ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 94 การถูกสับเป็นหมื่นๆชิ้นยังเบาไป

เมื่อผู้ที่สวมรอยเห็นโครงร่างของคนในภาพ ยิ่งแน่ใจว่าคนในภาพวาดนี้เป็นบุคคลที่สั่งการ

หลังจากนั้นซูเจ๋อแนะนำคนในราชสำนัก เพื่อให้เหลียนชิงโจวไปเยี่ยมเยือน ถือโอกาสที่จะสานสัมพันธ์ด้วย

เหลียนชิงโจวเป็นพ่อค้าคนหนึ่ง เพื่อที่จะปักหลักทำการค้าในเมืองหลวง การสานสัมพันธ์ก็ถือเป็นเรื่องที่ปกติ

ถ้าหากไม่ใช่ว่ามีซูเจ๋อแนะนำเป็นการส่วนตัว คาดว่าเขาน่าจะถูกขุนนางปฏิเสธให้อยู่ด้านนอกประตูอย่างตรงไปตรงมา

ขุนนางเหล่านั้นที่ซูเจ๋อแนะนำ พอเห็นจดหมายแนะนำในมือของเหลียนชิงโจว ท่าทางก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

นั่นเป็นเพราะว่าแต่ไหนแต่ไรซูเจ๋อไม่เคยที่จะติดต่อกับขุนนางเป็นการส่วนตัวเลย

ในที่แจ้งราวกับเงียบสงบ แต่ทว่าไม่รู้ว่ามีคนเท่าไหร่ที่กำลังรอจังหวะโอกาสนี้อยู่ในที่มืด

ซูเจ๋อสะบัดชุดนั่งอยู่ใต้สวนไม้ไผ่ รอบด้านเต็มไปด้วยความเขียวขจี ปลายชุดสีขาวของเขาเคลื่อนไหวไปกับลมที่พาดผ่านใบไผ่อย่างพลิ้วหวิว

ใบไผ่พัดปลิวไม่หยุด คุณชายรูปงามราวหยก ในโลกนี้เป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร

ซูเจ๋อรู้สึกสงบและสบายมาก ผมอาจจะยาวไปบ้างและผมดกดำนั้นสบายอยู่บนชุดขาวของเขา

เขาก้มหัวลงครึ่งหนึ่ง ใต้รูม่านตามีลมเย็นผ่านเล็กน้อย ในมือที่กระดูกและข้อที่ชัดเด่นเพิ่งจะตัดหักไม้ไผ่มาหนึ่งท่อน มืออีกข้างถือมีดผ่าโม่ไม้ไผ่อย่างพิถีพิถัน เขานั้นได้ทำขลุ่ยไม้ไผ่ที่ละเอียดประณีตออกมาหนึ่งด้าม

เขาสวมชุดสีขาวนั่งซ้อนอยู่บนใบไผ่ เขางอขาข้างหนึ่ง เป่าขลุ่ยไม้ไผ่อยู่อย่างไม่สะทกสะท้านในสิ่งใดเลย

เหลียนชิงโจวเข้ามาในสวนไม้ไผ่เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ รู้สึกว่าสวยงามกว่าภาพม้วนทิวทัศน์เสียอีก เวลานี้อดใจไม่ได้ที่จะเดินไปรบกวนขัดจังหวะเขา

เสียงขลุ่ยหยุดลง ซูเจ๋อเหลือบตามองแล้วถาม“ได้ผลมาหรือไม่?”

เหลียนชิงโจวพยักหน้าเอ่ย “อาจารย์คาดคะเนไม่ผิดจริงๆ ศิษย์ไปเยี่ยมเยือนใต้เท้าไม่กี่คน เป็นสหายเก่าเมื่อก่อนของหลิ่วเซียงหน่าย คนที่ท่านอาจารย์วาดมาทั้งหมดเคยไปเยี่ยมเยือนถึงเรือนแล้ว มองตาเดียวพวกเขาก็จำได้ คนนั้นเป็นบุตรชายคนโตของหลิ่วเซียงจือ ชื่อหลิ่วเฉียนเฮ้อ”

ซูเจ๋อไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อยเอ่ยต่อ“มันร้องขอว่าอย่างไร?”

“วันฉลองพระราชสมภพของสมเด็จพระราชชนนีใกล้เข้ามาแล้ว หลิ่วเฉียนเฮ้อต้องการเข้าไปในพระราชวัง”

ซูเจ๋อยิ้มเล็กน้อย เอ่ย“ถึงแม้ว่าจะไปหาสหายเก่า ใต้เท้าพวกนั้นน่าจะไม่กล้ารับปากมันหรอก”

“ใช่ขอรับ”

ซูเจ๋อจำเรื่องราวในอดีตได้ เอ่ยอย่างช้าๆ“ปีนั้นหลิ่วเหวินเฮ่าปีนขึ้นไปตำแหน่งอัครเสนาบดีได้ เพียงไม่กี่วัน คนเก่าเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ตัวเองนึกว่าไม่มีสิ่งใดต้องหวั่นกลัว ไม่คิดว่าโทษการเป็นศัตรูทรยศบ้านเมืองจะถูกประหาร จักรพรรดิองค์ใหม่ราชาภิเษกได้ไม่นาน ก็ไม่กลับไปสืบเสาะหาความเรื่องราวที่ผ่านมา ตระกูลหลิ่วถึงไม่โดนโทษประหารเก้าชั่วโคตร ตระกูลหลิ่วทั้งเด็กทั้งคนแก่ได้ถูกเนรเทศ ก้าวไปอยู่ในสถานที่ที่ลำบาก”

เขาชะงักไปครู่หนึ่ง เอ่ยด้วยท่วงทำนองที่ไม่เข้าใจ“การเดินทางที่ยากลำบากและยาวไกล คนจำนวนมากเหนื่อยและป่วยล้มตายกลางทาง แต่ทว่าตอนนี้หลิ่วเฉียนเฮ้อกลับมาในเมืองหลวงแล้ว”

ซูเจ๋อสีหน้าเรียบเฉย ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย สีหน้าอึมครึมดุร้าย“พอมันกลับมา ก็คิดอยากจะสังหารอาเสียนเลย”

เหลียนชิงโจวรู้สึกได้ถึงบรรยากาศความเงียบกับความอบอุ่นในสวนไม้ไผ่ที่เปลี่ยนเป็นเหน็บหนาวทีละน้อย เอ่ย“อาจารย์ ตอนนี้ควรที่จะทำเช่นไร? ถ้าหากเปิดเผยสถานที่พักระหว่างการเดินทางมันนั้น แล้วนำถวายให้กับจักรพรรดิ มันก็จะถึงทางตันเลย”

ซูเจ๋อขมวดคิ้วตึง สีหน้าอึมครึมเช่นตอนแรก เอ่ย“มันอยากเข้าไปในพระราชวัง ก็ให้มันเข้าไป”

ปัจจุบันนี้จักรพรรดิมีความแค้นต่อตระกูลหลิ่ว หลิ่วเฉียนเฮ้อเลือกกลับเข้ามาในเมืองหลวงเวลานี้ อีกทั้งยังคิดแผนที่จะเข้าไปในพระราชวังด้วย

ซูเจ๋อเอ่ยเบาๆ “ถ้าหากพวกมันมีการลอบสังหาร ถูกจับในขณะนั้นเลย การถูกสับเป็นหมื่นๆชิ้นยังเบาไป ฉินหรูเหลียงรับผิดชอบเป็นองค์รักษ์ป้องกันรักษาพระราชวังชั้นกลาง เกิดโกลาหลมีนักฆ่าเข้า เขาก็หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบนี้ไม่ได้”

ยิงปืนเพียงครั้งเดียวแล้วได้นกสองตัว

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ให้หลิ่วเฉียนเฮ้อปลอมตัวเป็นใต้เท้าของตระกูลหนึ่ง วันนั้นที่เข้าไปในพระราชวัง การหลบหลีกองค์รักษ์ป้องกันรักษาของพระราชวังชั้นกลางไม่ใช่เรื่องยากหรอก

เพียงแต่ว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ต้องให้หลิ่วเฉียนเฮ้อรับผิดชอบด้วยตัวเอง

หลังจากที่เหลียนชิงโจวออกไป ซูเจ๋อหยิบขลุ่ยไม้ไผ่ขึ้นมาอีกครั้ง และยังคงนั่งในสวนไม้ไผ่เหมือนเดิม เป่าขลุ่ยในท่วงทำนองที่ลึกซึ้ง

หลังจากที่เฉินเสียนหายตัวไปสองสามวัน ได้กลับเข้ามาอยู่ในทัศนะวิสัยการมองเห็นของทุกคนอีกครั้ง

ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอได้ไปอยู่ในใจของผู้คนแล้ว เธอหายไปไม่กี่วันนี้คนในจวนแม่ทัพต่างใจห่อเหี่ยวตกต่ำ

พอเธอกลับมา พวกบ่าวที่เศร้าโศกต่างพากันดีใจ

อวี้เยี่ยนเป็นคนแรกที่พุ่งถลันออกมาจากประตู โอบกอดเฉินเสียนร้องไห้น้ำตาไหลไม่หยุด

เฉินเสียนไม่นึกมาก่อนเลยว่าจะมีความรู้สึกอบอุ่นที่ได้กลับมาจวน แน่นอน ถ้าหากว่ายังไม่ได้พิจารณาเอ่ยถึงฉินหรูเหลียงนะ

ฉินหรูเหลียงได้ยินว่าเฉินเสียนกลับมาแล้ว เขารีบขี่ม้ากลับมาที่จวนทันที

เสียงวิ่งของกีบม้าที่ซอยถี่ ฟังดูรีบร้อนอีกทั้งวุ่นวายยุ่งเหยิงมาก

เฉินเสียนยังไม่ได้เข้าประตูใหญ่ ก็ได้ยินเสียงกีบม้าดังอยู่ด้านหลัง หันหลังกลับไปมอง เห็นฉินหรูเหลียงที่นั่งอยู่บนม้า หน้าตาหล่อเหลาและเย็นชา

แสงพระอาทิตย์ที่ส่องสว่างก็ไม่สามารถประดับประดาความซีดเซียวโรยราบนใบหน้าของเขาได้

เฉินเสียนมีรอยยิ้มราบเรียบ แต่พอนึกถึงว่าไม่กี่วันมานี้ฉินหรูเหลียงวิ่งไปทั่วสารทิศ จำใจต้องไปตามหาตัวเองตามคำสั่งของจักรพรรดิแล้ว เธอรู้สึกดีใจสะใจอยู่เงียบๆ

รีบร้อนมากใช่หรือไม่? กลัวว่าเธอตายไปแล้วตัวเองจะรายงานผลไม่ได้สินะ?

รู้เช่นนี้จะรออีกสองวันค่อยกลับมา ให้ชายสารเลวนี้เหนื่อยไปก่อน!

ฉินหรูเหลียงเห็นกับตาตัวเองว่าเฉินเสียนที่ท้องโตเหมือนเดิมกลับมาอย่างปลอดภัยและยืนอยู่ตรงนั้น ใจที่ไม่กี่วันมานี้เป็นห่วงอย่างแปลกประหลาดก็ผ่อนคลายลง

ฉินหรูเหลียงพลิกตัวลงจากม้า การเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ก้าวไม่กี่ก้าวก็มาอยู่ตรงหน้าของเฉินเสียน เขาสูงและเหนือกว่าเธอ แสงอาทิตย์สาดส่องทางด้านหลังของเขา พอดีกับได้ช่วยปกคลุมให้เฉินเสียนได้รับความเย็นด้วย

สีหน้าฉินหรูเหลียงเหี้ยมโหด ท่าทางน้ำเสียงก็ดุดันเลวร้าย กัดฟันเอ่ย“วันที่ผ่านมาท่านไปไหนมา?!”

เฉินเสียนเอ่ยอย่างเรียบเฉย“ไม่ใช่ว่าข้าถูกโจรจับปล้นชิงหรือ โชคดีที่นักดาบพเนจรช่วยไว้ ไหนจะรู้ว่าเพียงแค่เดินไปผิดเส้นทางเพียงครึ่งเดียว ก็ต้องไปโผล่เมืองอื่นแล้ว”

“ท่านไม่รู้ว่าเรือนของท่านอยู่ที่เมืองหลวงหรือ?ท่านไม่รู้จักบอกพวกเขาให้เดินมาทางเมืองหลวงหรือ?”ฉินหรูเหลียงโมโหเป็นอย่างมาก

เฉินเสียนยักไหล่“ข้ายังไม่เคยออกนอกเมืองหลวง พอออกนอกเมืองเส้นทางก็คดโค้ง ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าควรจะเดินไปทางไหน?ท่านคิดดูว่านักดาบพเนจรแต่ละคนเก่งกาจเพียงใด แม้จะเก่งไปเสียทุกอย่างก็ใช่ว่าจะรู้จักเส้นทางทุกเส้นนี่!”

ฉินหรูเหลียงกำลังจะเอ่ยตอบ เฉินเสียนก็เอ่ยอีก“ท่านไม่ต้องเอ่ยพูดแล้ว!ข้าเพิ่งจะบุกป่าฝ่าดงมา ท่านยังไม่ดีใจ คนที่ถูกโจรจับปล้นชิงคือข้า หรือหากว่าข้าตายอยู่ด้านนอกแล้วไม่กลับมาท่านถึงจะดีใจ?”

เธอกระตุกคิ้วยั่วยุเอ่ยว่า“ข้ายังไม่เป็นตามปรารถนาของท่านหรอก ไม่เคยได้ยินคนดีมักอายุสั้น คนชั่วมักอายุยืนยาวพันปีหรือ ท่านยังไม่ตาย ข้าจะตายก่อนได้อย่างไรกันเล่า”

ฉินหรูเหลียงสีหน้าอึมครึม สูดหายใจเข้าลึกสุดใจ

โทสะที่มีกำเริบขึ้น พ่อบ้านกับบ่าวก็รีบเข้ามาเกลี้ยกล่อม “ท่านแม่ทัพโปรดยับยั้งโทสะก่อน โชคดีที่องค์หญิงปลอดภัยกลับมานะขอรับ”

เฉินเสียนหมุนตัวอย่างสง่างามเอ่ย“อวี้เยี่ยน มาประคองข้ากลับไปพักผ่อนที่สวนสระวสันตฤดูได้แล้ว”

อวี้เยี่ยนตอบรับเสียงสดใสกว่าใครอื่น

ครั้งนี้เฉินเสียนกลับมา ดูสภาพจิตใจกับสีหน้าก็ไม่เลว น่าจะไม่ได้ถูกเอาเปรียบ ไม่อย่างนั้นถ้าถูกโจรภูเขาจับไปทำไม่ดีจริงๆ จะเป็นเหมือนตรงหน้าที่ไม่มีอะไรเสียหายเลยแม้แต่น้อยเช่นนี้หรือ?

พ่อบ้านรีบไปเชิญหมอมาตรวจร่างกายให้กับเฉินเสียน ผลที่ได้รับคือร่างกายของแม่และทารกในครรภ์แข็งแรงดี นี่ถึงวางใจได้โดยสิ้นเชิง

เหล่าบ่าวต่างทอดถอนหายใจ องค์หญิงวาสนาดี ครั้งนี้นับว่ามีความตื่นตระหนกแต่ไม่มีอันตราย

คืนวันนั้นสถานการณ์บนภูเขา เขาเห็นกับตาทุกอย่าง แต่จนถึงวันนี้ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าผู้ใดกันเอาโจรซ่อนไว้

เขาไปที่สวนสระวสันตฤดูเพื่อสอบถามด้วยต้นเองเกี่ยวกับเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset