่ายไม่ตอบทั้งยังออกคำสั่งว่า “มัดตัวนางไว้!”
ทันใดนั้นชายสองคนก็เดินเข้ามาพร้อมกับเชือกและกระสอบป่านหนึ่งใบ ขณะที่หนึ่งในนั้นกำลังจะมัดเฉินเสียนเอาไว้ เธอก็งอข้อศอกและกระแทกเข้าที่หน้าอกของเขาอย่างแรง
เธอจู่โจมทีเผลอจนอีกฝ่ายเซถลา จากนั้นจึงหันไปคว้าข้อมือของชายอีกคนไว้และจับทุ่มลงไปด้านหลังอย่างแรง
เสียงกระดูกของเขาหักดังกร้อบ เฉินเสียนไม่แม้แต่จะกะพริบตา
ชายที่เป็นหัวหน้าไม่คิดว่าเฉินเสียนจะมีฝีมือในการต่อสู้ติดตัว เห็นดังนั้นเขาจึงเหวี่ยงมีดฟันเธอทันที เฉินเสียนเงยหน้ามองด้วยแววตาที่นิ่งสงบและรับการจู่โจมนั้นด้วยมือเปล่า
เลือดหยดลงมาและย้อมแขนเสื้อของเธอจนเป็นสีแดง
แต่เธอเป็นเพียงแค่หญิงมีครรภ์คนหนึ่ง ไหนเลยจะสู้ผู้ชายที่ดาหน้ามาพร้อมๆ กันได้ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเตรียมพร้อมมาเพื่อการนี้และไม่มีทางบอกที่มาของพวกเขาให้เธอรู้
ในที่สุดเฉินเสียนก็สู้ไม่ได้ ใครคนหนึ่งจู่โจมเข้ามาจากทางด้านหลัง เธอรู้สึกชาที่หลังคอจากนั้นก็หมดสติไป
คนพวกนี้ปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว พวกเขาจับเฉินเสียนใส่ลงกระสอบเพื่อรีบออกไปจากที่นี่ จากนั้นก็รีบเข็นเกวียนออกไปนอกเมืองก่อนที่ประตูเมืองจะปิดลงหลังพระอาทิตย์ตกดิน
ในตรอกเงียบสนิท
เลือดที่ไหลนองอยู่เต็มพื้นเห็นแล้วชวนให้รู้สึกสยอง
ผ่านไปครู่ใหญ่ที่ใต้เกี้ยวก็มีความเคลื่อนไหวบางอย่าง คนที่อยู่ใต้นั้นต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อผลักผนังเกี้ยวที่คว่ำลงมาออกไป
อวี้เยี่ยนคลานออกมาจากช่องว่างระหว่างผนังเกี้ยวด้วยความยากลำบาก
เหตุการณ์เหนือความคาดหมายเมื่อครู่นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นเกี้ยวล้มคว่ำลงมาอย่างแรง อวี้เยี่ยนตั้งตัวไม่ทันและถูกกระแทกทับจนหมดสติไป
ตอนนี้อวี้เยี่ยนยืนอยู่ในตรอกเล็กๆ เมื่อเหลือบไปเห็นศพของคนแบกเกี้ยวที่ถูกสังหาร ตัวของนางก็สั่นเทิ้มราวกับข้าวเปลือกที่อยู่ในตะแกรงร่อน นางจ้องมองศพที่เริ่มแข็งตัวอยู่บนพื้นด้วยดวงตาและริมฝีปากที่สั่นสะท้าน หลังจากนั้นจึงกรีดร้องด้วยความสยดสยอง
นางหวาดกลัวสุดขีดและอยากจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดระบายความหวาดกลัวออกมา
ตอนนี้ท้องฟ้าเกือบจะมืดสนิท เหลียนชิงโจวที่เฝ้ารออยู่ที่เรือนคิดว่าตอนนี้เฉินเสียนควรจะมาถึงแล้ว
แต่ผ่านมานานจนป่านนี้เธอก็ยังไม่มา เขารู้สึกไม่วางใจจึงตัดสินใจออกตามหามาตลอดเส้นทาง
เขาไม่คิดว่าจะได้ยินเสียงกรีดร้องของอวี้เยี่ยนทันทีที่เลี้ยวเข้ามาในตรอกเล็กๆ เหลียนชิงโจวใจหายวูบ เขารีบเร่งฝีเท้าเข้าไปในนั้นทันที
อวี้เยี่ยนไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะทรงตัว ปากก็พึมพำเบาๆ ว่า “องค์หญิง… องค์หญิงอยู่ไหน”
เหลียนชิงโจวรับนางเอาไว้จากทางด้านหลังและถามอย่างดุดัน “องค์หญิงอยู่ไหน เกิดอะไรขึ้น มันเกิดอะไรขึ้น!”
อวี้เยี่ยนส่ายหน้า แววตาของนางว่างเปล่า นางค้นหาหมดแล้วทั้งข้างนอกทั้งใน คลานเข้าไปหาในเกี้ยวจนทั่ว นางเอ่ยด้วยใบหน้าที่ปราศจากสีเลือดว่า “บ่าวไม่รู้… องค์หญิงอยู่ไหน… บ่าวฟื้นขึ้นมาก็เป็นเช่นนี้แล้ว…”
อวี้เยี่ยนทรงตัวไม่อยู่และทรุดลงไป จากนั้นก็ลุกขึ้นมาคว้าเหลียนชิงโจวเอาไว้และเขย่าตัวเขา “องค์หญิงล่ะเจ้าคะ องค์หญิงหายไปแล้ว… บ่าวจะทำยังไงดี ตอนนี้ควรจะทำยังไงดี”
เหลียนชิงโจวส่งตัวอวี้เยี่ยนให้บริวารที่ติดตามมาด้วยและบอกว่า “พานางกลับไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย” พูดจบเขาก็หันหลังให้และรีบออกเดินทางไปยังอีกทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว
คนแบกเกี้ยวทั้งสี่ที่เขาส่งมาต่างมีทักษะการต่อสู้ระดับหนึ่ง เขาไม่คิดเลยว่าทุกคนจะถูกฆ่าเช่นนี้
แล้วเฉินเสียนก็หายตัวไปโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง!
แต่ดูจากวิธีการฆ่า พวกมันต้องไม่ใช่พวกที่มีความเมตตาปรานีอย่างแน่นอน!
ตอนนี้เฉินเสียนตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกมัน เหลียนชิงโจวไม่กล้าคิดจริงๆ ว่าผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร!
ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้นและรีบรุดหน้าไปยังอุทยานหลวงตงเฉิง ทันทีที่พ้นประตูเข้ามาเขาก็รีบตรงเข้าไปในเรือน เมื่อเจอซูเจ๋อ ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด เขาขยับลำคอและเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง “ท่านอาจารย์ องค์หญิงถูกลักพาตัว”
อวี้เยี่ยนออกมาจากที่นั่นพร้อมกับคนของเหลียนชิงโจว ระหว่างทางนางเดินอย่างไม่มั่นคงนักเพราะขาทั้งสองข้างยังคงอ่อนแรง ต่อมานางก็เกาะบริวารผู้นั้นไว้ เอ่ยเสียงสั่นว่า “ข้าทนรออยู่เฉยๆ ไม่ได้ ไม่เอาแล้ว ข้าไม่สนใจอะไรทั้งนั้น… ข้าจะไม่กลับไปกับเจ้า เจ้าต้องพาข้ากลับไปที่จวนแม่ทัพเดี๋ยวนี้!”
บริวารของเหลียนชิงโจวรู้สึกลำบากใจ “แม่นางอวี้เยี่ยนบาดเจ็บขนาดนี้ คุณชายกำชับไว้ว่าให้พาเจ้ากลับไปพัก”
“ไม่ ข้าต้องกลับไปที่จวนแม่ทัพ!” อวี้เยี่ยนเอ่ยอย่างหนักแน่น “องค์หญิงหายตัวไป ข้าจะไปขอให้ท่านแม่ทัพไปช่วยองค์หญิง”
บริวารผู้นั้นรั้งอวี้เยี่ยนไว้ไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องไปที่จวนแม่ทัพกับนาง
เฉินเสียนรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เมื่อฟื้นขึ้นมาเธอจึงพบว่าตัวเองถูกมัดไว้ในกระสอบและนอนอยู่บนเกวียนที่สั่นโคลงเคลง สายลมยามเย็นพัดมาปะทะจากทั้งสองข้างและนำพากลิ่นอายของเนินเขาเขียวขจีซึ่งอยู่นอกเมืองมาด้วย
ล้อเกวียนที่กำลังหมุนไปข้างหน้าสั่นสะเทือนจนทำให้เธอเวียนหัว
เฉินเสียนจำเป็นต้องปรับท่าทางของตัวเองใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่สบายกาย
ไม่รู้ว่าผ่านมานานแค่ไหนแล้ว ตอนที่ร่างกายของเฉินเสียนจวนเจียนจะแข็งทื่อไปครึ่งหนึ่ง เสียงของล้อเกวียนก็ค่อยๆ หยุดลง
มีแสงสีเหลืองเข้มส่องผ่านรูเล็กๆ ของกระสอบป่านเข้ามา เฉินเสียนพยายามเพ่งมอง ทว่าทันใดนั้นใครคนหนึ่งก็เปิดกระสอบและดึงเธอออกมาอย่างไร้ความปรานี
เวลานี้ท้องฟ้ามืดสนิท มีเงาคนอยู่มากมายในชายป่ามืดทึบบริเวณเชิงเขา เมื่อแต่ละคนถือคบไฟเอาไว้ สถานที่แห่งนี้ก็สว่างไสวขึ้นมา
ทันใดนั้นผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็เอื้อมมือออกมาบีบคางของเฉินเสียนอย่างแรงและบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้น
แววตาของชายผู้นั้นเย็นเยียบราวกับคนที่คุ้นชินกับคลื่นลมที่รุนแรง อาศัยเลียเลือดบนคมมีดเพื่อเอาชีวิตรอดไปวันๆ เขามองดูเฉินเสียนอย่างพินิจพิเคราะห์อยู่ครู่ใหญ่
เฉินเสียนสบตากับเขาตรงๆ แววตาของเธอมืดมนและนิ่งสงบ สะท้อนให้เห็นเงารางๆ ของเปลวไฟที่วูบไหว
ชายผู้นั้นยิ้มอย่างเหยียดหยามพลางกล่าวว่า “อัปลักษณ์ยิ่งกว่าอัปลักษณ์ แต่ใจคอช่างเข้มแข็ง อย่างนี้ละถึงจะถูกปากข้า! แต่ไม่รู้ว่าพอถึงเวลาขึ้นเตียงจริงๆ เจ้าจะเก่งสักแค่ไหน!”
พวกที่อยู่ข้างๆ พากันหัวเราะเฮฮาอย่างต่ำช้าและถ่อยสถุล
ในที่สุดเฉินเสียนก็รู้ว่าคนพวกนี้คือโจรภูเขา! พวกมันเผา ปล้น และฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตา
แต่ทำไมอยู่ๆ โจรภูเขาถึงบุกเข้าไปถึงในเมืองเพื่อทำเรื่องชั่วร้ายกันล่ะ? ชัดเจนมากว่าเป้าหมายของพวกมันคือเธอ!
เห็นได้ชัดว่ามีคนซื้อชีวิตของเธอไว้แล้ว
เฉินเสียนถามออกไปว่า “อีกฝ่ายจ่ายให้เจ้าเท่าไร”
ชายผู้นั้นถามกลับ “เจ้ารู้ได้ยังไงสิ่งที่ข้าต้องการคือเงิน”
“ข้ากับเจ้าไม่ได้มีเรื่องแค้นเคืองกัน และเจ้าก็คงไม่ใช่คนที่พอนึกครึ้มก็ลงไปปล้นจี้เรื่อยเปื่อย” เฉินเสียนกล่าว “อีกฝ่ายไม่เพียงแต่จ่ายให้เงินเจ้า แต่ยังจ่ายหนักเสียด้วย เพราะถึงอย่างไรชีวิตของข้าก็ราคาแพงนัก”
ชายผู้นั้นหัวเราะเยาะ “ก็ใช่ จัดการเจ้าแค่หนึ่งคน แต่ได้เท่ากับสอง”
เฉินเสียนถามอย่างตรงไปตรงมา “งั้นข้ากับเจ้ามาทำข้อตกลงกันใหม่ดีไหม อีกฝ่ายหนึ่งให้เท่าไหร่ ข้าเพิ่มให้เป็นสองเท่า แล้วเจ้าก็ปล่อยข้าไปซะ”
เสียงหัวเราะอย่างกำเริบเสิบสานดังขึ้นรอบๆ ตัว
ชายผู้นั้นตบหน้าเฉินเสียน ทันใดนั้นกลิ่นหอมหวานของคาวเลือดก็กระทบเข้ากับต่อมรับรสของเขา
เธอหายใจหอบ เส้นผมยุ่งเหยิงเล็กน้อย
ชายผู้นั้นเอ่ยว่า “ข้าต้องเสียแรงไปเท่าไหร่กว่าจะได้เจ้ามา จะบอกให้ปล่อยไปง่ายๆ น่ะรึ? จริงอยู่ข้าต้องการเงิน แต่คนข้าก็ต้องการเหมือนกัน! พวกเจ้า มาพานางผู้ขึ้นไปบนภูเขา คืนนี้จะให้นางปรนนิบัติให้ทีละคนๆ อย่างสมใจ!”