ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่268 เขาวางแผนไว้อย่างดีตั้งแต่แรกแล้ว

ซูเจ๋อพูดขึ้นช่วงเวลาที่เหมาะว่า “ฝ่าบาทได้รับจดหมายจากเป่ยเซี่ยแล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิสงสัย “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”

“เมื่อก่อนตอนที่ข้ากระหม่อมซูส่งจดหมายไปให้เป่ยเซี่ย เมื่อลองคิดคำนวณเวลา ถ้าเกิดว่าเป่ยเซี่ยมีจดหมายส่งมา ก็คงเป็นเวลาไม่กี่วันนี้พ่ะย่ะค่ะ”

จักพรรดิเพิ่งจะรู้ว่าประเมินค่าซูเจ๋อต่ำไป จึงพูดว่า “เจ้าคงเตรียมการไว้ตั้งแต่ทีแรกหมดแล้ว”

ซูเจ๋อพูด “เวลานั้นเป่ยเซี่ยสนใจแต่ตัวเอง ไม่สนใจองค์หญิงจิ้งเสียน แต่มาถึงวันนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว จักรพรรดิเป่ยเซี่ยเป็นคนมีความเมตตาความชอบธรรม อย่างไรก็ตามจิ้งเสียนก็เป็นพระราชนัดดาบุญธรรมของจักรพรรดิเป่ยเซี่ย”

เฉินเสียนมองไปที่ซูเจ๋อ

แสงสว่างที่อ่อนโยนส่องสว่างอยู่บนตัวเขา งดงามอย่างมาก เธอรู้สึกว่า ซูเจ๋อกับเย่เหลียงกำลังเจรจาต่อรองกัน เวลาเพิ่งจะเริ่มเมื่อครู่นี้

“ถ้าจิ้งเสียนเกิดเรื่องขึ้นมาในเย่เหลียง ก็จะไปส่งเสริมให้ต้าฉู่กับเป่ยเซี่ยกลายเป็นพันธมิตรกัน เย่เหลียงก็จะตกอยู่ในอันตรายพ่ะย่ะค่ะ”

องค์จักรพรรดิเย่เหลียงไหนเลยจะไม่เข้าใจ ดังนั้นพรุ่งนี้วางแผนที่จะส่งเฉินเสียนกลับต้าฉู่

ตอนนี้ซูเจ๋อและเฉินเสียนเข้าใจในวัตถุประสงค์ของเขา เขากลับถูกจำกัดขอบเขตมากยิ่งขึ้น

จักพรรดิพูด “ในเมื่อองค์หญิงจิ้งเสียนมีความสัมพันธ์กับเป่ยเซี่ย ทำไมถึงไม่พูดชักจูงให้เป่ยเซี่ยกับเย่เหลียงของข้าผูกพันธมิตรกัน เช่นนั้นเหนือใต้ก็สามารถโจมตีขนาบ เพื่อทำลายต้าฉู่ได้ ”

เขาเปิดเผยให้เห็นความทะเยอทะยานของจักรพรรดิ “ถึงอย่างไรก็ตามจักรพรรดิของต้าฉู่ตอนนี้ก็คือศัตรูของพ่อแม่ที่เสียไปแล้ว เช่นนั้นแล้วก็ยังช่วยองค์หญิงได้แก้แค้น”

เฉินเสียนไม่ใช่หลิ่วเฉียนเฮ้อ ที่เพื่อการแก้แค้นนั้นจะไม่เลือกใช้กลอุบาย

เธอเม้มปากยิ้ม แล้วถามว่า “เมื่อถึงเวลานั้น ต้าฉู่ยังเป็นต้าฉู่อยู่หรือเปล่า?”

ถึงเวลานั้นก็คงไม่มีต้าฉู่อยู่แล้ว ดินแดนนั้นทั้งหมดก็คงเป็นของเย่เหลียง ดินแดนที่เคยเป็นบ้านเกิดของเธอก็คงไม่มีอีกต่อไป

องค์จักรพรรดิเย่เหลียงรู้ว่านางไม่ใช่คนที่โอนเอียงง่าย หน้าตายังคงหนักแน่น

ซูเจ๋อยังพูดต่อว่า “โลกที่วุ่นวาย ประชาชนตกอยู่ในความยากจนไม่สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ ฝ่าบาททรงมีพระกรุณาเมตตา เชื่อว่าคงไม่อยากจะเห็นสถานการณ์เช่นนั้น พวกเรามาเพื่อสันติภาพพ่ะย่ะค่ะ”

“เพื่อสันติภาพ” จักรพรรดิยิ้มเย็น “เพื่อสันติภาพ ต้าฉู่เพียงต้องการใช้แค่สามคูเมืองแล้วก็จะฆ่าข้างั้นรึ?”

ซูเจ๋อพูด “ นั่นคือชีวิตของจักรพรรดิฉู่ ข้ากระหม่อมซูต้องทำตาม ถ้าเกิดเป็นข้ากระหม่อมซู ต้องเต็มใจยินยอมสัญญาให้ห้าคูเมืองแก่ฝ่าบาท แต่นั่นก็ต้องขึ้นกับฝ่าบาทว่าจะเชื่อจักรพรรดิฉู่หรือว่าจะเชื่อข้ากระหม่อมซูพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิสั่นรู้สึกสั่นสะเทือน กลับทบทวนมองดูซูเจ๋อใหม่ คนคนนี้ที่มีน้ำเสียงและสีหน้านิ่งมาโดยตลอด

จักพรรดิพูด “เจ้ามีความสามารถอะไร ที่ทำให้ข้าไม่เชื่อจักรพรรดิฉู่แล้วยังต้องมาเชื่อขุนนางฉู่อย่างเจ้า”

ซูเจ๋อลืมตาขึ้น ภายในตาส่งความอบอุ่นออกมา “ข้ากระหม่อมซูอยู่ข้างองค์หญิงจิ้งเสียน ถ้าฝ่าบาทเชื่อข้ากระหม่อมซูก็ถือว่าเชื่อองค์หญิงจิ้งเสียนด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

จักพรรดิพิจารณาคำพูดของซูเจ๋ออย่างรอบคอบ สีหน้าจึงค่อยค่อยๆเปลี่ยน

“เวลานี้ต้าฉู่ยอมให้สามคูเมืองแก่เย่เหลียง” น้ำเสียงของซูเจ๋อพูดอย่างผ่อนคลาย “กาลเวลาข้างหน้าต้าฉู่ถูกปราบได้ ค่อยให้สองเมืองกับเย่เหลียง เย่เหลียงยืนอยู่ข้างๆไม่ต้องทำอะไร ก็สามารถครอบครองอีกสองคูเมืองได้เช่นกัน นั่นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี”

“ถ้าไม่อย่างนั้น เวลานี้ฝ่าบาทควรจะยอมรับเงื่อนไขของต้าฉู่ที่ให้เพียงแค่สามคูเมืองก่อน หรือว่าจะทำสงครามกันระหว่างสองดินแดน ช่วงสงครามถ้าฝ่าบาทไม่ยอมปล่อยให้องค์หญิงจิ้งเสียนกลับไป ก็จะไปส่งเสริมให้เป่ยเซี่ยกับต้าฉู่เป็นพันธมิตรกัน นั่นไม่มีประโยชน์อะไรกับเย่เหลียงเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”

จักพรรดิพูด “ไม่ใช่ข้าไม่ปล่อยนาง แต่เป็นเพราะนางไม่ยอมกลับไป”

ซูเจ๋อหัวเราะ แล้วพูดว่า “นั่นก็แน่นอน นอกเสียจากฝ่าบาทจะปล่อยข้ากระหม่อมซูให้กลับไปพร้อมกัน เมื่อข้ากระหม่อมซูกลับไปต้าฉู่ ต้องเกิดสงครามอย่างไม่หยุดยั้งแน่นอน ถึงเวลานั้นจะชนะหรือแพ้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคลเอง ”

ไม่ว่าจะทางไหน สำหรับองค์จักรพรรดิเย่เหลียงแล้วนั่นไม่ใช่การเคลื่อนไหวที่ฉลาดเลย ดูเหมือนว่าจะมีเพียงแต่ต้องเชื่อซูเจ๋อและเฉินเสียน ที่เขาสามารถอยู่เฉยๆแล้วได้ผลประโยชน์มา

จักรพรรดิเงียบไปสักครู่ จ้องมองซูเจ๋อแล้วพูดว่า “เจ้ามั่นใจอย่างนี้ แน่นอนว่าจะสามารถช่วยให้องค์หญิงจิ้งเสียนปราบต้าฉู่ได้?”

ซูเจ๋อพูด “ต้องขอขอบพระทัยฝ่าบาท ที่ช่วยจัดการเรื่องแม่ทัพเจิ้นหนานและเหล่ารองแม่ทัพของเขาพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิถอนหายใจเย็น เวลานั้นเย่เหลียงรู้สึกว่ากลับถูกคนอื่นควบคุม

เย่เหลียงฆ่าแม่ทัพเจิ้นหนานแล้ว กองทัพใหญ่ชายแดนของเย่เหลียงนั้นก็ยิ่งง่ายต่อการถูกควบคุม

มิน่าล่ะ ถึงแม้ว่าเขาเย่เหลียงจะจับเป็นแม่ทัพเจิ้นหนาน มาขังคุก องค์หญิงจิ้งเสียนยังคงต้องการฆ่าเขา!

พวกเขาไม่ได้เพิ่งคิดกันขึ้นมา แต่วางแผนไว้มานานแล้ว

“ข้ากระหม่อมซูเพียงคาดหวังว่าเย่เหลียงกับต้าฉู่ในอีกสิบปีข้างหน้าจะไม่มีสงครามเกิดขึ้น ข้ากระหม่อมซูจะพยายามทำตามข้อสัญญาให้ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”

“ห้าคูเมือง ควรยอมให้สามคูเมืองก่อน สองคูเมืองที่เหลือก็เก็บไว้ให้ต้าฉู่” องค์จักรพรรดิหัวเราะ แล้วพูดว่า “ข้ายังเชื่อว่าองค์หญิงจิ้งเสียนยังสามารถปราบต้าฉู่ได้ เพิ่งจะได้มีความหวังเอาสองคูเมืองกลับมา พวกเจ้าฉลาดกว่าที่ข้าคิด”

เฉินเสียนมองเห็นแสงสว่างทันที

ที่แท้ซูเจ๋อก็วางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ยอมให้สามคูเมืองก่อน แล้วค่อยทำสัญญาสองคูเมือง

ถ้าเป็นเช่นนั้น ซูเจ๋อก็ไม่ต้องโดนลงโทษจากราชสำนักของต้าฉู่ ให้กลายเป็นนักโทษ อีกทั้งยังบรรลุข้อตกลงกับองค์จักรพรรดิเย่เหลียงได้ หลีกเลี่ยงปัญหาที่ต้าฉู่กังวลเกี่ยวกับความไม่สงบภายในที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ก่อนกำหนด

เพราะว่าองค์หญิงจิ้งเสียนมีเป่ยเซี่ยหนุนหลัง เย่เหลียงไม่สามารถก่อสงครามกับต้าฉู่ได้ แต่เย่เหลียงทำเพื่อที่จะได้ครองสองคูเมือง ยังต้องช่วยให้องค์หญิงจิ้งเสียนได้ชัยชนะ ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือสนับสนุนเมื่อเวลาจำเป็น

องค์จักรพรรดิเย่เหลียงคือว่าวิธีทางนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่รู้สึกว่าเมื่อได้ตอบตกลงไปแล้ว เขารู้สึกถึงความอึดอัดใจอย่างมาก

เหมือนกับใช้งานเย็บปักถักร้อยของตัวเอง ท้ายที่สุดให้ผู้ชายคนอื่นเอาไปทำชุดแต่งงานผู้หญิง

จักพรรดิคิดไตร่ตรอง ทันใดนั้นก็พูดขึ้นว่า “นี่ก็ดึกมากแล้ว ทหาร ส่งองค์หญิงกลับไปพักผ่อน”

เฉินเสียนรู้ว่าจักรพรรดิต้องการเวลาในการคิดใคร่ครวญก่อนจะตัดสินใจ ยิ่งกว่านั้นในคืนนี้เธอได้รับรู้ข่าวสารต่างๆมากมาย ต่างฝ่ายต่างต้องการเวลาเข้าใจกันสักพัก

ตอนที่เฉินเสียนกำลังจะออกจากท้องพระโรง จักรพรรดิพูดขึ้นว่า “ท่านทูตอยู่ก่อน ข้ามีเรื่องที่จะถามให้ชัดเจนสักหน่อย”

เฉินเสียนหันหลังกลับ เห็นซูเจ๋อยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟอบอุ่น ถึงแม้ว่าเขาจะก้มศรีษะลงเล็กน้อย แต่เขาไม่เคยโค้งกระดูกสันของเขาเลย รูปร่างเขาสูงเรียวยาวอย่างงดงาม ค่อยๆเผยให้เห็นถึงความสง่างาม

เขาสง่างาม เหมือนกับเกิดมาพร้อมกันกับเขา เพียงปรากฏขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ แสงสว่างระยิบระยับนั้นไม่อาจจะละเลยได้

เฉินเสียนก้าวเดินออกจากท้องพระโรงใหญ่

จักรพรรดิเดินมาตรงหน้าซูเจ๋อ จ้องมองไปที่ใบหน้าของซูเจ๋อที่ชอบทำสีหน้านิ่ง แล้วพูดว่า “ข้าอยากรู้ ว่าเจ้าต้องการช่วยองค์หญิงจิ้งเสียนหรือว่าต้องการช่วยตัวเองกันแน่ หรือว่าอนาคตของต้าฉู่ ต้องให้ผู้หญิงมาตัดสินใจใช่หรือไม่?”

ซูเจ๋อพูด “องค์หญิงจิ้งเสียนเป็นบุตรของพระเจ้า เหตุใดจึงจะไม่ได้”

จักรพรรดิหัวเราะ แล้วพูดว่า “ ตามความเป็นจริง ต้าฉู่มีผู้หญิงตัดสินใจก็น่าจะดีกว่ามีผู้ชายตัดสินใจเสียอีก ให้เวลานางอีกสิบปี หลังจากสิบปีเธออาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้เย่เหลียงของข้าได้”

สถานการณ์ ณ ตอนนี้ เขาสามารถรอถึงสิบปี

ไม่แน่ในอีกสิบปีข้างหน้า ต้าฉู่ที่ปกครองโดยผู้หญิงคนหนึ่งยิ่งนานก็ยิ่งอ่อนแอ ถึงเวลานั้นเย่เหลียงก็สามารถทำลายต้าฉู่ได้ ก็ยังไม่สาย

ครองราชย์หลายชั่วอายุคนไม่ต้องสนใจว่าอีกกี่ปี

จักรพรรดิพูด “สัญญาวันนี้ ข้าต้องการให้เจ้าทำข้อตกลง”

ซูเจ๋อตอบกลับ “ นั่นจะถือว่าองค์หญิงจิ้งเสียนกับฝ่าบาทได้ตกลงรวมมือกันทำสนธิสัญญาใหม่แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”

“ไปพักเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะเตรียมหนังสือสัญญา”

ซูเจ๋อโค้งคำนับ แล้วค่อยๆออกไป เดินออกไปเพียงไม่กี่ก้าว แล้วจึงหันหลังกลับ พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า

“อุดมการณ์ของฝ่าบาทนั้นกว้างไกล ไม่รู้ว่าอีกสิบปีข้างหน้าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร แต่ถ้าฝ่าบาทอยากจะปราบต้าฉู่ให้อยู่มือ ข้ากระหม่อมซูกลับมีอีกหนึ่งวิธีพ่ะย่ะค่ะ ไม่ต้องสิ้นเปลืองกำลังทหารพ่ะย่ะค่ะ”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset